ซุนจ้งต๋ามีนิสัยเจ้าเล่ห์ เชี่ยวชาญการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง แม้นว่าจะดูชั่วร้าย แต่ก็นิ่งสงบกว่าผู้ฝึกกระบี่คนอื่น
ตอนที่ลูกศิษย์ในสำนักออกท่องโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเขาติดต่อกับโลกภายนอก
ที่มีท่าทางกระอักกระอ่วนต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ใช่เรื่องความอาวุโสเท่านั้น แต่เพราะในอดีตเขาเคยปลอมตัวเป็นเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อเคลื่อนไหวบนโลกซ้อนโลก คาดคิดไม่ถึงว่าจะโชคร้าย ปลอมตัวได้แค่ไม่กี่วัน ก็พบกับเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงเข้าให้
หลังจากจับเขาแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ทำให้เขาลำบากลำบนจริงๆ
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับกลายเป็นผู้อาวุโสของเขา ต่อให้ซุนจ้งต๋ากลอกกลิ้งขนาดไหน ยามนี้พอเจอเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ก็ประดักประเดิดจนอยากหารูบนพื้นเพื่อมุดเข้าไป
ครู่ต่อมา ในที่สุดเขาก็สงบจิตใจได้ วางท่าจริงจัง คารวะเยี่ยนจ้าวเกอ “ขอตอบอาจารย์อาเยี่ยน ที่นี่อยู่ใกล้กับมรกตท่องฟ้าจริงๆ พวกเราออกมารวบรวมของวิเศษจำนวนหนึ่งที่หาได้เฉพาะในมิติต่างแดน ตอนนี้เก็บมาได้มากพอแล้ว กำลังจะกลับมรกตท่องฟ้าพอดี ถ้าหากอาจารย์อาเยี่ยนมีเวลาว่าง สะดวกร่วมทางกับข้าหรือไม่ เหล่าผู้อาวุโสในสำนักพูดถึงท่านกับอาจารย์ลุงเยี่ยนบิดาของท่านอยู่บ่อยๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสสำนักท่านเกรงใจไปแล้ว สมควรเป็นข้าผู้แซ่เยี่ยนรบกวนถึงจะถูก กล่าวไปก็ละอาย ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าพวกเรามาจากที่เดียวกัน จนกระทั่งพิธีเปิดสำนักในครั้งนี้ บิดากับข้าจึงค่อยรู้เรื่องของบรรพบุรุษ ถึงแม้จะอยู่บนโลกซ้อนโลก แต่ว่าพวกเราสองพ่อลูกก็อยากจะหาโอกาสมาเยือนมรกตท่องฟ้าเพื่อพบกับจักรพรรดิน้ำพุมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่มีเวลาสักที ก่อนหน้านี้จึงรอโอกาสอยู่ คิดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาเร็วถึงเพียงนี้ ข้าผู้แซ่เยี่ยนรู้สึกประหลาดใจยิ่ง ถ้าหากว่าผู้อาวุโสแห่งมรกตท่องฟ้าไม่ว่าอะไร ข้าผู้แซ่เยี่ยนหวังว่าจะได้ไปเยี่ยมเยือน”
ซุนจ้งต๋ากล่าว “นั่นย่อมประเสริฐที่สุด อาจารย์อาเยี่ยนโปรดตามข้ามา”
เขามองเมิ่งหว่าน “ท่านนี้คือสหายในสำนักของอาจารย์อาเยี่ยนหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “นางคือบุตรีของจักรพรรดิแพร หนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งโลกซ้อนโลก นางร่วมทางกับข้า ไม่ทราบว่าสามารถเข้าไปในมรกตท่องฟ้าได้หรือไม่”
“บุตรีของจักรพรรดิแพรงาม?” ซุนจ้งต๋ามองเมิ่งหว่านด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ในฐานะผู้โดดเด่นในรุ่นคนหนุ่มสาวแห่งโลกซ้อนโลก ซุนจ้งต๋าทราบถึงรูปร่างหน้าตาของฟู่ถิง
