ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ประตูข้างตำหนักบานหนึ่งเปิดออกแล้ว
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “เฉียนซี ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เป็นไร เรารีบไปกันเถอะ!”
และคนประหลาดผู้นั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นร่างของเขาก็ได้อันตรธานคคไปอย่างเชื่องช้า
หลังจากที่ออกไปจากประตูบานนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้พบเจอกับหุ่นเชิดสีทองเหล่านั้นแล้ว
ภาพลวงตาทั้งหมดกักขังพวกเขาได้ไม่นาน
มู่เฉียนซีคิดว่าพวกเขาน่าจะสามารถออกจากภาพลวงตานั้นได้อย่างราบรื่นแล้ว
เดิมทีราบรื่นมาตลอดทาง แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาพบกับร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง
และสิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ เจ้าหมอนี่ไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายเขายังมีคนที่รับมือยากอีกคนหนึ่ง
ไป๋อู๋ห่ายเห็นมู่เฉียนซีแล้ว สีหน้าของเขาก็เผยความโหดร้ายออกมา
“มู่เฉียนซีนะมู่เฉียนซี! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเราจะได้เจอกันอีกแล้ว ครั้งนี้โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินไม่อยู่ ข้าอยากจะรู้นักว่าใครจะช่วย…”
เขายังกล่าวไม่ทันจบก็หันไปเห็นเฟิงอวิ๋นซิวกำลังตามมู่เฉียนซีมา
ไป๋อู๋ห่ายกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เฟิงอวิ๋นซิว ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะอยู่กับมู่เฉียนซี เจอมู่เฉียนซีแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ลงมือ”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “กระบี่ที่อยู่กับมู่เฉียนซีไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แล้วเหตุใดข้าต้องลงมือด้วยล่ะ?”
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ไม่ว่านางจะครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่หรือไม่ นางก็เป็นคนฆ่าคนของตำหนักตงจี๋ไปมากมายถึงเพียงนั้น ยังไงนางก็คือศัตรูของตำหนักตงจี๋ เจ้าในฐานะที่เป็นนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ จะไม่ลงมือทำสิ่งใดหน่อยเหรอ”
“ใช่ ต้องลงมือทำสิ่งใดสักหน่อย” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเชื่องช้า
ไป๋อู๋ห่ายยิ้มขึ้นและกล่าวว่า “อวิ๋นซิว ต้องเช่นนี้สิถึงจะถูก! อย่าเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้รูปร่างหน้าตาคล้ายพระนางแล้วเจ้าจะลงมือไม่ลง การลังเลเช่นนี้ มันไม่ดี”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “แต่เมื่อครู่ข้าต่อสู้แล้วได้รับบาดเจ็บสาหัสมา สูญเสียพลังไปไม่น้อย…”
“เฉียนซี รีบหนีไป!”
หลังจากที่หันเหความสนใจของไป๋อู๋ห่ายได้แล้ว ทั้งสองจึงรีบวิ่งหนีไปอีกทาง
คนที่อยู่ข้างกายไป๋อู๋ห่ายผู้นั้นเหมือนไม่ใช่คนของตำหนักตงจี๋ แต่เหมือนจะเป็นคนของหมิงจี
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี หากต้องต่อสู้รับมือกับพวกเขาสองคนมันอันตรายมาก
จู่ ๆ ทั้งสองก็วิ่งหนีห่างไปจากพวกเขา ไป๋อู๋ห่ายกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้ายว่า “ตามไป!”
“เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าตัวดี! อยากปกป้องหญิงสาวผู้นั้นจนกล้าโกหกข้า”
มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิววิ่งหนีไปเร็วมาก แต่ไป๋อู๋ห่ายก็ไล่ล่าตามพวกเขาไปอย่างไม่มีท่าทีจะยอมเลิกราด้วยเช่นกัน
มิติภาพลวงตาที่นี่เป็นชั้น ๆ บางทีการเปลี่ยนมิติก็สามารถสลัดหลุดจากไป๋อู๋ห่ายและพวกได้
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่าแดนลวงตาครั้งนี้จะไม่ช่วยพวกเขาสลัดหลุดให้พ้นจากศัตรู แถมยังมีศัตรูกลุ่มใหญ่แห่เข้ามาอีก
หุ่นเชิดเพลิงสีทองอร่ามตรงหน้าเหล่านั้นทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งเครียดขึ้น
บัดซบยิ่งนัก!
สถานการณ์ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหนีเสือปะจระเข้เลย!
พวกเขาทำได้เพียงแค่ถอยหลัง และตอนนี้ไป๋อู๋ห่ายก็ไล่ตามมาแล้ว
ไป๋อู๋ห่ายขวางหน้าพวกเขาและยิ้มอย่างลำพองใจพลางกล่าวว่า “หนีสิ! พวกเจ้าหนีต่อสิ!”
“หนีไม่รอดแล้วใช่ไหมล่ะ! งั้นก็ตายซะเถอะ! เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าก็สมควรตายด้วย”
เขาไม่เพียงแค่จะฆ่ามู่เฉียนซีเท่านั้น แต่เขาจะฆ่าเฟิงอวิ๋นซิวด้วย
อยู่ข้างนอกเขาไม่กล้าลงมือ แต่หากตายที่นี่ ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นคนทำ
ตูม!
ครั้นแล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกัน และพลังก็ห่างชั้นกันมาก มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวเสียเปรียบมาก
“อู๋ตี้!”
มู่เฉียนซีเรียกอู๋ตี้ออกมาขวางคนชุดดำผู้นั้น
ส่วนมู่เฉียนซีก็พุ่งไปกับเฟิงอวิ๋นซิวรับมือกับไป๋อู๋ห่าย แต่ในตอนนี้เองหุ่นเชิดเพลิงสีทองนั้นเข้าใกล้มาและโจมตีนางแล้ว
ปัง! มู่เฉียนซีหลบหลีกหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้น ทว่า พวกมันกลับโจมตีอย่างไม่ยอมเลิกรา
ไป๋อู๋ห่ายเองก็ตกตะลึงขึ้นเช่นกัน “นี่มันตัวอะไรกัน!”
ตูม ปัง ปัง! การต่อสู้อันวุ่นวายได้เริ่มขึ้นแล้ว
พลังขั้นสูงสุดของไป๋อู๋ห่ายและพวกแข็งแกร่งมาก แต่หุ่นเชิดกลุ่มนี้ยิ่งอันตรายมาก
มู่เฉียนซีที่หลบหลีกการโจมตีของหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้นได้ในตอนนี้ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นแล้ว สิงโตทองลวงตาใช้พลังจิตควบคุมอาวุโสท่านนั้น และหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านี้ก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะใช้วิธีควบคุมในแบบเดียวกัน
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกไป ไม่นานนักพลังจิตของนางก็เข้าสู่ร่างของหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านี้
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ในร่างของหุ่นเชิดเหล่านี้มีพลังจิตสีทองอยู่
พลังจิตที่อยู่ในร่างของหุ่นเชิดเหล่านี้ห่างไกลกับที่อยู่ในร่างของอาวุโสท่านนั้นมาก มู่เฉียนซีจึงกำจัดได้อย่างง่ายดาย
หลังจากกำจัดได้แล้วนางก็เลียนแบบเล็กน้อย จากนั้นก็ออกคำสั่งกับมัน
ฆ่าเจ้านั่นซะ!
ปัง! ไม่นานนัก หุ่นเชิดตัวที่ถูกมู่เฉียนซีควบคุมก็ทำตามคำสั่ง มันกำจัดหุ่นเชิดเพลิงสีทองตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายทันที
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น ได้ผล!
ตูม ตูม ตูม! ในตอนนี้ เฟิงอวิ๋นซิวถูกไป๋อู๋ห่ายบีบบังคับให้จนมุมแล้ว
“ไปฆ่ามันซะ!” เมื่อมู่เฉียนซีควบคุมหุ่นเชิดตัวนี้ได้แล้ว นางก็ออกคำสั่งอีกครั้ง
มันพุ่งไปที่ไป๋อู๋ห่ายอย่างรวดเร็ว เฟิงอวิ๋นซิวคิดว่าเจ้าหุ่นเชิดนี่จะโจมตีเขา เขาจึงรีบหลบ
ตูม!
ไป๋อู๋ห่ายถูกหุ่นเชิดเพลิงสีทองตัวนี้โจมตี เฟิงอวิ๋นซิวเห็นว่าเจ้าหมอนั่นไม่ได้จงใจจะโจมตีเขา แต่กลับจงใจจะไปโจมตีไป๋อู๋ห่าย
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมากำจัดพลังจิตของสิงโตทองลวงตาในร่างหุ่นเชิดนั้นทีละตัว และให้พวกมันโจมตีไป๋อู๋ห่ายและคนชุดดำผู้นั้น
มู่เฉียนซีเริ่มควบคุมหุ่นเชิดมากขึ้นเรื่อย ๆ และหุ่นเชิดเพลิงสีทองก็ยิ่งโจมตีไป๋อู๋ห่ายกับคนชุดดำมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
ไป๋อู๋ห่ายงุนงงมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เห็น ๆ กันอยู่ว่าตอนแรกหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านี้โจมตีฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่พวกเขา แต่ตอนนี้กลับมาโจมตีพวกเขาแทน นี่มันช่วยมู่เฉียนซีชัด ๆ!
เฟิงอวิ๋นซิวเองก็งุนงงไม่แพ้กัน เขาเพิ่งจะต่อสู้กับหุ่นเชิดเพลิงสีทองนี้ไป แต่ตอนนี้พวกมันกลับช่วยพวกเขา น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
ผั๊วะ ปัง ปัง!
ไป๋อู๋ห่ายต้องการจะฆ่ามู่เฉียนซีและเฟิงอวิ๋นซิว แต่เขาไม่สามารถต้านทานหุ่นเชิดเพลิงสีทองจำนวนมากเหล่านี้ได้ ต่อให้เขาเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดก็ตาม
ส่วนคนชุดดำผู้นั้นก็ต้านทานไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาจึงกล่าวว่า “หนีก่อน!”
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่พวกเขามาที่นี่ก็คือตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ หากตายไปเพราะมาตามฆ่าหญิงสาวผู้นี้ที่นี่ แม้แต่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ไม่ได้เห็นพวกเขาต้องแย่แน่!
ไป๋อู๋ห่ายเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เขามองไปที่มู่เฉียนซีที่กำลังยืนยิ้มเยาะพวกเขาอยู่ท่ามกลางหุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านั้น เขาข่มความโกรธเกรี้ยวลงไปก่อนจะกัดฟันกรอดพลางกล่าว “ไป!”
พวกเขาจะหนี แต่มู่เฉียนซีออกคำสั่ง “ตามไปฆ่าพวกมันซะ!”
หุ่นเชิดเพลิงสีทองเหล่านี้ราวกับสายน้ำสีทองพุ่งตามไป๋อู๋ห่ายและพวกไปฉับพลัน
ไป๋อู๋ห่ายกับคนชุดดำผู้นั้นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เป็นไปได้ยังไง พวกหุ่นเชิดเหล่านี้ฟังคำสั่งของมู่เฉียนซีอย่างนั้นเหรอ?”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
หุ่นเชิดเพลิงสีทองทั้งหมดล้วนแต่ไล่ตามไป๋อู๋ห่ายไปแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวก็กล่าวด้วยความตกใจว่า “เฉียนซี เจ้าควบคุมมันได้ด้วยเหรอ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ช่วยอาวุโสท่านนั้นกำจัดพลังจิตของสิงโตทองลวงตาไปได้มันทำให้ข้านึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะได้ผล”
สามารถควบคุมหุ่นเชิดเพลิงสีทองได้ การเดินทางก็ราบรื่นแล้ว เมื่อเจอกับหุ่นเชิดเพลิงสีทอง มู่เฉียนซีก็ควบคุมพวกมันและให้พวกมันหาทางให้!
น้ำเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในมุมมืด “เป็นไปได้ยังไง? หุ่นเชิดตั้งมากมายสูญเสียการควบคุมไปได้ยังไงกัน พลังจิตก็ถูกกำจัดจนสิ้นแล้ว มันเป็นไปได้ยังไง?”
“มุดหัวอยู่ในรูเหมือนหนูลอบทำร้ายผู้คนอยู่เช่นนี้ เจ้ามันน่ารังเกียจยังไงก็ยังน่ารังเกียจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ!” เปลวไฟสีแดงฉานพุ่งออกมาจากมุมมืดพร้อมกับน้ำเสียงอันหยิ่งยโส
.
.