หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 690 วิชาดวงตาปีศาจ!

เรือบินรบนับหมื่นมารวมตัวกันไม่ไกลจากดาวพุธนัก พื้นที่บริเวณนี้ถูกปกคลุมด้วยทะเลสีแดงไปจนทั่ว ผู้ฝึกตนนับหมื่นต่างก็ส่งพลังปราณเข้าไปในทะเลสีแดงและเริ่มกระบวนการหลอม!

อาจจะเรียกว่าการหลอมได้ เพราะนี่คือการสร้างวงแหวนปราณชนิดพิเศษภายใต้การนำของชื่อหลินและผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนอื่นๆ!

วงแหวนปราณนี้เป็นกระบวนเวทที่ชั่วร้ายของตระกูลไม่รู้สิ้น มีชื่อว่ากระบวนเวทหล่อวิญญาณพินาศ!

กระบวนการทั้งหมดอาจอธิบายได้ว่าเป็นวิธีการหลอมแบบพิเศษเพื่อจะยัดเยียดวิญญาณจำนวนมหาศาลเข้าไปในร่างกายมนุษย์ การหลอมอย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายของมนุษย์ผู้นั้นกลายเป็นระเบิดมนุษย์ วงแหวนปราณช่วยปรับแต่งและเพิ่มพูนพลัง แรงระเบิดที่เกิดจากระเบิดมนุษย์จะไม่ใช่ผลรวมของพลังปราณและวิญญาณที่เข้าไปในวงแหวนปราณ แต่เป็นการเพิ่มชนิดเท่าทวีคูณแทน

ช่างเป็นพลังที่รุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งกลืนกินวิญญาณเข้าไปมากเพียงใด ยิ่งพลังปราณถูกส่งเข้าไปมากเท่าใด แรงระเบิดในตอนท้ายก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น ฝูงผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่เดินขึ้นเรือบินรบมานั้นไม่รู้เลยว่าพวกตนถูกใช้เป็นเครื่องมือ และกำลังส่งวิญญาณของตนให้วงแหวนปราณกลืนกิน!

ขณะที่พลังปราณของคนเหล่านี้หลั่งไหลเข้าไปในวงแหวนปราณ วิญญาณของพวกเขาจะหลอมรวมเข้ากับวงแหวนปราณด้วย พวกเขาจะค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนปราณไปโดยอย่างไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้…เป็นแผนของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมาโดยตลอด!

ไกลออกไปจากทะเลสีแดง เรือบินรบจำนวนมากของสำนักวังเต๋าไพศาลล่องลอยอยู่ภายในมิติอวกาศที่บิดเบี้ยว บนนั้นมีผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลอยู่หลายคน พวกเขาถูกเรียกมายังทะเลแดงและกำลังรอคอยคำสั่ง โดยที่ไม่รู้สักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน

คนเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันด้วยเช่นกัน!

ต้องยอมรับว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเป็นอัจฉริยะ แม้ไม่อาจออกมาจากเรือบินรบตระกูลไม่รู้สิ้นได้เพราะต้องซ่อมแซมมัน แต่ก็ยังวางแผนทำลายแนวป้องกันที่สองของสหพันธรัฐเอาไว้ แถมยังคิดออกมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นท่ามกลางเหตุการณ์ไม่คาดฝันนานัปการ ทั้งยังรับมือกับการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรันได้อีกด้วย

เป็นแผนเรียบง่ายที่มุ่งเน้นการโจมตีจุดอ่อนและล่อเอากองกำลังที่เหลือของศัตรูออกมา หวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรันเป็นเหยื่อที่จะล่อให้คนของสหพันธรัฐออกมาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมากี่คนก็ไม่มีผล เพราะพวกเขาทุกคนจะต้องถูกทำลายจนย่อยยับ จากการคาดคะเนของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ชายชราเชื่อว่ามีโอกาสมากที่สหพันธรัฐจะแสร้งทำเป็นเตรียมการโจมตีครั้งใหญ่ เพื่อหันเหความสนใจจากปฏิบัติการณ์ช่วยเหลือ และเมื่อช่วยเพื่อนสำเร็จ พวกเขาก็จะล่าถอยไปเมื่อมีโอกาส

“เมื่อเวลานั้นมาถึง…และเมื่อพวกเขามาถึง ก็จะเป็นโอกาสอันดีในการใช้พลังของกระบวนเวทหล่อวิญญาณพินาศ พวกเราจะทำลายกำลังหลักของสหพันธรัฐ และดาวศุกร์ ซึ่งเป็นกุญแจสู่วงแหวนปราณระบบสุริยะ ก็จะตกเป็นของพวกเราอย่างง่ายดาย!

