บทที่ 250
พบกับหนิงฮัวอีกครั้ง
จางฉีฮงจ้องมองไปที่ภูตสงครามตรงหน้าเขา
เขาเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูง ดังนั้นในใจของเขาจึงมีความสงสัยมากกว่าความตกใจหรือความประหลาดใจ
การกลายพันธุ์ของสัตว์วิญญาณนั้นไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านรูปลักษณ์หรือแบบเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงไปถึงแก่นวิญญาณ มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะย้อนกลับ
การที่สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์สามารถถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นสัตว์วิญญาณธรรมดา นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่แล้วมันกลับเกิดขึ้นได้อย่างไร
การที่ภูตสงครามกลายเป็นสภาพธรรมดาได้มันเกินสามัญสำนึกไปไกลแล้ว
นี่ก็เป็นครั้งแรกของลั่วอู๋ที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน
มันเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้คาดคิด ใครจะไปคิดว่าความสามารถการแก้ไขคุณสมบัติ จะไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขทักษะของภูตสงครามเท่านั้น แต่ยังแก้ไขสถานะการกลายพันธุ์ของมันได้อีกด้วย
โชคดีที่มู่ฉิงไม่ชอบการกลายพันธุ์ของมัน
มิฉะนั้น ลั่วอู๋คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าชดใช้ให้ภูตสงครามกลายพันธุ์ได้แน่
“ดูเหมือนว่าการแก้ไขคุณสมบัติจะไม่ใช่ความสามารถที่มีหลักการง่าย ๆ ซะแล้วสิ” ลั่วอู๋คิด
หากเขาสามารถแก้ไขสถานะการกลายพันธุ์ได้
ไม่แน่ว่าเขาก็อาจจะสามารถแก้ไขสัตว์วิญญาณธรรมดา ให้เป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ได้ด้วยรึเปล่า?
ลั่วอู๋คิดว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นอยู่มาก
คงต้องลองดูสักตั้ง เมื่อเขาเสร็จธุระ
แม้ว่าภูตสงครามจะเปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละตัว แต่มันก็ยังคงใกล้ชิดกับผู้เป็นนายของมันมาก มันลอยลงมาบนพื้นแล้วพิงไหล่ของมู่ฉิง
ผ่านพลังของสะพานพันธสัญญา มู่ฉิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณในเลือดที่เดือดพล่านของมัน
มู่ฉิงมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความตื้นตันใจ “ขอบคุณเจ้ามาก เจ้าช่วยมันปลดปล่อยพลังวิญญาณที่ถูกจำกัดในเลือดของมันออกมา ขอบคุณมากจริง ๆ”
“ไม่เป็นไร ๆ อย่าปรับค่า ที่ทำให้มันสูญเสียสถานะการกลายพันธุ์ก็พอ” ลั่วอู๋กล่าว
แน่นอนว่าตอนนี้ เขาคงจะไม่โดนกล่าวโทษจากเรื่องนั้นแน่ ๆ
จางฉีฮงท้วงด้วยเสียงเบา “แต่ข้าคิดว่าแสงสีม่วงของมันสวยมากนะ”
“ภูตสงครามที่เปล่งแสงสีม่วงมันดียังไง มีแต่พวกโง่เท่านั้นแหละที่คิดแบบนั้น หุบปากของเจ้าไปซะ!” มู่ฉิงตะคอกด้วยความโกรธ
นั่นทำให้จางฉีฮงไม่กล้าพูดอะไรอีกไปในทันที
ลั่วอู๋เองก็รู้สึกอายเล็กน้อย เพราะเขาเองคิดว่าสีม่วงมันก็ดูดีไปอีกแบบ
“นอกจากนี้ ข้ายังได้ปรับปรุงทักษะของมันด้วยนะ” ลั่วอู๋เตือน
นี่คือจุดประสงค์หลัก ในการปรับแต่งของเขา
เพื่อช่วยในภูตสงครามได้ทักษะที่ดี ลั่วอู๋จึงได้แก้ไขคุณสมบัติไปหลายสิบครั้ง
มู่ฉิงเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝัน นางรับรู้ได้อย่างรวดเร็วถึงทักษะที่ภูตสงครามมี แต่ผลลัพธ์ที่นางได้นั้นทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจไม่ออกไปชั่วคราว
มันมีถึงแปดทักษะ!
โอ้พระเจ้า
แสงแห่งวันพิพากษา (ระดับS) ดาบแห่งการลงทัณฑ์ (ระดับS) ดาบแห่งการทำลายล้าง (ระดับS) ชำระล้าง(ระดับ A) การล่าถอยแห่งความมืด (ระดับ A) รวมพลเทวดา (ระดับ SS) การจุติ (ระดับ A) อมรณา(ระดับ A)
ทักษะระดับ SS รวมพลเทวดา
ทักษะที่สามารถเรียกเหล่าภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับมิติวิญญาณเดียวกันมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันได้
นี่เป็นทักษะที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์วิญญาณเผ่าภูต
เหล่าภูตที่ถูกอัญเชิญมาจะมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตัวที่ใช้ทักษะ 100% และยังสามารถเรียกภูตประเภทต่าง ๆ ได้ตามสถานการณ์ ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีกระดับ
“มันสมบูรณ์แบบมาก” มู่ฉิงรู้สึกว่าตอนนี้นางเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก นางหยิบเหรียญประจำตัวของนางออกมาและมอบคะแนนให้กับลั่วอู๋ไป 37000 คะแนน
ลั่วอู๋ประหลาดใจ “ถ้าเจ้าพอใจกับมัน ข้าก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอก แต่ 30000 ก็เพียงพอแล้ว”
“ไม่พอหรอก ไม่พอ” มู่ฉิงจ้องมองไปที่จางฉีหง “ส่งเหรียญของเจ้ามา”
จางฉีฮงหยิบเหรียญประจำตัวของเขาออกมาออกมา
มู่ฉิงยังโอนแต้มคะแนนให้ลั่วอู๋อีก 63000 คะแนน รวมกันเป็น 100000 คะแนน “เจ้าไม่รู้ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้สำคัญสำหรับข้าแค่ไหน เจ้าต้องยอมรับ 100000 คะแนนนี้ไปนะ”
จางฉีฮงรู้สึกเสียใจ
100000 แต้ม แม้กระทั่งสำหรับเขาเองก็ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ
“งั้นข้าจะรับมันไว้ก็แล้วกัน ช่วงนี้ข้าเองก็ค่อนข้างจะขัดสนในเรื่องคะแนน” ลั่วอู๋กล่าว
หลังจากได้รับคะแนนแล้ว ลั่วอู๋ก็เลือกที่จะเดินจากไป
แต่แล้วจางฉีฮงหยุดลั่วอู๋เอาไว้ “เจ้าหนุ่ม เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
“ลั่วอู๋” ลั่วอู๋ตอบกลับไปอย่างเป็นกันเอง
“ลั่วอู๋? เจ้ามีความสามารถในการปรับแต่งวิญญาณได้เก่งมาก เจ้ารู้จักสำนักย่อยการปรับแต่งไหม ? ข้ามาจากที่นั่น” จางฉีฮงถาม
“ข้าได้ยินมาว่าที่นั่น มีฝีมือไม่เลว” ลั่วอู๋กล่าว
“แล้วเจ้าสนใจที่จะมาเข้าร่วมกับเรารึเปล่า ? หากเจ้าผ่านการประเมิน เจ้าจะต้องทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสร็จในทุก ๆ เดือนแล้วเจ้าจะได้รับคะแนนตอบแทน”
ลั่วอู๋รู้สึกสนใจ
เขาจะได้รายได้ทุกเดือน มันดีมาก
“ดีเลย ข้าสนใจ” ลั่วอู๋เห็นด้วย
มู่ฉิงพูดอย่างจริงจัง “จางฉีฮง เจ้าต้องดูแล ลั่วอู๋ ให้ดีนะ ไม่งั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”
จางฉีฮงกลอกตาของเขาอย่างเงียบ ๆ
เขาเป็นคนรักของนาง
มันมากเกินไปสำหรับนางที่จะแสดงการสนับสนุนผู้ชายคนอื่น
จางฉีฮงพาลั่วอู๋ไปที่สำนักย่อยการปรับแต่ง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน?” จางฉีฮงถามด้วยเสียงต่ำ
ลั่วอู๋แกล้งทำเป็นสงสัย
“แน่นอน ข้าหมายถึงสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ เจ้าเปลี่ยนสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ให้กลับมาเป็นสัตว์วิญญาณปกติได้อย่างไร?”
“มันมีบางอย่างผิดพลาด มันเป็นเรื่องบังเอิญ” ลั่วอู๋พูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ข้าอาจจะทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
จางฉีฮงมองไปที่ลั่วอู๋อย่างสงสัย แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
เรื่องแบบนี้ควรเกิดขึ้นได้โดยเหตุบังเอิญเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการปรับแต่งทักษะของลั่วอู๋ เขาจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมสำนักย่อยการปรับแต่ง
“เจ้ารอข้าที่ประตูสักครู่ ข้าจะไปยื่นขอการรับรองให้เจ้าก่อน” เมื่อพวกเขามาถึงสำนักย่อยการปรับแต่ง จางฉีฮงก็หันไปพูดกับลั่วอู๋
ลั่วอู๋พยักหน้า
หลังจากจางฉีฮงเข้าไปในสำนักย่อยการปรับแต่ง ลั่วอู๋ก็เดินออกไปสำรวจข้างนอกตามใจ
สำนักย่อยการปรับแต่งมีลักษณะคล้ายอาคารสูงตระหง่าน โดยมีหมอกหนาอยู่ด้านบน พลังวิญญาณที่อยู่ในบริเวณนี้นั้นแข็งแกร่งมากและมีคลื่นพลังวิญญาณที่พิเศษกว่าที่อื่น ๆ
ขณะเดียวกัน ไม่ไกลนักมีร่างของคนสองคนกำลังควบม้ามุ่งมาทางนี้
ลั่วอู๋จับจ้องไปที่พวกเขาและก็พบว่าพวกเขาเป็นคนรู้จัก
นั่นคือหนิงหลิงหลิงและหนิงฮัว
“โอ้ ท่านอาจารย์ก็อยู่ที่นี่เช่นกันเหรอ ?” หนิงหลิงหลิง กล่าวด้วยความประหลาดใจ
ลั่วอู๋พยักหน้า “ข้าถูกบอกมาให้รอที่นี่น่ะ”
ด้านหนิงฮัวดูเหมือนจะไม่พอใจกับลั่วอู๋ เขาหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง แต่มันก็เป็นเรื่องปกติเพราะลั่วอู๋ไปทำให้เขาเสียหน้า
“ข้าพาเขามาหาอาจารย์จางที่นี่ เพื่อจะขอให้เขาช่วยปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้” หนิงหลิงหลิงกล่าวด้วยความเสียใจ “น่าเสียดายที่ท่านอาจารย์ต้องฝึกฝนอย่างหนัก ข้าเลยไม่สามารถรบกวนท่านได้ ท่านคงไม่มีเวลามาเสียไปกับการปรับแต่งหรอก”
เนื่องจากคำสัญญาของลั่วอู๋กับสองพี่น้องตระกูลเอ๋า หนิงหลิงหลิงคิดว่านางไม่ควรรบกวนการฝึกฝนเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงของลั่วอู๋
“ข้ายังพอมีเวลาอยู่ เพราะตอนนี้ข้ายังขาดคะแนนอยู่มาก” ลั่วอู๋กล่าว
“จริงเหรอเจ้าคะ!” หนิงหลิงหลิง กล่าวด้วยความประหลาดใจ “ข้ากลัวว่าจะทำให้การฝึกฝนของท่านล่าช้า ก็เลยไม่อยากรบกวน ท่านสามารถช่วยน้องชายของข้า ปรับแต่งสัตว์วิญญาณได้หรือไม่?”
นางยังคงเชื่อมั่นในระดับการปรับแต่งของลั่วอู๋
“แน่นอน แต่ … ” ลั่วอู๋ลังเล
หนิงหลิงหลิง พยักหน้า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ พวกเราจะไม่ทำให้ท่านต้องเสียโอกาสดี ๆ พวกเราจะจ่ายค่าจ้างให้ท่านอาจารย์อย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องเยอะหรอกแค่ 30000 คะแนนก็เพียงพอแล้ว” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
หนิงหลิงหลิงมีความสุขและยิ้ม
นางรู้ว่าด้วยระดับการปรับแต่งของลั่วอู๋ ราคานี้มันไม่แพงเลยจริง ๆ
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะมองข้ามคน ๆ หนึ่งไป
“ข้าไม่ต้องการให้เขาช่วยข้าปรับแต่ง พวกเรามาที่นี่เพื่อหาท่านอาจารย์จาง! ท่านอาจารย์จางสนิทกับตระกูลหนิงของพวกเรา พวกเรามีทางเลือกที่ดีกว่าทำไมต้องมาเลือกเขาด้วย”
“เจ้าโง่นี่เป็นโอกาสดีของเจ้าเลยนะ” หนิงหลิงหลิงไม่โกรธแต่ตักเตือน
หนิงฮัวบ่น “โอกาสอะไรนั่น ข้าไม่ต้องการ!!!”