บทที่ 329 ความลับขององค์จักรพรรดิ
บทที่ 329
ความลับขององค์จักรพรรดิ
ตกดึก ลั่วอู๋ได้เดินทางมาที่พระราชวังฉีหยุน ภายใต้การคุ้มกันของสาวใช้และองครักษ์
ที่แห่งนั้นคือพระราชวังขององค์หญิงเจียโรว
“ ท่านลั่ว ได้โปรดรออยู่ที่นี่ก่อนเจ้าค่ะ ” เมื่อเข้ามายังพระราชวังฉีหยุน บรรดาสาวใช้และองครักษ์ต่างก็ปลีกตัวออกไป
ลั่วอู๋รู้สึกเขินอาย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่พระราชวังตรงหน้า มันมีความหรูหราและทันสมัย มันดูเหมือนกับมีแสงไฟสลัว ๆ สอดส่องออกมาในความมืด
ภายในพระราชวังมีแสงสว่างจ้า และมีกลิ่นของน้ำหอมที่ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
“ องค์หญิงเจียโรว?” ลั่วอู๋ตะโกน
เกิดเสียงสะท้อนภายในพระราชวัง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ลั่วอู๋โกรธเล็กน้อย “ เฮ้ เลิกเล่นได้แล้ว นี่มันน่าเบื่อมากนะ ”
ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาจากทางพระราชวัง
ลั่วอู๋กวาดสายตาไปทั่วพระราชวังฉีหยุนด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่เลย มันแปลกมาก ๆ
“ โอ้ ดูเหมือนว่าเจ้ากับเจียโรวจะสนิทกันดีนะ ”
มีเสียงทุ้มดังมาจากไกล ๆ
ลั่วอู๋ประหลาดใจ และมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น มันเป็นร่างของคนตัวใหญ่ แค่ความใหญ่ของร่างนั้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันแล้ว
เจ้าของเสียงนั้นคือ องค์จักรพรรดิ
ไม่น่าแปลกใจที่เขามีความกดดันมาก
“ ท่านองค์จักรพรรดิ ” ลั่วอู๋สงบนิ่ง
องค์จักรพรรดิยกมือขึ้น “ ที่นี่ไม่มีใครอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ”
ลั่วอู๋สงสัยว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงเรียกเขามาที่นี่ในยามดึก นอกจากนี้มันยังอยู่ใกล้กับห้องนอนขององค์หญิงเจียโรวอีกด้วย แล้วคนขององค์หญิงเจียโรวหายไปไหนกันหมด?
ราวกับว่าองค์จักรพรรดินั้นรู้ถึงความคิดของลั่วอู๋ เขาจึงพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ ข้าได้ขังองค์หญิงเจียโรวเอาไว้ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะต้องเปลี่ยนที่พักของนาง ”
ลั่วอู๋เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง
“ ข้ารู้ว่าเจ้านั้นรู้จักกับเจียโรวเป็นอย่างดี ข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเขตหมิงหนาน และรู้ด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อนางได้หลบหนีออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ” องค์จักรพรรดิกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ “ ราชวงศ์มังกรเร้นกายมั้งหมดนั้นล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของข้า คิดว่านางจะหลบซ่อนจากข้าได้อย่างงั้นเหรอ ”
องค์จักรพรรดิเดินไปรอบ ๆ แม้ว่าจะไม่ได้สวมเสื้อคลุมลายมังกรอยู่ แต่เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยท่าทางที่หาใครเทียบมิได้ ด้วยดวงตาสีทองที่มีพลังราวกับกำลังครอบงำผู้อื่น
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดิคิดจะทำอะไรกับเขา เขาจึงได้พูดออกมาว่า “ ข้าไม่รู้ว่าท่านองค์จักรพรรดิเรียกข้ามาที่นี่ทำไม มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ทำไมท่านถึงได้เรียกข้ามาที่นี่กัน? ”
“ ไม่ต้องกังวลไป มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจียโรว ” องค์จักรพรรดิมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยแววตาอันลุกโชน “ โฉวหยวนกัวเป็นของเจ้าใช่ไหม? ”
“ ใช่แล้ว มันเป็นของข้า ” ลั่วอู๋ยอมรับ
เขาไม่จำเป็นต้องปฏิเสธมัน
ลั่วอู๋ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงได้รู้เรื่องนี้ ที่นี่นั้นเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ เป็นเมืองขององค์จักรพรรดิ ลั่วอู่จึงไม่สงสัยเลยว่าเขานั้นน่าจะมีสายตาคอยสอดส่องข่าวสารอยู่ทุกที่
“ ข้าต้องการมัน มอบโฉวหยวนกัวมาให้ข้า จากนั้นเจ้าจะสามารถเลือกสมบัติจากห้องโถงในวันนี้กลับไปได้หนึ่งอย่าง ” องค์จักรพรรดิกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ลั่วอู๋ตกตะลึง
เขาต้องการโฉวหยวนกัวอย่างงั้นเหรอ?
ในตอนที่องค์จักรพรรดิมีพระชนมายุ 30 พรรษา เขาก็ได้ไปถึงมิติวิญญาณของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร ฉะนั้นเขาจึงน่าจะมีช่วงอายุไขยาวนานตลอดชีวิตได้ถึง 500 พรรษา แต่ตอนนี้เขาเพิ่งมีพระชนมายุได้ 60 พรรษาเท่านั้นเอง
แล้วเหตุใดองค์จักรพรรดิถึงต้องการโฉวหยวนกัวกันล่ะ
“องค์จักรพรรดิ ท่านกำลังจะตายอย่างงั้นหรือ?” ลั่วอู๋ตกใจอย่างมาก ในเมื่อเขาได้รู้ความลับนี้แล้ว เขาก็คงจะอยู่เฉยๆอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
“ ไม่พอใจงั้นเหรอ? ” องค์จักรพรรดิเห็นว่าลั่วอู๋ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เขาจึงพูดต่อว่า “ เจ้าสามารถบอกมาได้นะว่าเจ้าต้องการอะไร และข้าจะสนองให้เจ้าเอง ”
ความคิดอันนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาในหัวของลั่วอู๋ และเขาก็ตอบออกไปอย่างระมัดระวัง “ อันที่จริงแล้ว โฉวหยวนกัวนั้นไม่ได้อยู่กับข้าในตอนนี้ ”
“ งั้นเหรอ เฟ่ยเฉียนเทาบอกไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าเจ้าของคนเดิมได้ขอรับของคืนไปแล้ว เพราะว่าการสูญเสียทางพลังวิญญาณนั้นมันมากเกินไป ” องค์จักรพรรดิรู้สึกไม่พอใจ
มันยากจริงๆที่เขาจะสามารถต้านทานแรงกดดันขององค์จักรพรรดิที่มีพลังในการครอบงำโลกทั้งใบ
ลั่วอู๋ หัวเราะเบา ๆ “ จริง ๆ แล้วโฉวหยวนกัวได้ถูกขโมยไปแล้วต่างหาก คฤหาสน์ชวนเทียนนั้นไม่ต้องการปล่อยข่าวให้คนภายนอกได้รู้ ก็เลย… ”
“ อะไรนะ! ” องค์จักรพรรดิสงบนิ่งไป เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ถึงแม้จะเป็นแค่โฉวหยวนกัวก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะสามารถช่วยบรรเทาอาการของเขาได้ ดังนั้น เขาจึงได้เรียกลั่วอู๋มาพบเขาในค่ำคืนนี้
แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่า โฉวหยวนกัวนั้นจะถูกขโมยไป
แม้แต่องค์จักรพรรดิเองก็ยังไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับข่าวสารนี้ หลังจากที่โฉวหยวนกัวได้หายไป คฤหาสน์ชวนเทียนก็ได้เรียกรวมคนทั้งหมดมาในทันที และไม่อนุญาตให้ใครได้ออกไปไหน
ถึงแม้ว่าจะถูกองค์จักรพรรดิเพ่งเล็งอยู่ก็ตาม คฤหาสน์ชวนเทียนก็ไม่สามารถปล่อยให้ข่าวสารรั่วออกไปได้
องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าความสูญเสียกำลังก่อตัวในใจของเขา
แม้แต่ความหวังสุดท้ายก็ได้หายไปแล้ว
ดวงตาขององค์จักรพรรดิดำมืดลง
ทันใดนั้น ลั่วอู๋ก็เบิกตากว้าง
เพราะเขาได้เห็นสิ่งแปลกประหลาดปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา เส้นผมสีดำขององค์จักรพรรดิได้เปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความรวดเร็ว มันเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของความแก่ชรา
ใบหน้าของผู้ที่กำลังหมดหวังเกิดเป็นริ้วรอยหลายชั้น ดวงตาสีทองเริ่มกลายเป็นดวงตาที่ดูเหมือนคนใกล้ตาย
องค์จักรพรรดิที่ภายนอกดูเหมือนกับคนที่มีอายุไม่ถึง 30 ปี ตอนนี้กลับกลายเป็นคนแก่ชรา ที่กำลังใกล้จะตาย
……
……
ณ พระราชวังหยู่หวัง
องค์หญิงเจียโรวกำลังแอบดูสถานการณ์อยู่ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครตามมา และได้ออกเดินไปอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดก็หนีออกจากคุกบ้านี่ได้แล้ว ข้านี่สุดยอดไปเลย! ข้าเองก็ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย ”
องค์หญิงเจียโรวกำลังยกย่องตนเองพลางบ่นพึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจ “ ท่านพ่อบ้าไปรึไง เขาถึงกับเชิญคนเข้ามาในพระราชวังกว่า 30 คนเพื่อหาสวามีให้ข้า นี่มันทำให้ข้ารู้สึกขนลุกชะมัด เมื่อข้าต้องเสียเวลามาพูดคุยกับพวกคนที่มีความสามารถเหล่านี้อย่างปลอม ๆ ”
นางไม่ยอมเสียเวลากับพวกเขาแน่
ดังนั้นนางต้องใช้ประโยชน์ในยามค่ำคืนนี้ให้เต็มที่ เพื่อหลบเลี่ยงหนีออกมาก่อนตอนยังมีโอกาส
โอ้ ไม่เปลี่ยนไปเลยแฮะ
องค์หญิงเจียโรวมองกลับไปที่พระราชวังหยู่หวัง ซึ่งเป็นห้องนอนปัจจุบันของนาง หากนางกลับเข้าไปตอนนี้ มันคงทำให้เหล่าองครักษ์และสาวใช้ต้องยุ่งวุ่นวายเป็นแน่
ยังไงซะ นางก็จะกลับไปยังพระราชวังฉีหยุนให้ได้
องค์หญิงเจียโรวผู้เป็นดั่งภูตยามค่ำคืนได้หลบหนีออกจากพระราชวังหยู่หวัง เพื่อกลับไปยังพระราชวังฉีหยุนซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของนาง
เพราะที่แห่งนั้นไม่มีใครอาศัยอยู่ และก็คงจะไม่มีองครักษ์ด้วย
“ หืม? นี่มันลมปราณของท่านพ่อ ”
องค์หญิงเจียโรวตกตะลึงลุกลี้ลุกลน ทำไมนางถึงรู้สึกถึงท่านพ่อได้กัน?
ไม่ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะท่านพ่อไม่มีทางออกมาในเวลากลางคืนแน่
แต่แล้วทำไม เขาถึงมาอยู่ที่พระราชวังฉีหยุนของนางได้
องค์หญิงเจียโรวมองไปที่พระราชวังด้วยความระมัดระวัง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้ากล้าหลอกข้าอย่างนั้นเหรอ?” องค์จักรพรรดิกำลังโมโหอย่างมาก แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่งดั่งมังกรเช่นเดิม ร่างของเขาดูเหมือนกับว่ามีพลังของมังกรโบราณสถิตอยู่
องค์จักรพรรดิจ้องไปที่ลั่วอู๋ด้วยดวงตาของชายชราอันโกรธเกรี้ยวและไม่สามารถเมินเฉยไปได้ “ ในเมื่อเจ้าได้เห็นข้าในสภาพแบบนี้แล้ว ข้าคงไม่สามารถปล่อยเจ้าออกไปไหนได้ อีกแล้ว ”
ลั่วอู๋ใจเต้นระรัว
ดูเหมือนว่าเขานั้นได้รับรู้ถึงความลับบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อและไม่ควรรู้เขาเสียแล้ว
“องค์จักรพรรดิ ท่านไม่ต้องตื่นตระหนกไป ข้ายังมี โฉวหยวนกัวสำรองอยู่ ” ลั่วอู๋พยายามสงบสติลง
องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าและส่ายหัว “ มันไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงเจ้าก็จะต้องตายอยู่ดี ”
ลั่วอู๋หายใจเข้าลึก ๆ
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวยิ่งนัก
ลั่วอู๋ตัดสินใจหยิบหินทะลวงมิติที่ผู้บัญชาการหลิงหลงมอบมันให้กับเขาออกมา
ผู้บัญชาการหลิงหลงเป็นผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกร หากจำเป็นเขาคงจะต้องขอร้องให้นางช่วยสังหารองค์จักรพรรดิ
หลังจากคืนนี้เป็นต้นไป โลกทั้งใบก็คงจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างแน่นอน
แต่ลั่วอู๋นั้นไม่ได้สนใจ
เพราะไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตของตัวเขาเองแล้วในตอนนี้
ในขณะที่ลั่วอู๋กำลังจะบดขยี้หินทะลวงมิติ ก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากทางเข้าพระราชวังฉีหยุน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ท่านพ่อ ! ”
องค์จักรพรรดิตัวแข็งทื่อไปในทันที
เสียงนี่มันองค์หญิงเจียโรวงั้นเหรอ?