บทที่ 375 สวนสมุนไพรของมหาจักรพรรดิอีกาทอง
“แซ่ซ่งเชื่อท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์ ตามท่านปรมาจารย์สวรรค์ไปต้องไม่พบอันตรายแน่นอน”
“ใช่ๆ พวกเราก็ใช่ว่าจะไม่เคยเสี่ยงอันตราย สนามรบบรรพกาล อาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยงก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยไม่ใช่รึ”
“ทะเลอุดรครั้งนี้ ดินแดนบูรพากระทั่งดินแดนกลางมีผู้แข็งแกร่งมากมายมารวมกัน ต่อให้ในสุสานจักรพรรดิจะมีอะไรแปลกจริงๆ ก็คงไม่เกิดคลื่นลูกใหญ่อะไรแน่นอน”
“ผลงานของสหายเสิ่นในเขตทะเลเบิกฟ้า ทำให้แซ่หวังยอมจากใจจริง หวังว่าสหายเสิ่นจะแสดงความองอาจเกรียงไกร พาแซ่หวังไปหายาลูกกลอนอายุวัฒนะมาฟื้นฟูอีก!”
“พวกเจ้านี่ยังมีความศักดิ์ศรีบ้างหรือไม่ ผู้บำเพ็ญอย่างเราควรเผชิญหน้ากับความลำบาก บุกเข้าไปอย่างกล้าหาญ จะไปหวังพึ่งแต่คนอื่นได้อย่างไร สหายเสิ่น หากมีอันตรายจริงๆ แซ่ฉีจะขอสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า”
“เจ้าคนแซ่ฉี เจ้าขยับหน่อย ให้ข้ายืนข้างศิษย์น้อง เจ้ากำลังขวางทางอยู่!”
…….
ในสถานการณ์วุ่นวายนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่มีใครถอย
คนที่ถอยห่างเพียงหนึ่งเดียวคือไป๋ตี้เต่าอสุนีบาตสุญญะ และที่มันถอยไปก็เพียงเพราะไม่อยากอยู่กับ ‘เด็ก’ พวกนี้
ในมุมมองของมัน ด้วยวิชาของข้า ทำให้เหมือนกับเต่าได้น้ำในสุสานจักรพรรดิอีกาทอง
ตามกลุ่มคนพวกนี้ไป ก็ต้องถูกแบ่งโชคลิขิต เสียเปรียบจริงๆ
หากแค่ตามกลุ่มเสิ่นเทียน เต่าแก่นี่ก็อาจจะตอบตกลงอย่างว่าง่าย แต่พาตัวถ่วงไปมากขนาดนี้ ก็ช่างมันเถอะ!
แน่นอน ไป๋ตี้ไปก่อนก็ดีเหมือนกัน
ไม่เช่นนั้นหากให้เขาเจอเยวี่ยอวิ๋นเต๋อที่หมดสติอยู่ก็อาจจะลอกคราบเจ้านี่ไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน ถึงอย่างไรไป๋ตี้ก็เดินทางในห้าดินแดนมาหลายปี แทบจะไม่เคยเสียหน้าต่อหน้าคนอื่นมาก่อนเลย
ไม่อยากเชื่อว่าครั้งนี้จะถูกคนแย่งอาหารไปจากปากเต่า มันจึงกลืนความแค้นนี้ลงไปไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
“ทุกคน ตัดสินใจจะร่วมเดินทางกับแซ่เสิ่นรึ”
เมื่อเห็นทุกคน ‘ไม่กลัวอันตราย’ กันเช่นนี้ เสิ่นเทียนก็งุนงงเล็กน้อย
โอรสสวรรค์พวกนี้ เข้มแข็งเช่นนี้เชียว
สมกับเป็นบุตรแห่งโชคที่ราบรื่นมาตั้งแต่เยาว์วัย ไม่กลัวอันตรายเลย ไม่เหมือนพวกคุณสมบัติกายหัวหน้าเผ่าแอฟริกาที่ดวงซวยมาสิบกว่าปี ความคิดและความสุขุมฝังลงไปในกระดูกแล้ว
โอย~
ตอนนี้เอง เยวี่ยอวิ๋นเต๋อนักพรตอ้วนที่หมดสติอยู่ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
หลังจากเขามีแววตาสับสนในชั่วพริบตาแล้วก็เปลี่ยนเป็นระแวงและได้สติกลับมา “ข้าอยู่ที่ใด พวกเจ้าเป็นใคร ไม่มีใครแย่งสมบัติของข้าไปกระมัง!”
