ตอนที่ 706 ผู้วิเศษเดวิล! ทำไมถึงแข่งกับฟู่อวิ๋นเซิน!
ผมสั้นสีดอกเลา
ต่างหูสีดำ
แต่งตัวได้โดดเด่น แต่กลับดูเข้ากับนิสัยของเขา
นอร์ตันมีดวงตาสีเขียวเข้ม คล้ายน้ำวนที่ดูดกลืนคนเข้าไปได้ ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
แต่รอยยิ้มของเขาไม่อยู่ลึกเข้าไปในดวงตา เพราะสีหน้าของเขาเย็นชา แววตาน่ากลัว
ซีนายยังอยู่ตรงประตู เธออึ้งไปชั่วขณะ
มะ ไม่ใช่ตาแก่เหรอ
แถมหน้าตายัง…แอบหล่อ
นอร์ตันย่อตัวลงตรงหน้าซีนายให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเธอ
ซีนายมองดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้น มือที่จับประตูอยู่เริ่มเกร็ง
นอร์ตันยิ้มมุมปาก ลูบศีรษะเธอเบาๆ “เด็กน้อย?”
ไม่รอให้ซีนายตอบเขาก็ตอบเอง “น่ารักพอสมควรเลยนะ เหมือนตุ๊กตาฝรั่ง”
พอซีนายได้ยินคำว่า ‘ตุ๊กตาฝรั่ง’ ก็แอบหวั่นใจ
ได้ยินมาว่าคนที่ชอบผ่านั่นนี่ก็ชอบทำพวกของสตาฟด้วยเหมือนกัน
ถ้า…
“ได้ ผมขอรับไว้ชั่วคราว” นอร์ตันยืนขึ้น “ไว้ผมตรวจสอบความผิดปกติในร่างกายของเธอและทำยาถอนพิษเสร็จ ผมจะเอาไปส่งคืนให้”
“อืม” อิ๋งจื่อจินกวาดตามองภายในคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า “คงไม่มีใครเข้ามาที่นี่ใช่ไหม”
“เข้ามาเหรอ” นอร์ตันได้ฟังก็แสยะยิ้ม “พวกเขากล้าเหรอ”
ตอนนี้พวกผู้วิเศษที่ประจำอยู่ในสำนักผู้วิเศษไม่มีสักคนเดียวที่ต่อสู้เก่ง
ความสามารถในการต่อสู้ของนอร์ตันเป็นที่ประจักษ์ ต่อให้เป็นผู้วิเศษจักรพรรดินีก็ยังต้องเลี่ยงการปะทะกับเขา
“อ่อ ลืมไป” นอร์ตันลูบคาง ครุ่นคิดพลางพูด “มีแค่เดวิลที่มาได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาอยู่ไหน นักบวชหญิงก็ทำนายเป็นอยู่บ้าง แอสโตรแลบบอกว่าเดวิลใกล้กลับมาแล้ว”
เขาจิบเหล้าอีกอึก “เมื่อก่อนบอสเคยบอกผมว่า พวกนักทำนายแบบบอสจะทำนายคนที่เก่งกว่าตัวเองกับคนใกล้ตัวไม่ได้ นักบวชหญิงอ่อนแอกว่าเดวิลเยอะ อย่างมากก็แค่รู้ว่าเดวิลใกล้กลับมา ไม่รู้เรื่องอื่นหรอก”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย “เดวิลก็ตายไปแล้วเหรอ”
ผู้วิเศษต้องตายแล้วไปเกิดใหม่หรือบาดเจ็บสาหัสเท่านั้นถึงจะทำให้ความทรงจำกับพลังหายไป
ซิวบอกเธอว่า สาเหตุที่ผู้วิเศษไม่เคยรวมตัวกันได้ครบก็เพราะมีคนที่ต้องปกป้องเมืองแห่งโลกกับโลกข้างนอกที่เจอภัยพิบัติมากมายเหลือเกิน
ในฐานะที่เป็นผู้วิเศษที่มีพลังมากกว่าคนธรรมดาย่อมต้องแบกความรับผิดชอบที่มากกว่า
ภัยพิบัติที่ทำลายล้างได้ในวงกว้างเช่น แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แผ่นดินถล่ม ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนกัน เป็นต้น ผู้วิเศษล้วนต้องไปช่วยหยุดยั้ง