แต่เขาไม่ได้กล่าวต่อ พยักหน้าเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นสหายร่วมทางของอาจารย์อาเยี่ยน ก็ย่อมได้อยู่แล้ว”
ถึงแม้ว่าในใจจะคิดถึงการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรขาวดำ ทว่าตอนนี้จักรพรรดิแพรทั้งสองหายไปไร้ร่องรอย จึงได้แต่สลัดความคิดทิ้งไปชั่วคราว
เพียงแต่ในวันเวลาต่อจากนี้ จะต้องวางแผนในการรวบรวมข่าวสารด้านนี้อีก
เยี่ยนจ้าวเกออยากจะหาโอกาสมามรกตท่องฟ้าตั้งแต่แรก ตอนนี้ในเมื่อโอกาสมาถึง เขาย่อมไม่อาจละทิ้ง
ภายใต้การนำของพวกซุนจ้งต๋า เขากับเมิ่งหว่านเข้าไปในโลกใบใหม่
ท้องฟ้าสีคราม ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น แตกต่างกับโลกซ้อนโลก แต่ก็มีความน่าอัศจรรย์คล้ายกัน
เมื่ออยู่ที่นี่ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสถึงปราณที่คมกล้าสายหนึ่งได้อย่างชัดเจน เหมือนกับตนยืนอยู่บนคมกระบี่ก็ไม่ปาน
สำหรับโลกใบหนึ่งแล้ว สมดุลของปราณวิญญาณในลักษณะนี้ดูจะประหลาดมากเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ พลันครุ่นคิดไม่กล่าววาจา
“จอมยุทธ์ซึ่งมีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ และมามรกตท่องฟ้าเป็นครั้งแรกอาจจะไม่ชินเท่าไรนัก” ซุนจ้งต๋ากล่าว “อาจารย์อาเยี่ยนย่อมไม่เป็นไร แต่แม่นางท่านนี้อาจลำบาก”
เมิ่งหว่านยิ้มเล็กน้อย “หาเป็นไรไม่ ทำให้ข้าได้เปิดหูปิดตาจริงๆ”
ไม่ทันไร เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้พบคนรู้จักอีกคน
อดีตลูกศิษย์เขาโถงทองแห่งเขตตะวันอาคเนย์ในโลกซ้อนโลก หลินฮั่นหัว ‘ราชากระบี่ภูผาเงา’ ผู้ฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ในปัจจุบัน หลงฮั่นหัว
“ศิษย์พี่หลง ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอทักทายพร้อมหัวเราะฮ่าๆ
ก่อนมาถึงที่นี่ เขาได้ทราบแล้วว่าหลินฮั่นหัวเป็นชื่อปลอม ชื่อจริงของอีกฝ่ายคือหลงฮั่นหัว เป็นบุตรของหลงเสวี่ยจี้ ‘เทพกระบี่น้อย’ ที่เคยพบหน้ากันโดยบังเอิญ และเป็นหลานของจักรพรรดิน้ำพุหลงกับกษัตริย์ลี้ลับ
พูดถึงลำดับศักดิ์แล้ว ถือเป็นคนรุ่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ
ชื่อไม่เหมือนเดิม แต่คนยังเป็นคนเดิม ต่อให้ยืนเฉยๆ ก็เหมือนกับกระบี่ที่หลุดจากฝัก เผยความคมกล้า ทำให้ผู้คนไม่อาจมองตรงๆ
หลังจากการพบเจอกันครั้งล่าสุดของพวกเขาสองคน ก็ผ่านไปแล้วเกือบสิบปีแล้ว
หลงฮั่นหัวในตอนนี้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย รูปร่างหน้าตาของเขากลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
พอเห็นเยี่ยนจ้แวกอ บนใบหน้าของเขาก็ฉายรอยยิ้ม “กลับคิดไม่ถึงว่าท่านจะมายังมรกตท่องฟ้า เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เหล่าผู้อาวุโสยังคาดเดาว่าต้องรออีกสักระยะ ท่านกับอาจารย์ลุงเยี่ยนถึงจะมาหาพวกเราที่นี่”
การติดต่อของคนในโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก เพราะในปัจจุบันทั้งสองฝ่ายไม่ได้ปรองดองกัน
แต่เยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกมีสถานการณ์พิเศษมากมาย เพียงแต่จำเป็นต้องกระทำอย่างเงียบๆ ไม่อาจโฉ่งฉ่างมากเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าต้องมาให้เร็วที่สุด แต่ที่วันนี้มาถึงที่นี่ได้เป็นเพราะความบังเอิญส่วนหนึ่งจริงๆ และเป็นเพราะข้าโชคดีด้วย”
“ไม่แน่ว่าจะโชคดี” หลงฮั่นหัวกล่าวอย่างกระตือรือร้น “เป็นเพราะคำนวณว่าท่านกับอาจารย์อาเยี่ยนคงไม่ได้มาเร็วขนาดนี้ ดังนั้นหลายวันก่อนหน้านี้ท่านปู่จึงเข้าฌานฝึกฝน ท่านมาในครั้งนี้อาจจะไม่เจอท่านผู้เฒ่า”
พวกซุนจ้งต๋าแอบตกตะลึงอยู่ใกล้ๆ
อาจารย์อาหลงท่านนี้แม้ไม่ได้มีนิสัยดุดันเหมือนบิดาของเขา แต่ก็เงียบขรึม เย็นชา และแข็งกร้าว
ตั้งแต่เขากลับมาอยู่ในมรกตท่องฟ้า นอกจากยามอยู่ต่อหน้าเกาฉิงแล้ว ลูกศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นๆ ก็ไม่เคยเห็นหลงฮั่นหัวพูดจากับผู้คนเช่นนี้
“อาจารย์ปู่หลงเข้าฌานแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผาก กล่าวด้วยรอยยิ้มหนักใจ “น่าเสียดายจริงๆ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านอื่นอยู่หรือไม่”
ตอนอยู่บนโลกซ้อนโลกเขากับหลงฮั่นหัวมีความสัมพันธ์ไม่เลว วันนี้พอได้พบหน้าก็รู้สึกยินดี พูดคุยกันอย่างออกรส
“บิดาไม่ได้เข้าฌาน ท่านลุงใหญ่เองก็น่าจะอยู่” หลงฮั่นหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอได้ยินว่าท่านมา พวกเขาก็ดีใจยิ่ง ตามข้ามาเถอะ”
…
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางอยู่หลายวัน ผละจากนพยมโลก ข้ามผ่านนชายฝั่งยมโลก ล่องลอยอยู่ในมิติต่างแดน สุดท้ายมาถึงมรกตท่องฟ้า ก็มีคนผู้หนึ่งหลุดออกจากนพยมโลกเช่นกัน
ณ ยอดเขาเฉียนหัวบนเขาคุนหลุนในโลกซ้อนโลก
นิวาสสถานที่อยู่ที่นี่เป็นของคนที่มีชื่อเดียวกับมัน
สมควรบอกว่า หลังจากถูกเจ้าของที่นี่ยึดครอง ก็ตั้งชื่อให้ยอดเขาลูกนี้เสียใหม่
นี่ยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังบนโลกซ้อนโลก
เจ้าของของมันย่อมเป็นเฉินเฉียนหัว ประมุขทิศบน ผู้อยู่ในอันดับหนึ่งแห่งประมุขทั้งสิบ
กระนั้นในเวลาส่วนใหญ่แล้ว เฉินเฉียนหัวไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่
ตรงกันข้าม น้องชายของเขา คุณชายดินเฉินคุนหัว ในปีหนึ่งจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งพักอาศัยและฝึกฝนอยู่ในนี้
วันนี้ขณะที่เฉินคุนหัวอยู่ในนิวาสสถาน ก็พลันมีแสงสว่างส่ายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า
แสงสลายไป เป็นเฉินเฉียนหัว ประมุขทิศบนปรากฏกายขึ้น
บนใบหน้าซึ่งมักจะเกียจคร้านของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งโลกซ้อนโลกผู้นี้ ตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นข้องที่หาได้ยาก
“พี่ใหญ่ นี่ท่าน…” เฉินคุนหัวมองพี่ชายของตัวเองด้วยความงงงวยเล็กน้อย
เฉินเฉียนหัวโบกมือ กล่าวอย่างรำคาญใจว่า “ไม่ต้องกล่าว ข้ากลับพลาดเรื่องที่สนุกสุดๆ ไปแล้ว! ในโลกนี้ไม่มีเรื่องราวที่ทำให้คนหงุดหงิดมากกว่านี้ได้อีกแล้วจริงๆ”
………………..