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อพูดพลางรีบคลำกางเกงของตนเอง
เมื่อรู้สึกว่าแหวนเก็บของที่ซ่อนไว้ลึกลับที่สุดยังอยู่ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็ถอนหายใจโล่งอก
จากนั้นก็สำรวจอุปกรณ์ ยาลูกกลอน สมบัติในตัวอีกครั้ง ใบหน้าหวาดระแวงก็ค่อยๆ หายไป
“ศิษย์พี่ใหญ่วางใจเถอะ ไม่มีใครแตะต้องสมบัติของท่าน”
จางอวิ๋นถิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ท่านถูกสัตว์ประหลาดโจมตีเสียสติในเส้นทาง บังเอิญที่ศิษย์น้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปถึง ไล่สัตว์ประหลาดไปและก็ช่วยท่านกลับมา”
นี่ข้าเจอสัตว์ประหลาดในเส้นทาง ถูกทำให้เสียสติรึ
หืม เหตุใดข้าจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ
แต่ว่าในตัวข้าไม่มีบาดแผลที่ชัดเจน สมบัติก็ไม่หายไป นี่คือหมื่นโชคดีในความโชคร้าย เพียงแต่รู้สึกมึนๆ ศีรษะ เหมือนถูกกระบองฟาด
หรือว่าจะถูกฟาดจนเสียความทรงจำไป
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อเงยหน้าขึ้นมองฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซี
หนึ่งมังกรหนึ่งพยัคฆ์หนึ่งกิเลนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ศิษย์น้องโอรสสวรรค์ทั้งสามแห่งยุคนี้ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อรู้จักมานานมากแล้ว
ถึงอย่างไรในนี้ก็ยังมีสองคนที่เป็นบุตรชายและบุตรสาวที่รักของอาจารย์!
ก่อนจะมองไปที่เสิ่นเทียนในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรอีกครั้ง เยวี่ยอวิ๋นเต๋อมีใบหน้าสับสนขึ้นมา
เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกร นี่คือเกราะนักรบที่แกร่งที่สุดตอนอาจารย์ยังหนุ่ม แม้แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์เก้ารุ่นอย่างพวกเขา ยังไม่มีใครมีสิทธิ์ได้สืบทอดเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรนี้
คนที่ได้รับสืบทอดเกราะนักรบนี้จะต้องเป็นคนที่อาจารย์ให้ความสำคัญมากที่สุด หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะเป็นผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในวันข้างหน้า
บุรุษแปลกหน้าคนนี้สวมเกราะศักดิ์สิทธิ์ ฐานะเขาไม่ต้องเอ่ยก็รู้ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่อาจารย์รับมาล่าสุด เสิ่นเทียน!
แต่ปัญหาคือ เยวี่ยอวิ๋นเต๋อจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอศิษย์น้องคนนี้มาก่อนเห็นๆ!
แต่เหตุใดถึงมีความรู้สึกคุ้นเคยบางๆ หรือนี่จะเป็น…ดวงสมพงษ์กันในตำนาน
อืม ได้ยินอาจารย์บอกว่าศิษย์น้องเล็กคนนี้มีรูปแบบชะตามังกรซ่อนที่ล้ำค่าที่สุดในห้าดินแดน หากปรากฏขึ้นจะต้องเป็นมังกรซ่อนทะยานขึ้นฟ้า คำรามโลกหล้า ดวงชะตารูปแบบชะตาล้ำค่าไม่อาจกล่าวได้
ภายภาคหน้า ก็อาจจะเป็นจักรพรรดิได้!
