เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 166 การทดสอบระดับจิตใจ

การเคลื่อนไหวของถังหว่านเอ๋อดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งหมดเอาไว้ ต่อจากนี้ก็คงจะเป็นการทดสอบของศิษย์สายตรงกันแล้ว 

 

 

  

 

 

“นางเซียนไร้ผู้ต้าน งดงามไร้ที่ติ ฝ่าด่านอย่างปลอดภัย หว่านเอ๋อไร้พ่าย” 

 

 

  

 

 

ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อกำลังก้าวเท้าไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของผาศิลาอันสูงชัน ก็ได้เสียงตะโกนจากผู้คนดังกระหึ่มขึ้นมาจากทางด้านหลัง อีกทั้งยังร้องขึ้นมาพร้อมกันเป็นจังหวะจะโคน 

 

 

  

 

 

ถังหว่านเอ๋อหันกลับมามองยังกลุ่มคนเหล่านั้น และก็ได้พบว่าในมือของหลงเฉินมีธงขนาดเล็กที่กำลังโบกไปมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงโห่ร้องนั้นเป็นเขาเองที่ทำให้ทุกคนตะโกนตามขึ้นมา 

 

 

  

 

 

ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสของหลงเฉินทำให้จิตใจของถังหว่านเอ๋อปลอดโปร่งขึ้นมาไม่น้อยเลย รอยยิ้มกว้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นจับใจ 

 

 

  

 

 

เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ชมชอบกระทำการแปลกประหลาดยิ่งนัก แม้ว่าจะนึกคิดเช่นนั้น ทว่าบนใบหน้าของถังหว่านเอ๋อก็ได้ถูกแต่งแต้มรอยยิ้มขึ้นมามากกว่าเดิม แน่นอนว่าหลงเฉินคงอยากจะให้นางลดทอนแรงกดดันของตัวเองลงไป 

 

 

  

 

 

หลังจากที่โบกมือทักทายโต้ตอบกลับไปแล้ว ถังหว่านเอ๋อก็ได้กระโดดขึ้นไปยืนบนแท่นศิลา พลันก็ได้โค้งคารวะไปที่ผู้อาวุโสถู่ฟาง “รบกวนท่านผู้อาวุโสด้วย ข้าปรารถนาที่จะเข้ารับการทดสอบระดับจิตใจ แถวกลางช่องที่สามนับจากทางขวา” 

 

 

  

 

 

ถู่ฟางพยักหน้ารับ พร้อมทั้งทอแววตาเอ็นดูไปที่ถังหว่านเอ๋อแล้วกล่าวว่า “จงทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี อย่าได้หลงระเริงจนเกินไป ถ้าหากเกิดเรื่องที่ยากจะรับมือก็ให้ถอยออกมาได้ทุกเมื่อ” 

 

 

  

 

 

ถังหว่านเอ๋อเป็นหนึ่งในผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาด เช่นนั้นถู่ฟางจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หากปล่อยให้ศิษย์ที่สูงส่งเช่นนี้ตายตกไปก็คงทำให้ทางหมู่ตึกสูญเสียขุมกำลังใหญ่ด้วยเช่นกัน 

 

 

  

 

 

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เป็นห่วง หว่านเอ๋อเข้าใจแล้ว” ถังหว่านเอ๋อโน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วตอบกลับไป 

 

 

  

 

 

ถู่ฟางโบกสะบัดมือข้างหนึ่งออกไปยังผาศิลาที่อยู่ด้านหลัง พลันร่างกายของถังหว่านเอ๋อก็ค่อยๆ ลอยละล่องขึ้นไปสูงกว่าพันเซียะมุ่งสู่ปากทางเข้าถ้ำที่เรียงรายเป็นแถวอยู่ชั้นบนสุด 

 

 

  

 

 

ถังหว่านเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ทันใดนั้นรอบกายก็ได้เบิกพลังคมวายุขึ้นมาคุ้มกันเอาไว้ เต็มไปหมด แรงลมที่หมุนวนโดยรอบกรรโชกไปมาอย่างรุนแรงราวกับสามารถฉีกกระชากเงาร่างของผู้คนมากมายไปได้เลย 

 

 

  

 

 

ภายในจิตใจของหลงเฉินเกิดความตึงเครียดขึ้นมาไม่น้อย ถึงแม้ว่าพลังการต่อสู้ของถังหว่านเอ๋อจะแข็งแกร่งและอยู่ในจุดสูงสุดของการทดสอบในปีนี้ และยังเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่มีเส้นรากปราณระดับเงิน 

 

 

  

 

 

ทว่าภายในจิตใจของนางกลับอ่อนแอที่สุดในบรรดาเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหมด นอกจากจะอ่อนแอแล้วยังหวั่นได้ง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นหลงเฉินจึงสร้างสถานการณ์เมื่อครู่ขึ้นมาเพื่อทำให้นางผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด และหวังว่านางจะสามารถผ่านด่านไปได้ด้วยดี 

 

 

  

 

 

หลังจากที่กระตุ้นคมวายุออกมาคุ้มกายแล้ว ถังหว่านเอ๋อก็ไม่ได้ลังเลใจแต่อย่างใดเลย กลางฝ่ามืออันขาวผ่องทั้งสองข้างปรากฏคมวายุขนาดใหญ่และยาวหลายเซียะ รอยอักขระแปลกประหลาดบางอย่างผุดขึ้นมาอยู่เต็มท้องฟ้าสีคราม จากนั้นร่างบางก็ได้ลับหายเข้าไปภายในถ้ำ 

 

 

  

 

 

“ตูม” 

 

 

  

 

 

ยังไม่ทันที่ผู้คนจะได้หายใจออกจนหมด เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นมาจากภายในถ้ำที่ถังหว่านเอ๋อเพิ่งจะก้าวเข้าไป ผาศิลาอันสูงชันสั่นไหวไปมาเล็กน้อยพร้อมทั้งยังปรากฏคลื่นลมอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาจากปากถ้ำ 

 

 

  

 

 

“ตูมตูมตูม” 

 

 

  

 

 

เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจนทำให้จิตใจของผู้คนที่เอาใจช่วยอยู่เกิดอาการเต้นระรัวตามเสียงระเบิดตึงตัง พลันก็ได้กำหมัดแน่นเอาไว้ทั้งสองมือ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็ไม่อยากให้นางเซียนของพวกเขาต้องมาตายตกไป 

 

 

  

 

 

หลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปหนึ่งก้านธูปดับ หลงเฉินก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่ต่างไปจากถู่ฟางกับผู้อาวุโสคนอื่นที่ก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยเช่นเดียวกัน 

 

 

  

 

 

 

 

 

หลงเฉินหันไปมองยังขุมกำลังที่ยืนมองด้วยความเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยม พลันก็ได้ยิ้มแล้วเอ่ยออกไปว่า “ทุกคนโปรดวางใจเถิด คุณหนูหว่านเอ๋อของพวกเราจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน” 

 

 

  

 

 

เขาทราบดีว่านับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้มาถังหว่านเอ๋อก็คงจะพบช่วงที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปได้พักหนึ่งนางก็ได้ควบคุมความหวาดกลัวภายในจิตใจลงไปจนพลังการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นนั้นถังหว่านเอ๋อย่อมต้องผ่านการทดสอบได้อย่างแน่นอน ที่เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น 

 

 

  

 

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นสาวงามผู้เลอโฉมเฉกเช่นเดียวกัน ทว่านิสัยของถังหว่านเอ๋อ ม่งฉี และฉู่เหยานั้นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

 

 

หากดูจากภายนอกแล้วนั้นถังหว่านเอ๋อช่างดูแข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่งทว่าภายในจิตใจนั้นกลับอ่อนไหวและบอบบาง ด้วยความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาย่อมสามารถเก็บซ่อนความอ่อนแอของจิตใจไปได้ทั้งหมด หลงเฉินจึงแนะนำถึงปัญหาที่สมควรจะแก้ไขให้กับนาง 

 

 

  

 

 

เดิมทีแล้วถังหว่านเอ๋อควรจะหาทางออกที่ดีที่สุดนั่นก็คือรอคอยให้ผู้อื่นเข้ารับการทดสอบก่อน หากว่าผู้อื่นสำเร็จ นางก็จะมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น 

 

 

  

 

 

ทว่าบัดนี้นางกลับเลือกที่จะเข้าทดสอบระดับจิตใจเป็นคนแรก เพราะต้องการที่จะก้าวข้ามจิตใจที่เปราะบางและอ่อนแอของตัวเองไปให้ได้ ฉะนั้นจึงต้องท้าทายตัวเองด้วยการทดสอบในครั้งนี้เพื่อทำให้ตัวเองเติบโตขึ้น 

