บทที่ 373 หรือว่าจะเป็นเต่านั่น
ปรากฏอีกาดำในเพลิงเทพไร้ที่สิ้นสุด สียังเป็นสีแดงอมทอง
นี่ทำให้คนนึกไปถึงสัตว์เทพระดับสูงบางตัว…อีกาเทพอีกาทอง
เสิ่นเทียนกับเยวี่ยอวิ๋นเต๋อมองหน้ากัน มองอีกาเทพอีกาทองที่มีกลิ่นอายสีดำวนเวียนรอบกายด้วยแววตาตกใจระคนหวาดกลัว
อีกาเทพอีกาทองนี้ถูกพลังแห่งแรงอาฆาตพัวพันกลายเป็นวิญญาณอาฆาต หากเป็นที่อื่นคงไม่เป็นอะไร แต่นี่อยู่ในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทอง
ข้อมูลที่แฝงอยู่ในนั้นทำให้คนคิดแล้วต้องหวาดกลัวสุดขีด
“หรือว่านี่จะเป็นดวงจิตเทพของมหาจักรพรรดิอีกาทอง”
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเหมือนกำลังพึมพำกับตัวเอง แต่ไม่นานก็ส่ายหน้า “มหาจักรพรรดิอีกาทองไม่ได้สิ้นชีพ แต่ลอยขึ้นโลกเซียนไปนานแล้ว จะมีดวงจิตเทพอยู่โลกเบื้องล่างได้อย่างไร
อีกทั้งหากเป็นดวงจิตเทพของมหาจักรพรรดิอีกาทองจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังรบเพียงเพิ่งก้าวสู่ระดับอริยะ ทุกคนทั้งสุสานต้องตาย”
เสิ่นเทียนกวัดแกว่งค้อนเทพกำราบสมุทรปราบอีกาทองแรงอาฆาตไปพลาง พูดอย่างจำใจไปพลาง “ศิษย์พี่ ออกมือช่วยหน่อยไม่ได้รึ”
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อหัวเราะเหอะๆ “ศิษย์น้องน่าเกรงขามมีความสามารถเลิศล้ำ ไฉนจะต้องให้ข้าช่วย สู้ๆ ศิษย์น้อง ข้าจะเอาใจช่วยเจ้า ส่งแรงให้เจ้า!”
เสิ่นเทียนพูดไม่ออก
ตอนนี้เขาสงสัยหนักมากว่าเจ้าอ้วนนี่เป็นศิษย์เทพสวรรค์หรือศิษย์ของอาจารย์ลุงบัวมรกตกันแน่
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็โปรดสัตว์อีกาทองนี่ไปพอประมาณแล้ว นี่เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว
เสิ่นเทียนเร่งรัดใช้ถาดวัฏจักรหกมรรคต่อ โปรดสัตว์พลังแห่งวิญญาณอาฆาตที่วนเวียนรอบอีกาทอง ขณะเดียวกันยังใช้ค้อนทุบอีกาทองที่พยายามจะบินขึ้นมาเหมือนกับตัวตุ่นกลับไปเรื่อยๆ
แควก~
ปัง!
แควก~
ปัง!
แควก~
ปัง!
ค้อนเทพกำราบสมุทรควงใส่ศีรษะอีกาทองนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุบมันลงกับพื้น
ลูกประคำเก้าโอรสตรงข้อมือเสิ่นเทียนสั่นไหวเบาๆ “นายท่าน แรงอาฆาตของอีกาทองเหมือนจะถูกโปรดสัตว์ไปด้วย และยังกำเนิดขึ้นมาด้วย”
แรงอาฆาตยังกำเนิดได้ด้วยรึ
เสิ่นเทียนเพ่งสายตาเล็กน้อย ในนั้นมีประกายแสงสีเงินปรากฏรางๆ
เขาเองก็สัมผัสได้รางๆ ว่าเมื่อเขาใช้ถาดวัฏจักรหกมรรคโปรดสัตว์อีกาทองอาฆาต แรงอาฆาตรอบตัวมันก็น้อยลงเรื่อยๆ
แต่แรงอาฆาตพวกนี้กลับยังกำเนิดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับไฟป่าที่เผาไม่รู้จบ
“อีกาทองนี่คือตัวอะไรกันแน่”
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพูดพึมพำ “เดิมทีสัตว์เทพอีกาทองในห้าดินแดนมีน้อย และยังปรากฏในสุสานมหาจักรพรรดิอีกาทองอีก หรือว่า…”
นักพรตอ้วนยังเอ่ยไม่จบ เสิ่นเทียนพลันเพ่งสายตาเป็นสมาธิ “ศิษย์พี่ หนีเร็ว!”
เมื่อเอ่ยจบ ก็ปรากฏแสงเทพห้าสีรอบตัวเสิ่นเทียน
พลังของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินพลันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พลันปรากฏกรงแสงเทพที่รวมขึ้นจากแสงเทพปัญจธาตุขึ้นข้างหลัง
บึ้ม!~
แสงเทพห้าสีบดบังฟ้าและดวงตะวัน ปกคลุมอีกาทองอาฆาตไว้ในนั้น
ต่อมา เสิ่นเทียนดึงนักพรตอ้วน พลันกลายเป็นแสงสีทองพุ่งไปอีกทางหนึ่ง
อีกาทองอาฆาตนั้นดิ้นพุ่งชนอย่างบ้าคลั่งในกรงแสงเทพห้าสี แต่มันที่ถูกโปรดสัตว์แรงอาฆาตไปมากกว่าครึ่งถูกลดพลังลงไปมากกว่าครึ่งแล้ว
แม้กรงแสงเทพห้าสีจะสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่ก็ยังไม่แตกกระจาย เพียงแต่แสงสว่างกำลังค่อยๆ อ่อนแสงลง
แควก~!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงนกร้องแหลมเล็กดังขึ้นในเส้นทางเดินอีกครั้ง
ปรากฏเปลวไฟสีดำอมแดงขึ้นในเส้นทางอีกกลุ่ม ทั้งยังแผ่อำนาจคุกคามจากในเปลวไฟนั้นน่ากลัวกว่าอำนาจคุกคามจากอีกาทองอาฆาตตัวก่อนหน้านี้อีก
บึ้ม~
ลูกกลมไฟที่หดตัวสุดขีดพุ่งออกมาจากในเปลวไฟสีดำอมแดง
ลูกกลมไฟนี้แผ่กลิ่นอายร้อนระอุที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา เหมือนกับดวงตะวันเล็ก
ทันทีที่ลูกกลมไฟนั้นปะทะกับแสงเทพห้าสี กรงแสงเทพห้าสีก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งในและนอกถูกจู่โจมอย่างรุนแรง
กึก~
กรงแสงเทพห้าสีแตกออกช้าๆ อีกาทองอาฆาตที่ถูกโปรดสัตว์ไปมากกว่าครึ่งหลุดจากพันธนาการอีกครั้ง
ร่างสีแดงอมทองถูกหุ้มด้วยแรงอาฆาตสีดำอีกครั้ง จิตสังหารล้นฟ้าหลั่งทะลักออกมาจากแรงอาฆาต เหมือนจะทำลายล้างโลก
อีกทั้งเมื่ออีกาทองอาฆาตสองตัวเข้าใกล้กัน กลิ่นอายพลังที่แผ่มาจากทั้งสองยังแกร่งขึ้นด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ เหมือนจะเกื้อหนุนกัน
อีกาทองสองตัวนี้ไล่ตามไปทางเดียวกับเสิ่นเทียน ผ่านไปที่ใดจะมีกลิ่นอายมารหลั่งทะลัก แม้แต่ลายเทพในเส้นทางยังเหมือนอ่อนแสงลง สุสานจักรพรรดิที่เดิมทีโอ่อ่ายิ่งใหญ่ มีความมืดทะมึนน่าสะพรึงเพิ่มมาหลายส่วน
เวลานี้ แม้แต่การคงอยู่ระดับอริยะจากขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นยังรู้สึกหนักหน่วงในใจ
เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง!
…..
