ภาพวาดเช่นนี้ไม่ว่าจะเขียนกลอนใดเข้าไป ก็ไม่อาจรอดได้
รอนางวาดภาพเสร็จ บรรดาสตรีชั้นสูงสี่ห้าคนสุดท้ายที่ดูภาพวาดของนางก็เดินไปทางสตรีชั้นสูงคนอื่นๆ
องค์หญิงอวี้เหอเป็นเจ้าภาพในงานครั้งนี้ นางเองก็เดินดูรอบๆ เช่นเดียวกัน หลังจากชำเลืองมองภาพต่างๆ ครู่หนึ่ง นางก็กลับไปยังที่นั่งของตนเอง
ภาพวาดเช่นนี้ ร่วมกับเขียนพู่กันย่ำแย่ พังไม่เป็นท่าแน่นอน!
เริ่มแรก นางกลัวเหลือเกินว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะวาดดอกท้อ หลังจากนั้นเขียนกลอนดอกท้อบทนั้นลงไป แม้ภาพวาดของนางไม่งดงาม แต่เมื่อเหล่าบัณฑิตเห็นกลอนในภาพวาด ต้องชื่นชมอย่างแน่นอน คำวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบก็ย่อมน้อย
โง่เขลาเสียจริง!
องค์หญิงอวี้เหอจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลาย หลังจากเหล่าสตรีชั้นสูงเขียนบทกลอนลงไป ก็ม้วนเก็บภาพวาด แล้วยื่นให้นางกำนัลที่ยืนรออยู่ข้างๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็เช่นเดียวกัน นางเขียนบทกลอนด้วยตัวอักษรบรรจงเล็กดอกเหมย[1]จากนั้นยื่นภาพวาดให้นางกำนัลเช่นเดียวกัน
หลังจากผ่านการแข่งขัน เหล่าสตรีชั้นสูงล้วนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ในงานเลี้ยงแทบจะเงียบกริบ องค์หญิงอวี้เหอจึงมีรับสั่งให้คณะดนตรีที่จัดเตรียมตั้งแต่แรกออกมาทำการแสดง เวลานี้เพียงรอผลจากทางสำนักวิชาการ ประกาศเจ้าของตราดอกท้อสองอันสุดท้ายเท่านั้น ก็จบงานเลี้ยงดอกท้อในครั้งนี้
หลังจากบรรเลงเพลงไปหลายเพลง เต้นรำไปหลายรอบ นางกำนัลก็ยกภาพวาดของสตรีชั้นสูง และคำวิจารณ์ของบัณฑิตที่มีต่อทุกภาพวาดมา
ใช้ถาดหยกวางภาพวาด คนที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ชนะการแข่งขันเขียนพู่กันและวาดภาพคือคนเดียวกัน ทุกคนต่างตกตะลึง ทางด้านองค์หญิงอวี้เหอก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ต้องรู้ว่าไม่มีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว
องค์หญิงอวี้เหอรับถาดหยกมาจากนางกำนัลที่อยู่ด้านหน้าสุด หยิบภาพวาดนั้นขึ้นมา เมื่อครู่นางดูแล้ว อันเอ่อร์เยียนวาดภาพได้งดงาม นางวาดภาพมั่งคั่งร่ำรวยดั่งดอกไม้ผลิบาน ทั้งเป็นมงคลและโดดเด่นืพู่กันก็เขียนได้ดี ผู้ชนะต้องเป็นนางอย่างแน่นอน
บิดาของอันเอ่อร์เยียนเป็นคนของท่านตา หากอันเอ่อร์หยียนได้ตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถวันข้างหน้าก็ย่อมส่งผลดีต่อตระกูลของท่านตา
องค์หญิงอวี้เหอคลี่ม้วนภาพวาด ภาพขาวดำประจักษ์ตรงหน้า นางคิดว่าตนตาฝาด กะพริบตา มองอีกครั้ง ความมั่นใจเมื่อครู่ กลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา เกือบจะสะบัดถาดหยกทิ้ง
องค์หญิงอวี้เหอร้อนใจขึ้นมาทันที นางไม่เคยเสียมารยาทในที่สาธารณะเช่นนี้มาก่อน
ฝืนยิ้ม แล้วพูดเสียงดัง “งานเลี้ยงดอกท้อที่ข้าเป็นเจ้าภาพในปีนี้มีสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ข้าขอประกาศว่ามั่วเชียนเสวี่ยคือผู้ชนะเลิศในงานเลี้ยงดอกท้อครั้งนี้ ถูกขนานนามว่าเป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ”
หลังจากประกาศจบ ภายในงานเลี้ยงเงียบงัน
มั่วเชียนเสวี่ยวางตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ทางด้านชูอีเบิกตากว้าง ท่านหญิงซูซูลอบชูนิ้วโป้งให้มั่วเชียนเสวี่ย หลันรั่วเมิ่งมองมาจากที่ไกลแล้วแสดงความยินดี
สำหรับภาพวาดนั้น บรรดาสตรีชั้นสูงต่างฉงนสงสัยยิ่งนัก โดยเฉพาะผู้ที่เคยเห็นภาพวาดของมั่วเชียนเสวี่ย ความหมายของกลอนและบรรยากาศควรจะสอดคล้องกัน จึงจะเป็นผลงานที่ดี กลอนไม่ดีอาจทำลายภาพวาดที่ดีได้ ภาพวาดทั่วไป ก็อาจจะโดดเด่นขึ้นมาเพราะกลอนที่ดี
องค์หญิงอวี้เหอพูดต่อ “คุณหนูมั่วแต่งกลอนได้ดี บทกลอนที่เขียนลงไปนั้นเสมือนวาดมังกรแต้มดวงตา ได้รับความการยอมรับจากทุกคนจริงๆ เสด็จแม่ตรัสไม่ผิดแม้แต่น้อย”
ถึงอย่างไรก็เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง เมื่อมีสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถเกิดขึ้นในงานเลี้ยงดอกท้อ คุณงามความดีแรกย่อมยกให้ตน หลังจากยกให้ตนแล้วค่อยยกคุณงามความดีต่อไปให้มารดาของตน
“หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงอวี้เหอยืนกรานให้คุณหนูมั่วร่วมแข่งขัน ด้วยความถ่อมตนของคุณหนูมั่วแล้วพวกข้าย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นผลงานดีๆ เช่นนี้”
“องค์หญิงสายตาเฉียบแหลมยิ่งนัก…”
“คำพูดของฮองเฮาไม่เคยผิดจริงๆ”
ถ้อยคำชื่นชมองค์หญิง สรรเสริญฮองเฮาดังขึ้นไม่หยุด คล้ายผู้ชนะเลิศคือองค์หญิงอย่างไรอย่างนั้น
องค์หญิงอวี้เหอคลี่ยิ้ม ยกมือขึ้น แล้วค่อยให้นางกำนัลที่ถือถาดหยกยกภาพวาดไปตรงหน้าสตรีชั้นสูง ได้ชื่นชม
ไม่มีผู้ใดรู้ เวลานี้มือทั้งสองข้างขององค์หญิงอวี้เหอที่ไขว้หลังอยู่นั้น สองมือกำแน่นเล็บจิกฝ่ามือตนเอง
นางกำนัลยกถาดหยกไปทางอันเอ่อร์เยียน สตรีชั้นสูงที่อยู่บนทางเดินต่างเข้ามามุงดู
มีคนอ่าน “พันขุนเขาไร้วิหกบิน ทางทั้งหมื่นไร้รอยเท้าผู้คน เรือน้อยโดดเดี่ยว ชายชราชุดฟางและหมวกไผ่ ตกปลาเดียวดายบนแม่น้ำท่ามกลางหิมะโปรยปราย”
อันเอ่อร์เยียนเอ่ยชม “ลายมืองดงาม! กลอนไพเราะ! บรรยากาศดี…” แค่เพียงกลอนโดดเด่นเช่นนี้ ตัวอักษรที่งดงามราวกับดอกเหมย ก็ทำให้นางแพ้ด้วยความเต็มใจ
“สมแล้วที่คุณหนูมั่วเป็นสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ กลอนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ…”
มีคนร้องตะโกนด้วยความตกตะลึง “มีคำวิจารณ์ของบัณฑิตจย่าอีกด้วย…ดูสิ…”
บัณทิตจย่าคือนักปราชญ์ผู้เลื่องชื่อที่เทียนฉีให้การยอมรับ ขอเพียงได้วิจารณ์ เขาจะวิจารณ์โดยไร้ซึ่งความปรานี! สตรีคนนั้นอ่าน “พื้นหลังของภาพนี้เน้นให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวของชาวประมง แสดงถึงความเหน็บหนาวในหัวใจ ยามบรรยายถึงบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของชาวประมงขณะตกปลานั้น ทิ้งน้ำหนักเขียนพู่กันแผ่วเบา ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำก็แสดงความบริสุทธิ์และเหน็บหนาวของอากาศให้ได้ประจักษ์ ทุกส่วนของภาพวาดที่แต่งแต้มด้วยหมึก ตั้งแต่ท้องนภาที่อยู่ด้านบนสุด จรดจนแม่น้ำ ภาพระยะใกล้นี้ ปกคลุมสรรพสิ่ง…”