 

 

  

 

 

และผู้คนทั่วทั้งลานกว้างก็มีเพียงหลงเฉินที่เข้าใจถึงความรู้สึกของถังหว่านเอ๋อ นางปรารถนาที่จะเอาชนะความอ่อนแอของตัวเองแล้วก้าวสู่เส้นทางของยอดฝีมือที่แท้จริง 

 

 

  

 

 

ส่วนยอดฝีมือคนอื่นที่เห็นถังหว่านเอ๋อตัดสินใจเช่นนั้น ภายในจิตใจของพวกเขาต่างก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย หากโฉมงามที่เป็นยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดเฉกเช่นพวกเขาสามารถรับมือกับการทดสอบระดับจิตใจได้ แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ต้องทำได้ อีกทั้งยังเป็นผลดีที่ได้เห็นผู้อื่นลงมือก่อน 

 

 

  

 

 

ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดต่างย่างฝีเท้าขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับผาศิลาอันสูงชัน ทันใดนั้นเงาร่างกำยำก็ได้มาหยุดอยู่ที่ข้างกายของหลงเฉิน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าหนู เจ้าคงจะไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะเลือกการทดสอบระดับชั้นใน หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าแนะนำว่าเจ้าควรใช้ศีรษะของเจ้าพุ่งชนหน้าผาแล้วตายไปจะดีกว่า” 

 

 

  

 

 

หลงเฉินปรายตามองไปที่เหร่ยเชียนซังแล้วยกมุมปากขึ้น “ข้าจะเลือกระดับใดนั้นเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย? ยุ่งเรื่องชาวบ้าน แล้วข้าขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ว่าเจ้าช่างมีหน้าตาตลกยิ่งนัก มองไปแล้วแทบจะไม่ต่างไปจากลิงยักษ์ตัวหนึ่ง หากเจ้ายังไม่รีบไปตาย ก็อย่าบอกให้ข้าไปตาย” 

 

 

  

 

 

เหร่ยเชียนซังทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ในขณะที่กำลังจะเปิดปากเอ่ยวาจาด่าทอขึ้นมานั้นก็ได้ถูกชีซิ่งห้ามปรามเอาไว้ “ปล่อยมันไปเถิด อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนโง่งมเช่นนี้เลย” 

 

 

  

 

 

เหร่ยเชียนซังส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วหันกายเดินจากไปในทันที เยี่ยจื่อชิวมองมาที่หลงเฉินอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับยวี่จื่อเฟิงที่อยู่ด้านหลัง 

 

 

  

 

 

ทันทีที่ยอดฝีมือทั้งสี่คนเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าผา ผู้คนทั่วทั้งบริเวณก็ได้แตกตื่นขึ้นมาอย่างรุนแรง อีกทั้งยังบังเกิดความตื่นเต้นไม่หยุด ยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดกำลังทยอยเข้ารับการทดสอบกันแล้ว ไม่ทราบว่าจะผ่านไปได้กันทั้งหมดหรือไม่? 

 

 

  

 

 

ยอดฝีมือทั้งสี่คนต่างก็แยกย้ายไปยังถ้ำที่ตัวเองเลือกสรร เมื่อได้ถูกส่งขึ้นไปแล้ว พวกเขาก็ได้ปะทุพลังอันมหาศาลขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แล้วก้าวเข้าไปในถ้ำอย่างองอาจ 

 

 

  

 

 

ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาไม่หยุด บรรยากาศโดยรอบบิดหมุนอย่างไม่หยุดยั้ง พลังอันมหาศาลปะทะกันอย่างรุนแรงจนผาศิลาสั่นไหวเป็นระลอก เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ภายในนั้นจะต้องดุเดือดเป็นอย่างมาก ทว่าน่าเสียดายที่เหล่าผู้คนด้านนอกไม่อาจมองเห็นการต่อสู้ที่ไร้ที่เปรียบเช่นนั้นได้จึงทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่คลาย 

 

 

  

 

 

หลงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้เร่งฝีเท้าไปที่แท่นศิลา 

 

 

  

 

 

“หลงเฉิน เจ้าต้องการที่จะเข้ารับการทดสอบในระดับใด?” ถู่ฟางทอแววตาเป็นประกายไปที่หลงเฉินแล้วเอ่ยถามขึ้นมา 