ถึงได้เป็นแบบที่ว่าเดี๋ยวคนนั้นตาย เดี๋ยวคนนี้ก็เจ็บหนัก
กลับกลายเป็นผู้วิเศษสายซัพพอร์ตแบบซิวที่มีชีวิตอยู่มาตลอด
“อาจตายไปแล้ว และก็อาจแค่เจ็บหนักเลยไม่อยู่” นอร์ตันพิงโต๊ะ “เมื่อก่อนสำนักผู้วิเศษเคยเกิดสงครามภายในครั้งหนึ่ง ผมไม่ได้อยู่ในสงครามครั้งนั้นด้วย แค่ได้ยินในภายหลัง”
“เดวิลกับผู้วิเศษหนึ่งในสามส่วนก่อกบฏ แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าแพ้เพราะอะไร”
อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้ว “งั้นนายล่ะ”
“ผมเหรอ” นอร์ตันยักไหล่ “พูดไปบอสก็อาจไม่เชื่อ เป็นเพราะผมเบื่อไม่อยากเป็นผู้วิเศษแล้วเลยเลือกจะกลายเป็นคนธรรมดาออกไปเที่ยวเล่น”
อิ๋งจื่อจินจับหัว “ฉันเชื่อนะ”
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้จักคนประหลาดพวกนี้ได้ยังไง
แต่ละคนพิลึกพิลั่น
ซีนายที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วก็งง
เป็นครั้งแรกที่เธอเกลียดที่ตัวเองตัวหด นิสัยก็กลายเป็นเหมือนเด็ก
กว่าเธอจะคิดตามทัน มือก็จับชายเสื้อของอิ๋งจื่อจินอย่างควบคุมไม่ได้ไปแล้ว “อาอิ๋ง เขา…”
อิ๋งจื่อจินโน้มตัวลง “อืม ลืมบอกไป ตอนนี้เขายังมีอีกฉายาหนึ่ง อัศวินรถม้า ดังนั้นฉันวางใจฝากเธอไว้ที่นี่ได้”
ซีนาย “!”
แต่เธอไม่วางใจเท่าไร
ซีนายไม่มีเวลาครุ่นคิดว่าอิ๋งจื่อจินรู้จักกับผู้วิเศษอัศวินรถม้าได้อย่างไร เพราะสมองดึงเธอกลับไปที่เย็นเมื่อวาน
อุณหภูมิมือของผู้ชายของคนนั้นคล้ายยังอยู่ที่ใบหูของเธอ มีความร้อนเล็กน้อยจากการเสียดสี
นอร์ตันเลิกคิ้ว เชิดคางขึ้น “เด็กน้อยคนนี้หน้าแดงทำไม”
ซีนายได้สติกลับมาทันที ลูบศีรษะ สีหน้าไร้อารมณ์ “ฉัน ร้อน”
“อากาศก็ร้อนจริงๆ” อิ๋งจื่อจินไม่ได้คิดไปทางอื่น เธอเหล่มองนอร์ตัน “นายทนร้อนเก่ง อย่าลืมเปิดแอร์ด้วยล่ะ”
นอร์ตันขมวดคิ้วอีกครั้ง “ยุ่งยากจริง”
“ฉันไปก่อนล่ะ” อิ๋งจื่อจินวางกล่องลง “ในนี้เป็นพวกยากับสมุนไพร พอให้พวกนายใช้ไประยะหนึ่ง”
ซีนายมองอิ๋งจื่อจินเดินออกไป ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้ง
ภายในคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่เหลือเพียงผู้ใหญ่กับเด็กอย่างละคน
ห้องโถงเงียบสนิท
นอร์ตันหันมา หรี่ตาเล็กน้อย “ฉันว่าเธอหน้าคุ้นๆ”
ซีนายถอยหลังหนึ่งก้าว “ฉันไม่คิดว่าคุณหน้าคุ้น”
“งั้นเหรอ…” นอร์ตันเดินเข้าไปอีกครั้ง ก้มตัว “ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนใช่หรือเปล่า”
ซีนายเกร็งจนตัวชิดกำแพง ส่ายหน้าสุดชีวิต “ไม่เคย”
“ก็จริง” นอร์ตันลูบหัวเธอ “ถ้าฉันเคยเจอเธอมาก่อนเธอคงนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดไปแล้ว”
ซีนาย “…”
เธอกลัวจริงๆ นะ
“วางใจได้” นอร์ตันยิ้ม “ฉันต้องทำตามคำขอของบอสแน่นอน พยายามจะไม่ชำแหละเธอ”
ซีนาย “…”
เธอไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
ถ้าเป็นผู้ชายที่แค่มีแรงธรรมดา เธอยังพอจะอาศัยอุปกรณ์เทคโนโลยีจัดการอีกฝ่ายให้น่วมได้
แต่ผู้วิเศษอัศวินรถม้าเหรอ
เธอล้มเลิกความฝันแล้วกลายเป็นปลาเค็มดีกว่า
“จึ๊ เด็กน้อย ทำไงดี ที่นี่ไม่มีชุดเด็กให้เธอใส่” นอร์ตันมองสำรวจซีนายหัวจรดเท้า “พาเธอไปซื้อเสื้อผ้าก่อนแล้วกัน”
พูดจบก็ไม่รอให้ซีนายปฏิเสธ เขายกมือข้างหนึ่งหิ้วเธอออกไปอย่างสบายๆ
เหมือนหิ้วถุงก๊อบแก๊บ พาเธอออกไปข้างนอก
ซีนายเกือบหายใจไม่ทัน
“เอ่อคือ คุณทำแบบนี้ฉันหายใจลำบาก” ซีนายลังเล ขอแย้งหน่อย “ช่วยเปลี่ยนท่าได้หรือเปล่า”
“อ่อ ไม่ได้”
“…”
…
อีกด้านหนึ่ง
อิ๋งจื่อจินเพิ่งกลับมาถึงสำนักวิจัย
มีข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือหลายข้อความ
เป็นรูปถ่ายหลายรูป
ในนั้นเป็นซีนายร่างหกขวบที่สูงหนึ่งร้อยยี่สิบเซนติเมตรสวมชุดกระโปรงสารพัดแบบ มองกล้องด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ต่อมาก็มีข้อความเข้า
[จึ๊ สวยดีใช่ไหมล่ะ]
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่น้ำเสียงแบบซีนาย
เมื่อก่อนซีนายอยู่ที่สำนักวิจัยตลอด สวมชุดทำการทดลองทุกวัน ไม่มีทางออกไปซื้อเสื้อผ้า
ใครพาไปไม่ต้องบอกก็รู้
อิ๋งจื่อจิน “…”
ทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่านอร์ตันมีนิสัยแบบนี้ด้วย
เห็นเป็นตุ๊กตาฝรั่งจริงเหรอ
สักพักก็มีข้อความเข้ามาอีก
ซีนาย : [เขาน่ากลัวมาก(ร้องไห้)]
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดแล้วปลอบใจ
[ไว้รอร่างกายเธอกลับมา นิสัยกลับมา เธอจะไม่รู้สึกว่าเขาน่ากลัวแล้ว
เดิมทีเขาก็ไม่ปกติ เธออย่าพูดคุยกับเขาเหมือนเขาเป็นคนปกติ]
ซีนายในสภาวะที่ปกติเย็นชาเหมือนน้ำแข็งยิ่งกว่านอร์ตัน
ทั้งสองคนไม่มีทางมีอะไรให้คุยกัน
อิ๋งจื่อจินเก็บโทรศัพท์ เข้าไปในห้องทดลอง
สมาชิกกลุ่มบีต่างกำลังตั้งใจทำโปรเจ็กต์
พอเยี่ยซือชิงเห็นอิ๋งจื่อจินกลับมาก็กวักมือเรียกด้วยความดีใจ “อาอิ๋ง พวกเราเหลือขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้รออะไหล่ที่สั่งจากเว็บดับบลิวมาถึงก็สำเร็จแล้วล่ะ”
“อืม ลำบากทุกคนแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินหยิบเครื่องดื่มหลายขวดออกมาจากถุงมหัศจรรย์ “ช่วงหลายวันนี้ฉันไม่ได้เข้าห้องทดลอง ขั้นตอนที่เหลือต้องพึ่งทุกคนแล้วค่ะ”
“เล็กน้อยๆ” เยี่ยซือชิงพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะอาอิ๋งวาดแบบออกมาได้ ตอนนี้พวกเราคงยังนั่งกลุ้มกันอยู่”
อิ๋งจื่อจินเปิดขวดเครื่องดื่ม ล็อกอินเข้าเว็บดับบลิว อ่านข่าวทั้งหมดของเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
อ่านอย่างต่อเนื่อง เธอใส่ใจอ่านอย่างละเอียด
ด้านนอกห้อง กลุ่มเอเดินผ่าน
สวีจิ่งซานหันมามอง
พอเห็นคนอื่นๆ กำลังประกอบวัสดุ แต่มีแค่อิ๋งจื่อจินที่เล่นคอมพิวเตอร์ เขาก็ยิ้มประชด
“คุณหนูบิลครับ ดีแล้วที่คุณหนูบิลไม่ได้ให้เธอเข้ากลุ่มเอ ดูสิครับ ขี้เกียจขนาดนั้น ถ้าเข้ากลุ่มเอจริง ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วย ยังจะมาขอใส่ชื่อด้วย ใช้วิธีไม่สุจริต”
บิลก็ย่อมมองไป เธอขมวดคิ้ว “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก รีบทำโปรเจ็กต์เร็วเข้า ตอนเย็นฉันยังต้องกลับบ้านอีก”
เธอรู้สึกหงุดหงิดใจ
อยากให้สำนักผู้วิเศษออกคำสั่งเลือกหัวหน้าตระกูลคนใหม่โดยเร็ว
…
ตระกูลอวี้
คนคุ้มกันที่เฝ้าหน้าประตูรั้วพากันทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง “ท่านหัวหน้าตระกูล คุณชายใหญ่”
พอได้ยินคำเรียกแบบนี้ฟู่อวิ๋นเซินก็เหลือบตาขึ้น กวาดตามองพวกคนคุ้มกัน
พวกคนคุ้มกันตัวเกร็ง รีบเปลี่ยนคำเรียก “คุณชายฟู่”
ฟู่อวิ๋นเซินละสายตากลับมา
เขาไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลอวี้
“เจ้าเจ็ด รออยู่ที่นี่ก่อนนะ” เซ่าอวิ๋นมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ยังคงเป็นห่วง “พ่อจะไปเอาของ เดี๋ยวมา”
ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม ยืนงอขาพิงต้นไม้ หันไปมองสนามฝึกที่อยู่ด้านข้าง
ได้ยินผู้เฒ่าฟู่เล่าว่า เมื่อก่อนฟู่หลิวอิ๋งใช้ปืนไม่เป็น
แต่หลังจากหายตัวไปหลายปีกลับมาก็ยิงปืนแม่นแบบยิงร้อยเข้าร้อย
ใครสอน เห็นได้ชัด
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว
ฟู่หลิวอิ๋งเคยเป็นคนที่มีความสุข
เวลานี้มีเสียงพูดประชดดังขึ้น
“โอ๊ะ นี่มันคุณชายใหญ่ของตระกูลอวี้ของพวกเรา ฟู่อวิ๋นเซินไม่ใช่เหรอ”
“คนตระกูลอวี้ทั้งนั้น ทำไมยังแซ่ฟู่อยู่ล่ะ”
ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้น สีหน้ากึ่งยิ้ม “หืม?”
นี่คือพวกคุณชายสายตรงคนอื่นๆ ของตระกูลอวี้
ไม่ได้เกิดจากอวี้เซ่าอวิ๋น แต่เป็นสายตรงเหมือนกัน มีคุณสมบัติที่จะเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเช่นกัน
ขณะที่คุณชายห้ากำลังจะพูดอะไรต่อก็สบตากับดวงตาดอกท้อคู่นั้น
ฟู่อวิ๋นเซินยืดตัวตรง แค่เอามืดจัดเสื้อเชิ้ตอย่างไม่ใส่ใจ
บุคลิกที่น่าหวั่นเกรงแบบนั้นได้สร้างความหวาดกลัวจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
คุณชายห้าตัวสั่น หันตัวเตรียมหนี
แต่พอเขาคิดได้ว่าไม่ได้มาคนเดียวก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
“พี่ใหญ่ ไม่ง่ายเลยนะที่จะได้เจอพี่” คุณชายห้าใจกล้าพูดขึ้น “วันนี้พวกเราจะแข่งยิงธนูพอดี ฤกษ์ดีไม่สู้ฤกษ์สะดวก พี่ใหญ่ก็มาแข่งด้วยกันสิ”
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าคนที่มาจากเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทรมีดีอะไรกันแน่
ทั้งสามคนล้อมฟู่อวิ๋นเซินไว้
ทางด้านนี้เอะอะพอสมควร จนพ่อบ้านสังเกตเห็น
เห็นคุณชายสายตรงสามคนล้อมฟู่อวิ๋นเซินไว้เขาก็ขมวดคิ้ว กำลังจะเข้าไปห้าม
แต่จูซาที่อยู่ด้านหลังยกมือขึ้นห้ามพ่อบ้าน ยิ้มพลางพูด “พวกเด็กๆ เล่นกันสนุกๆ พวกเราเป็นผู้ใหญ่ไม่ต้องไปยุ่งหรอก เด็กหนุ่มมีบาดแผลบ้างจะเป็นไรไป”
พ่อบ้านเท้าชะงัก
แม้เขาจะไม่ชอบฟู่อวิ๋นเซิน แต่ไม่ว่าอย่างไรฟู่อวิ๋นเซินก็เป็นลูกชายของอวี้เซ่าอวิ๋น
คุณชายเหล่านี้ที่เป็นตัวเต็งลงแข่งคัดเลือกหัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไป มีฝีมือต่อสู้โดดเด่นจนน่าตกใจในรุ่นเดียวกัน
ฟู่อวิ๋นเซินเพิ่งมาเมืองแห่งโลกได้ไม่นาน ไม่เคยได้รับการฝึกอย่างเป็นแบบแผนจากตระกูลอวี้ จะสู้อะไรได้
สุดท้ายพ่อบ้านก็พูดขึ้น “คุณนายใหญ่ ทางท่านหัวหน้าตระกูล…”
“ท่านหัวหน้าตระกูลก็ผ่านมาแบบนี้” จูซายังคงยิ้ม “ลูกผู้ชายอกสามศอก อยากมีชีวิตที่สงบสุขไปทั้งชีวิตงั้นเหรอ”
พ่อบ้านพูดไม่ออกแล้ว
เขาเองก็อยากดูเหมือนกันว่าฟู่อวิ๋นเซินมีฝีมือหรือเปล่า
อยากสืบทอดตระกูลอวี้ มีแค่ความลำเอียงของอวี้เซ่าอวิ๋นมันยังไม่พอ
จูซานั่งบนอัฒจันทร์ข้างสนามฝึก เอามือบังริมฝีปาก “ไปเชิญคุณนายผู้เฒ่ามา”
คนรับใช้หญิงโค้งตัว “รับทราบค่ะ”
เมื่อวานคุณนายผู้เฒ่าอวี้เพิ่งถูกยกเลิกกักบริเวณ พอจูซาส่งคนไปเชิญ เธอก็มาทันที
พอเห็นคนที่อยู่ในสนาม สีหน้าของเธอก็ขรึมลง “ซาเอ๋อร์ แม่ไม่อยากดูเขา ไป เราไปหาเซ่าอิ่งกัน”
ลูกนอกคอก เกะกะสายตาเธอ
จูซานั่งนิ่งไม่ขยับ แค่ยิ้ม “คุณแม่คะ ลูกชายของอาอวิ๋นทั้งนั้น อย่าลำเอียงสิคะ ลองดูหน่อย เขามีข้อดีเยอะอยู่นะคะ”
คุณนายผู้เฒ่าอวี้พูดประชด “ดูอะไร หน้าตาเหรอ”
เธอนึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ได้กีดกันฟู่หลิวอิ๋งกับอวี้เซ่าอวิ๋นได้ทันเวลา
ฉุดสายเลือดสูงศักดิ์ของตระกูลอวี้ให้ต่ำลง
คุณนายผู้เฒ่าอวี้ข่มอารมณ์โมโห หลับตาลง
ในสนาม
ด้านข้างมีทั้งอาวุธระยะประชิดและอาวุธระยะไกล
“พี่ใหญ่ เชิญเลย” คุณชายห้ายิ้มประสงค์ร้าย “คงไม่ได้ยิงธนูไม่เป็นใช่ไหม ยิงธนูมันทักษะขั้นพื้นฐานเลยนะ ถ้าแค่นี้พี่ยังไม่เป็นมันก็ออกจะเกินไปหน่อยนะ”
คุณชายสี่หยิบคันธนูที่อยู่ด้านข้าง “พูดมากไปทำไม เอาให้พี่ใหญ่ลองเลยก็ได้แล้ว”
เขายื่นคันธนูให้ฟู่อวิ๋นเซินขณะพูด