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นเทียนลากนักพรตอ้วนสำแดงย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาต เคลื่อนที่ไปไกลหมื่นจั้งในพริบตา
จากนั้นเขาสำแดงวิชามิติ สองคนซ่อนในมิติเก็บกลิ่นอายพลังทั้งหมด เหมือนกับหายไปในพริบตา
กลอุบายนี้ นักพรตอ้วนเห็นแล้วยังแปลกใจ
เขาจ้องเสิ่นเทียนเขม็ง ดวงตาลุกวาว เหมือนมองผลงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ และยังเหมือนจ้องสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ชิ้นหนึ่ง
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น”
นักพรตอ้วนอึ้งไป ใบหน้าตุ้ยนุ้ยพลันเผยรอยยิ้มเก้อเขิน “ศิษย์น้องเข้าใจผิดแล้ว ปกติศิษย์พี่ก็ไม่ดี…ถุย ข้าก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นเหมือนกัน”
นักพรตอ้วนพูดพลางเผยรอยยิ้มเฝ้ารอคอย “ศิษย์น้อง เมื่อครู่เจ้าใช้ยอดวิชาที่หายสาบสูญไปเมื่อหมื่นปีก่อนของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตใช่หรือไม่”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ใช่ มีอะไรรึ”
นักพรตอ้วนรีบเอ่ย “เรียนมาจากตะพาบนั่นรึ”
นักพรตอ้วนพูดพลางมุมปากกระตุกเบาๆ “เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เหมือนกัน เหตุใดตะพาบนั่นถึงไม่สอนข้า ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”
เมื่อเห็นนักพรตอ้วนโมโหจัด เสิ่นเทียนก็ยิ้มแห้งๆ ด้วยความจนปัญญา
เปิดปากปิดปากก็เรียกเจ้าตะพาบนั่น เขาถ่ายทอดยอดวิชาก้นหีบให้เจ้าสิแปลก!
ผู้อาวุโสไป๋ตี้นั่นมองทีแรกก็รู้ว่าไม่ใช่คนใจกว้าง แล้วปากร้ายอย่างเจ้า เขาไม่กัดเจ้าก็ถือว่าเห็นแก่มิตรภาพในสำนักเดียวกันแล้ว
นักพรตอ้วนมองต้นขาของเสิ่นเทียนอย่างเจ้าเล่ห์ “ศิษย์น้อง เรามาหารือกันดีกว่า เจ้าสอนย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้ข้าเถอะ! ข้าเป็นศิษย์พี่แท้ๆ ของเจ้าเชียวนะ!”
สอนย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตให้เจ้ารึ
เสิ่นเทียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี สารภาพตามตรงว่าเขาอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว
ถึงอย่างไรแม้ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตจะมีความเร็วเกินจริงไปมาก กระทั่งวัดที่ความเร็วในระยะสั้นยังแกร่งกว่าวิชาคุนเผิง
แต่เขามีคัมภีร์จักรพรรดิกับตัวเยอะขนาดนี้แล้ว ย่างก้าวเงาเทพอสุนีบาตถือว่าแค่โดดเด่น ไม่ใช่ว่าจะขาดไม่ได้ ถ่ายทอดให้คนอื่นไป เสิ่นเทียนก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์อะไรมาก
แต่ปัญหาคือวิชานี้ ไป๋ตี้กับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองร่วมกันสร้างขึ้น แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แสงทองยังไม่ถ่ายทอดวิชานี้สุ่มสี่สุ่มห้า
เสิ่นเทียนคิดว่าหากตนถ่ายทอดวิชานี้ให้กับนักพรตอ้วน จากนี้อาจจะโดนเต่ากัดได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็ยิ้ม “คือว่า ข้าต้องหารือกับภรรยาก่อน”
ภรรยารึ
เยวี่ยอวิ๋นเต๋ออึ้งไปเล็กน้อย “เจ้ามีภรรยารึ”
เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้ม กำลังจะตอบว่า ไม่มีภรรยา เลยไม่ต้องหารือ
แต่ตอนนี้เอง เยวี่ยอวิ๋นเต๋อทำหน้าตื่นกลัว “หรือว่าจะเป็น…เต่านั่น”
ศิษย์น้องเล็กถึงกับเป็นภรรยาของเต่านั่นเพื่อเรียนวิชานี้รึ
ทั้งยังเป็นเต่าตัวผู้อีก!
……..
รอยยิ้มบนใบหน้าเสิ่นเทียนค่อยๆ แข็งค้าง
…………………