จะต้องผูกมิตรกับศิษย์น้องคนนี้ไว้ บางทีภายภาคหน้าอาจจะได้กอดต้นขา แอบอ้างบารมีไปข่มขู่คนอื่นได้!
……
เมื่อคิดได้ดังนั้น เยวี่ยอวิ๋นเต๋อก็เผยรอยยิ้มกระเพื่อม
เขาทำสัญลักษณ์มือลัทธิเต๋า “พระผู้เป็นเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้ ขอบคุณที่ศิษย์น้องช่วยเอาไว้ ศิษย์พี่ไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไร ภายภาคหน้าหากมีโอกาส เราก็มาจับเข่าคุยกัน ศิษย์พี่จะถ่ายทอดความรู้ด้านการปล้นสุสานระดับสูงสุดให้กับศิษย์น้องเอง!”
ความรู้ด้านการปล้นสุสานรึ
เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย ประสบการณ์ที่โดนวิญญาณอาฆาตล่าสังหารในสุสานโบราณน่ะหรือ
ความรู้เช่นนี้เจ้าเก็บไว้เองเถอะ! ข้าไม่สนใจเลย เรื่องซุบซิบของอาจารย์น่าสนใจกว่าอีก!
ลืมถามเรื่องซุบซิบพวกนั้นไปเลย น่าเสียดาย!
ช่างเถอะ รีบพาพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องไปปล้นโชคลิขิตแล้วรีบไปดีกว่า!
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เสิ่นเทียนก็ไม่เสียเวลาอีก กวาดสายตามองภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะทุกคน ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
ตัวเขาเปล่งแสงสว่างอ่อนๆ ชุดผ้าแพรมังกรขาวปลิวไสวเองแม้ไร้สายลม เส้นผมยาวโบกสะบัดตาม ใบหน้าที่หล่อเหลาถึงที่สุดเหนือธรรมดาและชัดเจนเมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน
กระทั่งองค์หญิงหลิงหลงที่เพิ่งรู้จักกับเสิ่นเทียนไม่นาน ตอนนี้มองเสิ่นเทียนที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว ยังรู้สึกใจเต้นตึกตัก
นี่ ก็คือความรู้สึกใจสั่นรึ!
เวลาผ่านไปทีละวินาที เสิ่นเทียนลืมตาขึ้นช้าๆ
เขามองไปทางแยกหนึ่งทางตะวันออกของเส้นทาง ก่อนพูดนิ่งๆ “ข้าสัมผัสได้ว่าทิศทางนี้มีโชคลิขิต”
ทางตะวันออกรึ
มีโชคลิขิตรึ
เยวี่ยอวิ๋นเต๋ออึ้งไปเล็กน้อย ศิษย์น้องเล็กหาโชคลิขิตได้ตามใจเช่นนี้เชียวรึ
หลับตาใช้สัมผัสที่หกก็รู้สึกถึงโชคลิขิต เช่นนั้นการวิจัยเรื่องปล้นสุสานตลอดหลายร้อยปีของข้าจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกรึ
เยวี่ยอวิ๋นเต๋ออ้าปากอยากจะโต้แย้งตามจิตใต้สำนึก แต่เมื่อเห็นทุกคนรอบกายเสิ่นเทียนทำหน้า ‘ควรเป็นเช่นนั้น’ แล้ว เขาก็กล้ำกลืนคำพูดนี้กลับไป
ช่างเถอะ ดูก่อนว่าศิษย์น้องเล็กจะเก่งกาจเช่นนั้นจริงๆ หรือไม่
หากเป็นจริง เช่นนั้นก็จะกอดต้นขาเขาพลางตะโกนโห่ร้อง หากไม่จริง เช่นนั้นก็หาทางหลอกให้เขามาเป็นลูกสมุนของข้า
เหอะๆ ข้าไม่เชื่อจริงๆ ว่าจะมีคนอาศัยดวงชะตาของตน ทำอะไรได้ตามใจในสุสานจักรพรรดิโบราณ นี่ไม่สอดคล้องกับความจริงเลย!
จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในสุสานจักรพรรดินี้ยังมีอะไรผิดปกติอีก ได้ยินศิษย์น้องเล็กบอกว่าเจออีกาทองวิญญาณอาฆาตอะไรด้วย
เกรงว่ายังไม่ทันเจอโชคลิขิต ก็คงพุ่งชนเข้าไปในรังของวิญญาณอาฆาตก่อนกระมัง!
อืม วางค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก!
…….
ทุกคนต่างกอดความคิดของตนตามเสิ่นเทียนไปในสุสานจักรพรรดิ
ตอนที่ผ่านเส้นทางลับมากมาย พวกเขาได้ไปกระตุ้นลายเทพบนพื้นทางลับ เหนี่ยวนำการโจมตีจากอีกาทองเพลิงจำนวนมาก
แต่ทุกคนร่วมมือกันอย่างเป็นลำดับขั้นตอน ทำให้อีกาทองเพลิงพวกนี้กลายเป็นสารอาหารในการฝึกบำเพ็ญของพวกเขา ไม่ทำให้พวกเขาเสียหายเลยแม้แต่น้อย
เดินเลียบเส้นทางคดเคี้ยวไปไกลหลายพันลี้ และยังเปลี่ยนเส้นทางแยกอีกไม่รู้เท่าไร เหมือนกับเข้าไปในเขาวงกต
หากไม่ใช่เพราะเชื่อว่าดวงชะตาของเสิ่นเทียนจะไม่พลาด ทุกคนอาจจะสงสัยได้ว่าพวกเขาหลงทางหรือไม่
“ศิษย์น้อง พวกเรากลับไปกันเถอะ!”
นักพรตอ้วนเยวี่ยอวิ๋นเต๋อมุมปากกระตุกเบาๆ เขามองออกแล้ว ในด้านพรสวรรค์การฝึกบำเพ็ญของศิษย์น้องคนนี้อาจจะสูงมาก แต่ในด้านการปล้นสุสานเป็นเพียงไก่อ่อนเท่านั้น
เดินมาตลอดทาง เสิ่นเทียนเลี้ยวโค้งมาไม่ร้อยโค้งก็แปดสิบโค้ง แต่ไม่มีผลสำเร็จอะไรเลย
เปลี่ยนคำพูดได้ว่า ตอนนี้พวกเขาหลงเข้ามาในค่ายกลวงกต
ดูเหมือนเดินไปหลายพันลี้ แต่ความจริงไม่ต่างอะไรกับผีทุบกำแพง เพียงแค่อยู่ในวงแคบเท่านั้น
เยวี่ยอวิ๋นเต๋อไม่อยากเดินเช่นนี้ต่อไปอีก ถึงอย่างไรเขาก็มาปล้นสุสานหาสมบัติ ไม่ได้มาวิ่งทางไกลลดความอ้วน
จากนั้นก็คอยดูข้าแสดง พวกเจ้าจงคุกเข่าส่งเสียงให้กำลังใจเถอะ!
เสิ่นเทียนยืนอยู่หน้าทางแยกสุดท้าย ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร มาถึงแล้ว”
…..
เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็เดินหนึ่งก้าวเข้าไปในทางแยกนั้น
ทันใดนั้นทางแยกทั้งหมดระเบิดแสงสว่างจ้าพร้อมกัน เริ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ประตูมิติที่สร้างขึ้นจากหยกวิญญาณธาตุไฟระดับสูงสุดทุกส่วนปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน ช่างงดงามมาก
เมื่อประตูใหญ่บานนี้เปิดออกช้าๆ สวนสมุนไพรสีเขียวขจีก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน กลิ่นหอมของโอสถศักดิ์สิทธิ์ที่ซึมซาบไปทั่วจิตใจโชยเข้ามา
เห็นได้ชัดมากว่านี่เป็นโลกเล็กอิสระแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในสถานที่ลึกลับที่ล้ำค่าที่สุดบนเกาะมหานที
นี่ คือสวนสมุนไพรของมหาจักรพรรดิอีกาทองโดยเฉพาะ!
………………….