“สิ่งเดียวที่ข้ากลัวคือพวกที่มาช่วยจะมีน้อยเกินไป!

“แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกเราก็ยังมีภาชนะขั้นเชื่อมวิญญาณอีกสองคนที่จะเป็นอาวุธหนักในการโจมตีดาวศุกร์อยู่ดี!” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันขณะนี้นั่งนิ่งอยู่บนเรือบินรบของตระกูลไม่รู้สิ้นบนดาวพุธ ดวงตาของเขาหรี่เล็ก ซุกซ่อนประกายแสงแห่งการรอคอยอยู่ภายใน ขณะที่ใบหน้าซึ่งมีรอยยิ้มน้อยๆ กำลังบ่นพึมพำอยู่กับตนเอง

สหพันธรัฐเสียเปรียบหากเป็นเรื่องขั้นการฝึกปราณและความรู้ด้านกระบวนเวท แม้ว่าพวกเขาจะมีวงแหวนปราณระบบสุริยะช่วย ก็ยังยากที่จะสัมผัสได้ถึงกระบวนเวทหล่อวิญญาณพินาศของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน เป็นเหตุให้ชายชราไม่คิดเปลี่ยนแปลงแผนการณ์แต่อย่างใด

กองกำลังของสหพันธรัฐแสร้งทำเป็นเคลื่อนพลออกจากดาวศุกร์ไปยังดาวพุธ หลี่ซิงเหวิน ผู้นำกองกำลังย่อยนเดินทางล่วงหน้าออกมาก่อน ชายชราเร่งรุดไปยังจุดนัดพบที่เขาได้นัดแนะกับเฟิ่งชิวหรันไว้ก่อนหน้า

ทุกๆ การเคลื่อนไหวของสหพันธรัฐผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดีโดยกลุ่มนักวางแผนผู้รอบรู้ พวกเขาจำลองสถานการณ์ของสงครามผ่านข้อมูลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้ แม้จะไม่ล่วงรู้ถึงกับดักที่วางรอไว้ แต่ก็คำนวณเรื่องการถูกซุ่มโจมตีเอาไว้บ้าง แผนการณ์ของพวกเขาจึงมีการเตรียมการรับมือเอาไว้ล่วงหน้าด้วย

แน่นอนว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าแผนสำรองนั้นจะมีประสิทธิภาพเพียงใด

แผนของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันและภารกิจช่วยเหลือจากสหพันธรัฐก็ดำเนินไปพร้อมๆ กัน ในใจกลางพายุ บริเวณที่ทะเลสีแดงตั้งอยู่ มีหมอกสีแดงสองก้อน ภายในหมอกมีคนกำลังถูกหลอมให้กลายเป็นภาชนะ หวังเป่าเล่ออยู่ภายในหมอกแดงก้อนหนึ่ง ชายหนุ่มกำลังเผชิญกับการตัดสินใจอันยากลำบาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาบ่อยนัก!

เขาไม่รู้เลยว่าเฟิ่งชิวหรันเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ แต่ชายหนุ่มรู้ถึงขีดจำกัดของเกราะจักรพรรดิและร่างกายของตนดี ทั้งคู่กำลังถูกย่อยสลายไปอย่างรวดเร็วภายในหมอกสีแดง เป็นไปได้มากว่าเฟิ่งชิวหรันก็คงอยู่รอดได้ไม่นานไปกว่าเขานัก อันที่จริงแล้ว นางอาจอยู่ได้ไม่นานเท่าเขาด้วยซ้ำ