“คุณหนูมั่วคือคนแรก ที่ได้รับคำวิจารณ์เช่นนี้จากบัณฑิตจย่า ควรคู่กับตำแหน่งสตรีอันดับหนึ่งผู้มีความรู้และความสามารถ…”
คำพูดเหล่านี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้นำมาใส่ใจ สิ่งที่นางสนใจคือสีหน้าขององค์หญิงอวี้เหอ
เวลานี้ รอยยิ้มจอมปลอมบนดวงหน้าองค์หญิงอวี้เหอแตกสลายไปนานแล้ว แม้จะยังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับแฝงด้วยความเหี้ยมโหด คล้ายมีความภาคภูมิใจต่อชัยชนะอยู่ในมืออย่างไรอย่างนั้น
มั่วเชียนเสวี่ยหัวใจบีบรัด เวลานี้ ใกล้จะถึงเวลาปิดอุทยานแล้ว หรือว่านางยังมีแผนการอื่นเช่นนั้นหรือ
มนุษย์ใสซื่อได้ แต่ไม่อาจโง่เขลา คิดว่าทุกอย่างบนโลกล้วนดี มองโลกในทางที่ดีทุกอย่าง นั่นไม่ใช่ความใสซื่อแต่เป็นความโง่เขลา
หากนางไม่ได้วางแผนอย่างดีทุกก้าว เกรงว่าสุดท้ายจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก ครั้งนี้ปี้หวนนางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงอวี้เหอเป็นคนได้เพลิดเพลินกับนางกำนัลปลอมทั้งสองคน หากองค์หญิงอวี้เหอกล้าหาเรื่องนางอีก รอให้นางสบโอกาส นางจะให้คนมาปรนเปรอองค์หญิงอวี้เหอสักครั้ง ให้องค์หญิงอวี้เหอได้ผ่อนคลาย ใช้เลือดของนางมาชำระล้างเรื่องสกปรกนี้
หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นางต้องดูถูกความคิดชั่วร้ายเช่นนี้ของตนอย่างแน่นอน แต่ว่ามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ เข้าเมืองหลวงเจ็ดวันก็ถูกวางแผนลอบทำร้าย ทั้งยังมีรอยยิ้มร้ายกาจขององค์หญิงอวี้เหอที่ส่งมาเมื่อครู่อีก ทำให้นางจำต้องตั้งสติให้ดี
แม้แต่ค่ำคืนนั้นหนิงเซ่าชิงก็พูดแล้วว่างานเลี้ยงดอกท้อนี้เกี่ยวเนื่องกับหลายสิ่งมากมาย ไม่มีทางที่บุรุษด้านนอกจะลักลอบเข้ามาได้ ทั้งยังไม่มีบุรุษคนใดกล้าเข้ามา หากมีคนคิดอยากจะจัดการนางที่นี่ มีแต่จะแยกนางออกไป อยากจะทำให้นางอับอายต่อหน้าผู้คน กลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวง
ทว่า…
มั่วเชียนเสวี่ยขมวดคิ้วเป็นปม องค์หญิงอวี้เหอกล้าละเมิดกฎเช่นนี้ เบื้องหลังต้องมีฮองเฮาคอยสนับสนุนอย่างแน่นอน แล้วเบื้องหลังของฮองเฮาคือผู้ใด! คือฮ่องเต้! คือตระกูลเซี่ย!
อยากจะยืนหยัดท่ามกลางแผนการของพวกคนวิปริตไร้มนุษยธรรม อยากมีชีวิตที่ดีท่ามกลางเรื่องโสมมเช่นนี้ มีแค่สองทางเลือกเท่านั้น หนึ่งเปลี่ยนตนเองให้ต่ำทรามเหมือนพวกเขา สองใช้เลือดชำระล้างความต่ำทรามนี้
นางเลือกข้อที่สอง!
อาทิตย์อัสดง นกน้อยบินกลับเข้าไปในป่า ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน งานเลี้ยงดอกท้อในปีนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
องค์หญิงอวี้เหอยิ้มอ่อนโยน ชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย จากนั้นสั่งนางกำนัลพาสตรีชั้นสูงออกมาจากสวนดอกท้อ บรรดาสตรีชั้นสูงบอกลา องค์หญิงอวี้เหอยืนอยู่ในหอดอกท้อแล้วมองส่งทุกคน
[1] ตัวอักษรบรรจงเล็กดอกเหมย ชื่อเรียกรูปแบบตัวอักษรหนึ่งของอักษรจีน