 

 

  

 

 

“ต้องเป็นแถวบนสุดอยู่แล้ว ไม่ว่าถ้ำใดก็ได้ทั้งนั้น” หลงเฉินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส ในเมื่อแต่ละถ้ำล้วนมีมาตรฐานเดียวกันอยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องเลือกด้วยหรือ 

 

 

  

 

 

ในที่สุดหลงเฉินก็ตัดสินใจเข้ารับการทดสอบเพื่อเป็นศิษย์สายตรง เพราะหากเป็นถ้ำที่อยู่สูงสุดย่อมมีผู้ใดพบเห็นได้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถปะทุพลังการต่อสู้ทั้งหมดออกมาได้โดยไม่ต้องพะวงว่าจะถูกผู้ใดล่วงรู้หรือถูกเปิดเผยออกมาให้ผู้คนภายนอกพบเห็น 

 

 

  

 

 

“ได้ พวกเจ้าเลือกให้เขาเถิด” ถู่ฟางปรายตามองไปที่เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

 

 

  

 

 

เฒ่าชราผู้หนึ่งฉีกยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าวต่อหลงเฉินว่า “ไม่เลวเลยทีเดียว น้อยนักที่จะได้พบเจอกับผู้ที่น่าสนใจเช่นเจ้า เช่นนั้นเหล่าฝู่ (ผู้ชรา) จะช่วยเลือกให้เจ้าก็แล้วกัน” 

 

 

  

 

 

เฒ่าชราผู้นั้นวางมือไปที่แท่นศิลาด้านหน้า พลังอันมหาศาลขุมหนึ่งกระจายตัวออกมาเข้าโอบอุ้มร่างกายของหลงเฉินจนลอยทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า และไปหยุดอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำสุดช่องแรกสุด 

 

 

  

 

 

“เจ้าเด็กน้อย ขอให้เจ้าโชคดี” เฒ่าชราผู้นั้นยิ้มแล้วกล่าวขึ้นมา 

 

 

  

 

 

เดิมทีถู่ฟางก็ไม่ได้ใส่ใจกับตำแหน่งถ้ำมากนัก ทว่าเมื่อลองหวนนึกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ก็ถอดสีหน้าซีดลงไปเล็กน้อย 

 

 

  

 

 

จากนั้นดวงตาคู่นั้นก็ได้มองตามแผ่นหลังของหลงเฉินไป: อี้ซู่อย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงได้เลือกให้เข้าไปที่ถ้ำแห่งนั้นกัน? 

 

 

  

 

 

ในที่แห่งนี้มีเพียงถู่ฟางเท่านั้นที่ทราบว่าภายในถ้ำแห่งนั้นมีสิ่งใดอยู่ แน่นอนว่าเฒ่าชราผู้นั้นย่อมไม่ได้จงใจที่จะส่งหลงเฉินไปอย่างแน่นอน นี่เป็นโชคชะตาของหลงเฉินอย่างนั้นหรือ? 

 

 

  

 

 

ในขณะที่หลงเฉินยืนอยู่ปากทางเข้าถ้ำแล้ว ดวงตาคู่คมก็ได้เหม่อมองเข้าไปภายในถ้ำ พบแต่เพียงโพรงสีดำทมิฬที่ไม่อาจทราบได้ว่าลึกมาเพียงใดหรือมีสิ่งใดอาศัยอยู่ พลันก็ได้ไหลเวียนพลังทั้งหมดไปที่จุดดารากักวายุ เบิกพลังแห่งจิตวิญญาณอันมหาศาลขึ้นมาจนท่วมท้นแล้วมุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำทันที 

 

 

  

 

 

“ให้ตายเถิด แม้แต่พลังก็ไม่ปะทุขึ้นมา เขาคิดจะเข้าไปตายอย่างนั้นหรือ?” 