หมอกสีแดงนี้ประหลาดยิ่ง มันมีพลังที่จะผนึกและขังพวกเขาเอาไว้ แถมยังสามารถย่อยสลายได้ ภายในนั้นทั้งเย็นเยียบและแปลกแปร่ง หวังเป่าเล่อไม่อาจสลัดหลุดได้ไม่ว่าจะดิ้นรนสักเพียงใดก็ตาม ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเป็นแมลงวัน และหมอกสีแดงก็เป็นดั่งมือขนาดยักษ์ที่จับเขาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ทีทางให้เขาหนีรอดไปได้เลย กระทั่งจะเคลื่อนไหวก็ยังลำบาก

หวังเป่าเล่อทำได้เพียงมองเมื่อหมอกเริ่มกัดกินเกราะจักรพรรดิของเขาไปทีละน้อย และทันทีที่เกราะจักรพรรดิสลายไปจนสิ้น ชายหนุ่มก็จินตนาการได้ว่าร่างกายของเขา วิญญาณจุติของเขา และสุดท้ายคือวิญญาณของเขาที่จะถูกกัดกินต่อไป

ไขมันวิญญาณในกายข้าคงช่วยซื้อเวลาได้เล็กน้อยเท่านั้น…หวังเป่าเล่อหัวใจหล่นวูบ ชายหนุ่มไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกได้และไม่รู้ว่าตนเองยังอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ถูกจับตั้งแต่ต้นหรือไม่ หัวใจของชายหนุ่มเริ่มลุกลี้ลุกลน

หากตระกูลไม่รู้สิ้นพยายามจะใช้เฟิ่งชิวหรันและตัวข้าเป็นเหยื่อล่อ…นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อกระตุก หัวใจเต็มล้นไปด้วยความกังวล ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนให้หลุดแต่ก็ไร้ผล เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นทุกที อันตรายก็ยิ่งใกล้ตัวเข้ามาทุกขณะ หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ โอกาสที่เขาจะรอดชีวิตออกไปได้ก็น้อยนิดเหลือเกิน!

ทางเดียวที่ทำได้คือข้าต้องสร้างร่างอวตารขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วระเบิดมันอย่างต่อเนื่อง ลองระเบิดดูก็ยังดีกว่าติดอยู่ที่นี่แล้วถูกย่อยจนตาย…สิ่งเดียวที่ข้ากังวลก็คือข้าจะต้องสู้กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณถึงสี่คน จะต้องเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่นอน…เดี๋ยวก่อนนะ ไหนจะเมี่ยเลี่ยจื่ออีก เขาจะต้องตามมาทันแน่ๆ! หวังเป่าเล่อคิดไม่ตก ช่างโชคร้ายที่พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้ดาวพุธอีกต่อไป เมื่อมองดูสถานการณ์แล้ว ชายหนุ่มอาจจะต้องเสี่ยงเรียกวัตถุเวทแห่งความมืดออกมา

ข้าไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว! นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อสะท้อนประกายแห่งความบ้าคลั่ง ชายหนุ่มกัดฟันและเตรียมตัวเรียกร่างอวตารออกมาเพื่อจะได้ส่งให้ระเบิด ทันทีที่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อปรากฏและพร้อมที่จะระเบิดตัวเองนั้น ชายหนุ่มก็จ้องมองไปทางหมอกที่เลือนลางตรงหน้าด้วยสายตาเบิกโพลง!

มีใบหน้าหนึ่งล่องลอยผ่านไปแว่บหนึ่งในหมอกนั้น แม้จะจางหายไปแทบจะในทันที แต่หวังเป่าเล่อก็มองเห็นความโลภโมโทสันและความร้ายกาจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น ราวกับว่ามันมองเห็นหวังเป่าเล่อเป็นอาหารอันโอชะและอยากจะลองชิมสักคำหนึ่งกระนั้น

นั่นมัน…หัวใจของชายหนุ่มเต้นระรัว เขาล้มเลิกความคิดที่จะระเบิดร่างอวตารก่อนจะตรวจสอบหมอกโดยรอบอย่างถี่ถ้วน นัยน์ตายังเบิกโพลงอยู่ ไม่นานนัก เขาก็มองเห็นใบหน้านั้นอีกครั้ง ครั้งนี้ต่างออกไป ใบหน้านั้นมีสีหน้าสับสน

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนเมื่อได้เห็น ชายหนุ่มไม่ได้กระทำการผลีผลาม เขายังคงรอคอยต่อไป ในไม่ช้า ก็มีใบหน้าจำนวนมากโผล่ขึ้นมา บ้างก็เป็นบุรุษ บ้างก็เป็นสตรี บ้างก็ดูดุร้าย บ้างก็ดูงุนงง ใบหน้าบางหน้าเปี่ยมไปด้วยความโลภ บางหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความสัปดน

ดวงไฟวิญญาณปรากฏขึ้นข้างๆ ใบหน้าเหล่านั้น ก่อนจะเกาะกุมตัวกันและมาล่องลอยอยู่รอบๆ หวังเป่าเล่อ

นี่มันเหมือนกับมีคนยื่นหมอนมาให้ตอนที่รู้สึกง่วงนอนแท้ๆ! หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบ ความตื่นเต้นยินดีสุดประมาณไหลบ่าท่วมหัวใจ วิญญาณคนตายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ในฐานะบุตรแห่งความมืด การเห็นวิญญาณเหล่านี้ก็ราวกับได้เห็นข้ารับใช้รายล้อมอยู่รอบตัว

ชายหนุ่มลิงโลดใจเป็นยิ่งนัก เริ่มประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ข้าไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่ แต่ตราบใดที่มีวิญญาณซุกซ่อนอยู่ในหมอกนี้มากพอ ข้าก็ย่อมใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดหนีออกไปได้ ไม่มีความจำเป็นต้องระเบิดร่างอวตารอีกต่อไป!

ข้าจะใช้ดวงวิญญาณเหล่านี้เป็นอาวุธก็ได้เช่นกัน…แต่หลังจากที่หลุดออกไปได้ ต่อให้มีวิญญาณให้ใช้ ข้าก็ยังต้องรับมือผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกถึงสี่คน ยังมีกองกำลังเรือบินรบและผู้ฝึกตนฝ่ายศัตรู แถมยังต้องช่วยเฟิ่งชิวหรันอีก แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้สำเร็จ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง

นอกเสียจากว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้มาก ในชั่วพริบตา…

พลังนั้น…ไม่ใช่อุปกรณ์ในการเข่นฆ่าเท่านั้น และเพราะเหตุนี้…วิชาดวงตาปีศาจ…ความบ้าคลั่งส่องประกายอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อ หากชายหนุ่มเลือกเส้นทางของวิชาดวงตาปีศาจ เขาก็จะส่งตนเองลงไปยังเส้นทางที่เต็มไปต้องเข่นฆ่าเพื่อได้มาซึ่งพลัง หากมีเส้นทางอื่น หวังเป่าเล่อก็ไม่อยากจะเลือกทางนี้ เพราะกระบวนเวทขั้นจุติวิญญาณถือเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างรากฐานการฝึกตนกับการจุติ เป็นกุญแจที่จะกำหนดทิศทางสถานที่ที่พวกเขาจะไปในอนาคต

“แต่จะมีอนาคตได้อย่างไรหากข้ายังรอดปัจจุบันไปไม่ได้!” หวังเป่าเล่อเป็นบุรุษผู้เด็ดเดี่ยว เส้นเลือดในดวงตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ความมุ่งมั่นฉายชัดอยู่บนดวงตาขณะที่ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง เขาไม่รอช้าอีกต่อไป แม้ว่ามือทั้งสองข้างจะถูกผนึกจนขยับไม่ได้ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังสามารถท่องคาถาวิชาดวงตาปีศาจในใจได้

ดวงตาสีดำน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นข้างกายเขา ดวงตานั้นหลับอยู่ มันปรากฏเป็นรูปร่างอย่างช้าๆ พลางแผ่รัศมีสีดำสนิทที่ไปเปรอะเปื้อนอากาศรอบข้าง ก่อนจะไหลบ่าเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ ตอนนั้นเอง รัศมีชั่วร้ายเย็นเยียบก็ไหลบ่าออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อช้าๆ!

……………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset