บทที่ 226
ข้าจะระเบิดตัวเอง
ลั่วอู๋กลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์และเริ่มสังเคราะห์ดาบเลือดเดือด
เนื่องจากวัตถุดิบนั้นหาได้ทั่วไปและค่าใช้จ่ายเป็นพลังวิญญาณไม่มากเท่าไหร่นัก ลั่วอู๋จึงสามารถสังเคราะห์มันได้ในปริมาณมาก
หลังจากผ่านไป 11 วันในมิติไห ในที่สุดดาบเลือดเดือด 5,000 เล่มก็เสร็จสมบูรณ์
ลั่วอู๋เหนื่อยมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด ถ้าข้ารู้ว่ามันจะทรมานมากขนาดนี้ ข้าคงจะไม่โอ้อวดไปแบบนั้นแน่
แต่มันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วที่สุด
ความสัมพันธ์กับผู้บัญชาการหลิงหลงนั้นมีค่ามาก มันเทียบเท่ากับการได้เครื่องรางของขลังช่วยชีวิตไว้ได้ถึงสามครั้ง ถ้าเขาได้มันมาแต่เนิ่น ๆ เขาก็คงจะอุ่นใจ
ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบเฉียนหลงรอบที่สามจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ก็ได้ หากหลังจากการทดสอบเฉียนหลงแล้วเขาต้องไปที่สำนักเฉียนหลงในทันทีที่ผ่านการทดสอบแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถส่งสินค้าได้ทันเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้บัญชาการหลิงหลงโกรธ
ทางไร้หน้าที่ได้รับการปรับร่างกายใหม่เมื่อไม่นานมานี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบร่างกายของเขาทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปมากจนเกินไป และทำให้เขาต้องใช้เวลานานในการปรับตัวกับร่างกายใหม่นี้
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าช่วงที่ผ่านมา ศาลาไป่หยู่ได้ส่งคนมาตามเรียกหาลั่วอู๋อยู่หลายครั้ง แต่พวกเขาก็ถูกละเลยโดยคนของสำนักโล่พิทักษ์
ในที่สุดศาลาไป่หยู่ก็ลงมือจริง ๆ จัง ๆ
“ไปจับลั่วอู๋มาให้ข้าซะ เดี๋ยวเราค่อยขอโทษเขาทีหลังก็ได้” ในที่สุดหยางกู่หลงก็โกรธ
ในคืนนั้นศาลาไป่หยู่ได้ส่งผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงสามคนมาที่สำนักโล่พิทักษ์
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้งสามคนนี้มีพลังในระดับที่ไม่อาจมองข้ามได้ แต่ละคนมีระดับความแข็งแกร่งอย่างน้อยระดับทอง มิติ 7 พวกเขาทุกคนต่างก็มีความสามารถพอที่จะฆ่าล้างบางคนในสำนักโล่พิทักษ์ได้
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักโล่พิทักษ์คือหลิวหู หัวหน้าทีมคุ้มกันคมมีด ซึ่งมิติวิญญาณของเขาเป็นเพียงแค่ระดับทอง มิติ 3
แค่ความต่างทางมิติวิญญาณเล็ก ๆ ถึง 4 ระดับก็ถือเป็นช่องว่างขนาดใหญ่แล้ว
ทว่าหยางกู่หลงกลับต้องตกใจ เนื่องจากแผนการนั้นล้มเหลวลง
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้งสามได้แต่หลบหนีกลับมาอย่างหัวซุกหัวซุนมาเพียงคนเดียว นอกจากนี้เขายังได้รับบาดเจ็บสาหัสและเลือดกลบปาก “มีผู้แข็งแกร่งอยู่ในสำนักโล่พิทักษ์”
ที่นั่นมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดสามารถปราบปราม ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง สามคนที่มีระดับทองมิติ 7-8 ได้
ที่สำคัญคือเขาแข็งแกร่งขนาดฆ่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้ถึงสองคนและทำให้บาดเจ็บสาหัสไปอีกหนึ่งคน
ถ้าสู้ไม่ไหวทำไมไม่หนีกันมาให้ครบทั้งสามคนล่ะ?
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่รอดกลับมาได้กล่าวต่อไปว่า “เขาไม่เพียงเป็นยอดฝีมือเท่านั้น แต่เขายังมีทหารชั้นยอดอีกหลายร้อยติดตาม พวกเขาเป็นคนที่เงียบสงบและมีระบบระเบียบในการต่อสู้เป็นอย่างมาก”
หยางกู่หลงเริ่มลุกลี้ลุกลน
ทหารนับร้อย?
ไม่มีทางน่า สำนักโล่พิทักษ์มีกองกำลังทางทหารหนุนหลังอยู่งั้นเหรอ?
ว่ากันว่าสำนักโล่พิทักษ์มีความสัมพันธ์บางอย่างกับหน่วยสยบมังกร แต่ไม่มีแหล่งข่าวใดบอกว่ามีทหารหลายร้อยคนถูกส่งไปประจำการอยู่ที่สำนักโล่พิทักษ์
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของผู้นำตระกูลลั่วแล้วด้วย
หลังจากนั้นสักพัก ตระกูลลั่วก็ส่งคนมา
คราวนี้พวกเขาได้ส่งลั่วเสี่ยนหยุน หนึ่งในผู้อาวุโสหลักของตระกูลลั่วมาที่นี่
หยางกู่หลงนั้นถูกปลดออกจากตำแหน่งชั่วคราวและ ลั่วเสี่ยนหยุนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าของร้านของศาลาไป่หยู่แทนเป็นระยะหนึ่ง
หยางกู่หลงที่ทราบข่าวก็รู้สึกโล่งใจ “ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะที ใครสนใจเรื่องนี้ก็ปล่อยให้เขาทำไปเลย!”
วันแรกที่ลั่วเสี่ยนหยุนมาถึง เขาตรงไปที่สำนักโล่พิทักษ์
“จงเรียกลั่วอู๋ ให้ออกมาหาข้า” ลั่วเสี่ยนหยุนนำกลุ่มผู้คุ้มกันบุกเข้าไปในสำนักโล่พิทักษ์ แต่เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับทีมคุ้มกันคมมีด
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อว่าลั่วอู๋ ได้โปรดกลับออกไปด้วย” ในฐานะหัวหน้าทีมคุ้มกันคมมีด หลิวหูนั้นเป็นผู้นำคนออกมาขวาง
ลั่วเสี่ยนหยุนเป็นชายวัยกลางคนที่มีท่าทางดูโกรธ เขามีลมปราณอันทรงพลังและมีความแข็งแกร่งสูงสุดอยู่ที่ระดับทอง มิติ10 ซึ่งทำให้ผู้คนในสำนักโล่พิทักษ์ต่างก็ต้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
“เจ้าโง่หยางกู่หลง มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะบังคับให้คนยอมออกมาหา ถ้าเจ้าใช้วิธีที่ไม่นุ่มนวล เจ้าก้ไม่ต้องลำบากเสียเวลามากขนาดนี้เลยแท้ ๆ” ลั่วเสี่ยนหยุนพึมพำในใจของเขา
ลั่วเสี่ยนหยุนเริ่มต้นการโจมตีในทันที
เขาใช้การผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
มีเงาสามเงาปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
จิ้งจอก เมฆ และลิง
เขาใช้งานทักษะระดับ S [ปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุด]
ลมปราณของลั่วเสี่ยนหยุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าในทันที ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูเหมือนจะมีพลังมหาศาลถึงหมื่นชั่ง การเคลื่อนไหวแบบสุ่มของเขาทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ราวกับกำลังปีนขึ้นไปบนยอดเขาด้วยมือเปล่า
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” แม้หลิวหูรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไร้เทียมทาน แต่เขาก็จำเป็นต้องสู้
สัตว์วิญญาณทั้งสามของเขากลายเป็นแสงเทลงบนร่างของหลิวหู จากนั้นก็มีเงาเสมือนสามเงาปรากฏขึ้นข้างหลังเขา
แมงมุม งู และ แมงป่อง
“ต่อหน้าข้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรมันก็ไร้ประโยชน์” ดวงตาของลั่วเสี่ยนหยุนจ้องไปที่ศัตรูของเขา จากนั้นฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ทุบลงอย่างแรงจนอากาศเหมือนจะแข็งตัวได้
ตูมม
หลิวหูถูกซัดลงไปหมอบกับพื้นในทันที
สภาพของการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณไม่สามารถคงเอาไว้ได้อีกและสลายกลับไปเป็นหลิวหูและสัตว์วิญญาณทั้งสามดังเดิม
ลั่วเสี่ยนหยุนคว้าคอของหลิวหูไว้และคำราม “ส่งตัวลั่วอู๋มาให้ข้า อย่ามัวแต่ซ่อนตัว ถ้าเจ้าไม่ยอมออกมาข้าจะรื้อสำนักโล่พิทักษ์ของเจ้าทิ้งซะ”
หลิวหูต่อสู้อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ช่องว่างของพลังนั้นกว้างเกินไป
“เจ้าโกรธใครมากันแน่เนี่ย” ชายร่างใหญ่ในชุดเกราะเดินเข้ามาในสำนักโล่พิทักษ์
ลั่วเสี่ยนหยุนขมวดคิ้วและมองไปที่ชายตรงหน้าเขา “เจ้าเป็นใคร คนจากหน่วยทหารงั้นเหรอ ? นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลลั่ว ข้าเกรงว่ามันไม่ใช่เรื่องที่หน่วยทหารของเจ้าจะเข้ามาแทรกแซงได้”
“ตระกูลลั่วงั้นเหรอ ?” ชายร่างกำยำหัวเราะและเผยให้เห็นไอเย็นในสายตาของเขาที่พุ่งสูงขึ้น “ข้าไม่ได้สนใจว่าตระกูลลั่วของเจ้าจะคิดจะทำอะไร สำนักโล่พิทักษ์ติดหนี้ข้าเป็นดาบ 5,000 เล่ม ถ้ามีใครกล้ารื้อสำนักโล่พิทักษ์ ข้าจะฆ่าเขาทิ้ง ในทันที ”
“ช่างกล้านักนะ” ลั่วเสี่ยนหยุนเริ่มรู้สึกว่าตนต้องระวังเพราะชายตรงหน้า เขาคนนี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายมาก “เจ้ามาจากหน่วยทหารไหน เจ้ากล้าที่จะก่อเรื่องในเมืองงั้นเหรอ ? ข้าจะรายงานให้ผู้บัญชาการของเจ้าทราบ ! เจ้าจะต้องเจอกับกฎหมายทหารแน่”
“เฮ้เฮ้ กฎหมายทหารอะไร ?” ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามาจากหน่วยสยบมังกร เป็นรองผู้บัญชาการชื่อจี๋กุย ถ้าอยากจะรายงานอะไรก็รายงานที่ข้าได้เลย”
ลั่วเสี่ยนหยุนรู้สึกประหลาดใจ
หน่วยสยบมังกรงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะมีข่าวว่าสำนักโล่พิทักษ์และหน่วยสยบมังกรกำลังผูกมิตรกัน
“ต่อให้เป็นหน่วยสยบมังกร มันก็ยังละเมิดวินัยของทหารอยู่ดี” ลั่วเสี่ยนหยุนยังปากแข็ง
จี๋กุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าลองไปรายงานผู้บัญชาการของข้าดูสิ บอกว่าเจ้าต้องการจะจัดการกับ สำนักโล่พิทักษ์ แล้วลองดูสิว่าผู้บัญชาการของข้าจะตัดหัวเจ้าทิ้งหรือไม่ ?”
ลั่วเสี่ยนหยุนตกใจ
ผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกรเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจมากที่สุด ซึ่งไม่สามารถยั่วยุได้
สำนักโล่พิทักษ์และผู้มีอำนาจคนนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นเหรอ ?
ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของบรรพบุรุษเขาก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันและขัดขืน “ข้าไม่สนใจ ลั่วอู๋ต้องออกมาหาข้า ข้ามาที่นี่ในนามของตระกูลลั่ว”
จี๋กุยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ลั่วอู๋เป็นสมาชิกของตระกูลลั่ว เขารู้จักกันมานานแล้ว
แต่ลั่วอู๋นั้นได้ทรยศตระกูลลั่ว เขาจึงถูกเกลียดชังโดยตระกูลลั่ว แต่มันก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องรุกรานหน่วยสยบมังกรและจับกุมเขาด้วยเลยนี่นา?
แปลก, แปลกมาก, มันแปลกเกินไป
“เรียกลั่วอู๋ออกมาซะ” ลั่วเสี่ยนหยุนเปลี่ยนท่าทีของเขา “ถ้าเจ้าไม่ยอมออกมา ข้าจะระเบิดตัวเองแบบนี้เจ้ายังจะคงซ่อนอยู่อีกไหม ?”
บรรดาผู้ที่เฝ้าดูที่พลุกพล่านโดยรอบด้วยความสนใจ เมื่อได้ยินสิ่งนี้พวกเขาก็กระจัดกระจาย หนีไปคนล่ะทิศคนล่ะทางในทันทีเพราะกลัวว่าจะได้รับผลจากการระเบิด
ไม่มีใครกล้าดูถูกพลังทำลายนั้น
ผู้ใช้พลังวิญญาณซึ่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับทอง มิติ 10 กำลังจะระเบิดตัวเอง แรงระเบิดนั้นไม่ใช่เรื่องตลก ๆ แน่
สำนักโล่พิทักษ์และพื้นที่โดยรอบในระยะทางหนึ่งร้อยเมตรจะหายไปจากแผนที่
ใครจะกล้าอยู่ที่นี่ต่อกัน
จี๋กุยเองก็ประหลาดใจเช่นกัน นี่มันลงทุนเกินไป
“พอได้แล้ว เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลลั่วไม่ใช่หรือ ? ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ไม่ละอายใจบ้างรึไง?” ในที่สุดลั่วอู๋ก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ และมีร่องรอยของการทำอะไรไม่ถูกอยู่บนสีหน้า
ทันทีที่ลั่วอู๋ปรากฏตัว คนในสำนักโล่พิทักษ์ก็โล่งใจ
โชคดีที่นายน้อยออกมา อย่างน้อยคนแก่บ้า ๆ คนนี้ก็จะไม่ระเบิดตัวเองแล้ว