 

 

  

 

 

ผู้คนมากมายที่อยู่เบื้องล่างต่างก็ตะโกนตามหลังขึ้นมาเป็นสาย เมื่อครู่นี้หลงเฉินยังให้กำลังใจและคำชี้แนะแก่พวกเขาเป็นอย่างดีจนเกิดบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา ทว่าเมื่อถึงคราวของตัวเอง เหตุใดจึงกลายเป็นตัวโง่งมไปเองเสียได้ 

 

 

  

 

 

เพราะพวกเขาต่างก็ไม่ทราบว่าพลังทั้งหมดของหลงเฉินนั้นอยู่ภายในจุดดารากักวายุ เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่เห็นว่ามีสภาวะพลังปะทุขึ้นมาเฉกเช่นยอดฝีมือโดยทั่วไป และก็ยังไม่ทราบด้วยว่าพลังการต่อสู้ขุมนั้นเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของหลงเฉินเลยก็ว่าได้ 

 

 

  

 

 

ขอเพียงหลงเฉินคิดสักเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นพลังอันมหาศาลของจุดดารากักวายุขึ้นมาได้แล้ว เรียกได้ว่ารวดเร็วกว่าไหลเวียนพลังจากจุดตันเถียนเป็นไหนๆ 

 

 

  

 

 

พลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดที่ถูกเบิกขึ้นมารีบเร่งทำการสำรวจภายในถ้ำทันที จนหลงเฉินพบว่าถ้ำแห่งนี้ลึกมากเพียงใด แม้จะเดินหน้าเข้าไปหลายสิบเซียะแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของศัตรูเลย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความประหลาดใจขึ้นมา 

 

 

  

 

 

จากที่ผ่านมาทั้งหมด ทันทีที่ยอดฝีมือเข้าไปในถ้ำแล้วก็จะถูกโจมตีขึ้นมาในทันที อีกทั้งยังรู้สึกว่าถ้ำแห่งนี้ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าจากคำบอกเล่า นี่เขาจะต้องเชื้อเชิญศัตรูออกมาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? 

 

 

  

 

 

ทว่าเขาไม่ควรที่จะได้ใจมากเกินไป จึงได้แต่ออกเดินต่อไปเรื่อยๆ ยังส่วนลึกอันมืดมิดของถ้ำด้วยความระมัดระวังอย่างถึงที่สุด ในขณะเดียวกันก็ได้กระตุ้นเส้นประสาทและการรับรู้ทั้งหมดให้กระชับฉับไวขึ้น พร้อมที่จะเตรียมรับการจู่โจมที่ไม่คาดฝัน 

 

 

  

 

 

หลังจากที่เดินเท้าเข้ามาได้ประมาณสามสิบเซียะ เส้นทางภายในถ้ำก็เริ่มกว้างขึ้น จนดวงตาคู่คมสามารถมองเห็นบรรยากาศโดยรอบได้เป็นปกติ ที่แห่งนี้เป็นเสมือนห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีความกว้างร้อยเซียะ อีกทั้งยังมีความสูงนับสิบเซียะ 

 

 

  

 

 

“ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่……” 

 

 

  

 

 

เสียงหัวเราะชวนขนหัวลุกดังขึ้นมาเป็นสาย เสียงเล็กแหลมประดุจเสียงของภูตพรายตัวจิ๋ว ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณอย่างรวดเร็ว บรรยากาศกดดันอันเยือกเย็นห้อมล้อมเข้ามามหาศาลประดุจมีปลายอันแหลมคมของกระบี่ทิ่มแทงไปตามร่างกายจนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว 

 

 

  

 

 

หลงเฉินตื่นตกใจกับการเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว พลันก็ได้รีบมองหาต้นตอของพลังสภาวะอันน่าหวาดหวั่นนั้น แล้วก็พบว่าที่ใจกลางของห้องโถงแห่งนี้มีเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่สวมอาภรณ์แปลกประหลาดเอาไว้ เส้นผมยาวเหยียดบดบังใบหน้าที่ก้มมองพื้น 

 

 

  

 

 

และไม่อาจยืนยันได้ว่าเสียงหัวเราะนั้นมาจากคนผู้นี้หรือไม่ อีกทั้งภายในห้องโถงอันกว้างขวางและว่างเปล่าได้ทำให้เสียงหัวเราะอันน่าหวาดกลัวนั้นสะท้อนไปมาไม่หยุดจนไม่อาจแยกได้ว่าต้นเสียงมาจากที่ใดกันแน่ 

 

 

  

 

 

“เหวย ในเมื่อเจ้าหัวเราะได้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องพูดคุยได้ใช่หรือไม่?” หลงเฉินถามออกไปในขณะที่ยืนเตรียมความพร้อมในที่ทีห่างไกลออกไป 

 

 

  

 

 

เขาไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้ เพราะเป็นไปได้ว่าคนผู้นี้จะเป็นเพียงต้นตอของเสียงเพื่อดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้ ทว่ากลับซ่อนร่างจริงไว้อีกแห่งหนึ่งหมายจะลอบโจมตีเข้ามาอีกทาง เช่นนั้นก็คงจะยุ่งยากมากเลยทีเดียว 

 

 

  

 

 

“เหอะเหอะ คิดไม่ถึงเลยว่านับพันปีที่ผ่านมานี้ข้ายังสามารถได้กลิ่นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ ช่างน่ารำลึกยิ่งนัก” 

 

 

  

 

 

วาจาที่เอ่ยขึ้นมานั้นแหบพร่าประดุจเหล็กกล้ากำลังโดนทุบอยู่อย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเงาร่างที่อยู่เบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวศีรษะขึ้นมาช้าๆ ดูไปแล้วเขาน่าเป็นชายวัยกลาวคนที่มีอายุประมาณสามสิบกว่าปี 

 

 

  

 

 

ใบหน้าของคนผู้นั้นมีสีดำทมิฬประดุจถูกไฟคลอกทั้งหมด ดวงตาคู่นั้นว่างเปล่าไม่มีแววตาที่แสดงอารมณ์ใดใด ส่วนที่ควรจะเป็นแก้มกลับตอบลงไป บริเวณหว่างคิ้วของเขาถูกเข็มเงินเล่มหนึ่งเสียบเอาไว้อยู่ตรงกลางพอดิบพอดี 

 

 

  

 

 

ทว่าเข็มเงินเล่มนั้นกลับมีขนาดเท่านิ้วมือของมนุษย์เรา อีกทั้งยังมีความยาวกว่าหนึ่งเซียะ จึงสามารถแทงทะลุศีรษะของเขาได้ เมื่อได้เห็นภาพเช่นนั้นภายในจิตใจของหลงเฉินก็เกิดความหวาดหวั่นขึ้นไม่น้อย แท้ที่จริงแล้วยอดฝีมือระดับมารร้ายเหล่านี้เป็นคนตายอย่างนั้นหรือ 

 

 

  

 

 

แม้ภายนอกจะคล้ายกับซากศพที่มีชีวิต ทว่าภายในร่างกายของเขานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลไหลเวียนอยู่ขุมหนึ่ง 

 

 

  

 

 

“พลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้า….ก็คือร่างจิตวิญญาณ?” 

 

 

  

 

 

หลงเฉินร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ พลังอันมหาศาลนี้เป็นของพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ? มีเพียงพลังแห่งจิตวิญญาณ ทว่ากลับแกร่งกล้ามากจนเกินไปแล้ว 

 

 

  

 

 

“รู้เรื่องเยอะไม่เบาเลยนี่ เจ้าตัวบัดซบกลุ่มนี้ได้ผนึกจิตวิญญาณของเหล่าฝู่เอาไว้ในสถานที่แห่งนี้เพื่อจะใช้เหล่าฝู่เป็นทาส เป็นเครื่องมือเพื่อให้พวกเจ้าได้ฝึกฝน 

 

 

  

 

 

เหอะเหอะ ข้า….กุ่ยซา (ผีทราย) มีหรือที่จะยอมศิโรราบต่อคนเหล่านี้อย่างง่ายดาย เจ้าหนู ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง หากไม่ตายไปก็มาอยู่ฝ่ายเดียวกับข้าซะ 

 

 

  

 

 

อย่าคิดหลบหนี เจ้าก็แค่ผู้ที่มีพลังฝีมืออยู่ในขอบเขตก่อโลหิตผู้หนึ่ง และต่อให้เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นเข้ามาก็ไม่อาจรอดออกไปจากถ้ำแห่งนี้ได้ มีแต่จะต้องตายสถานเดียวเท่านั้น” กุ่ยซาพ่นวาจาออกมาอย่างเย็นชา 

 

 

  

 

 

หลงเฉินสะดุ้งตัวโยนขึ้นมา ภายในจิตใจเกิดความกระอักกระอ่วนขึ้นมาเป็นสาย ดาบยาวที่กำแน่นอยู่ในมือก็ได้แหวกผ่าสายลมมุ่งหน้าไปที่คนผู้นั้นในทันที….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset