บทที่ 625 ผสานรวมกันแขน!
ม่านตาของหวังเป่าเล่อหดตัว ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอยู่แต่ที่ตรงแขนข้างนั้นเท่านั้น
มีรัศมีของอาวุฑธเทพที่แข็งแกร่งเปล่งออกมาจากแขนที่หักข้างนั้นที่แทบจะพวยพุ่งขึ้นไปถึงท้องฟ้า ต้นไม้ยักษ์ที่ตัวสั่นถือแขนมาอยากยากเย็น เสียงหอนคล้ายของอสูรร้ายดังออกมาจากหลุมฝังศพไล่หลังมาติดๆ หมอกสีเขียวปริมาณมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาพร้อมๆ กัน
หมอกสีเขียวนั้นก่อตัวเป็นหัตถ์ขนาดยักษ์ที่ไล่ตามต้นไม้ยักษ์ไป ดูราวกับว่าจากลากเอาต้นไม้ยักษ์กลับลงไปในหลุมฝังศพและขังเขาเอาไว้ในนั้นตลอดไป!
ต้นไม้ยักษ์รู้สึกสิ้นหวังเมื่ออันตรายเข้ามาใกล้เหลือเกิน ชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงแรงที่ลากดึงเขากลับไป ความกลัวตายส่งเสียงลั่นอยู่ในศีรษะตลอดเวลาราวกับสัญญาณเตือนไฟ ความหวังเดียวของเขาตอนนี้อยู่ที่หวังเป่าเล่อ เขาทำได้เพียงหวังว่าชายหนุ่มจะไม่ทิ้งเขาให้ตายและคงไม่สั่งให้เขาโยนแขนข้างนี้ไปให้
คำสั่งนั้นจะหมายถึงว่าหวังเป่าเล่อตั้งใจจะช่วยแค่แขนและไม่ใช่ตัวเขา หากเป็นเช่นนั้นต้นไม้ยักษ์ก็ไม่มีทางเลือก เขาก็คงต้องกอดแขนไว้และหวังว่าหวังเป่าเล่อจะพาทั้งเขาทั้งแขนออกไปพร้อมกัน…แต่ก็หมายความว่าทั้งคู่ก็ยังคงเป็นศัตรูกันต่อไป โอกาสรอดชีวิตของเขาหลังจากนั้นช่างริบหรี่
ขณะที่ต้นไม้ยักษ์กำลังจ่มจ่อมอยู่ในความเกรี้ยวกราดและสิ้นหวัง ก็เกิดบางสิ่งที่เกินคาดขึ้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ขอให้เขาโยนแขนไป ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มก็ใช้เมล็ดดูดกลืนภายในกายและส่งพลังดูดกลืนนั้นไปที่ต้นไม้ยักษ์ พลังนั้นต่อสู้กับแรงดึงจากหัตถ์ยักษืและช่วยเพิ่มความเร็วให้ต้นไม้ยักษ์อีกแรง!
หวังเป่าเล่อยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อใช้เมล็ดดูดกลืนแล้ว ร่างอวตารอัสนีของเขาก็ปรากฏขึ้น ทั้งหวังเป่าเล่อร่างอวตารพุ่งตรงไปหาต้นไม้ยักษ์พร้อมกัน
ทั้งคู่มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายต้นไม้ยักษ์แทบจะในเวลาเดียวกัน หัตถ์ยักษ์สีเขียวพุ่งตรงเข้ามาใส่เพื่อจะกำจัดพวกเขาเสีย หวังเป่าเล่อผลักต้นไม้ยักษ์อย่างแรง จนอวัยวะภายในของอีกฝ่ายสั่นสะเทือน แต่ทว่าแรงผลักก็ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีก ระยะห่างระหว่างต้นไม้ยักษ์และหัตถ์สีเขียวก็เพิ่มขึ้นอีก!
จากนั้น ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อก็จับแขนต้นไม้ยักษ์และเหวี่ยงเข้าไปข้างหน้า ในที่สุดต้นไม้ยักษ์ก็หลุดรอดจากความตายมาได้
ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นขณะที่ต้นไม้ยักษ์กำลังหมดหวัง แต่ทว่า ทันทีที่ระยะทางระหว่างทั้งคู่ทิ้งห่างออก หัตถ์ยักษ์ก็พุ่งมาข้างหน้าอีกครั้ง เสียงหายใจดังสนั่นยังคงดังออกมาจากหลุมศพอย่างต่อเนื่อง นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกาย ชายหนุ่มสลับตำแหน่งกับร่างอวตารทันที
ร่างอวตารพุ่งเข้าใส่หัตถ์สีเขียวทันที ส่งผลให้เกิดระเบิดขึ้นทันทีที่ปะทะกัน เสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้น มือของหวังเป่าเล่อเคลื่อนไหวเร็วจนพร่ามัวเมื่อชายหนุ่มเริ่มใช้ผนึกมือแล้วชี้ไปที่คำสาปเหนือหลุมฝังศพ
ประตูที่ส่องสว่างปิดลงทันที หัตถ์ยักษ์ที่ช้าลงเพราะแรงระเบิดของร่างอวตารถูกขังอยู่ในคำสาปด้านใน พลางส่งเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราด
“ตามข้ามา!” ไม่มีเวลารอดูให้เห็นกับตาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหัตถ์นั้นต่อไป หวังเป่าเล่อวิ่งนำหน้าออกไปด้วยสีหน้าเขร่งขรึม ต้นไม้ยักษ์ตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับแขนที่หักข้างนั้นสักคำเดียว แต่กลับใช้พลังงานทั้งหมดในการช่วยชีวิตตนเอาไว้ ชายวัยกลางคนยังคงตื่นเต้นกับอันตรายที่เขารอดมาได้แบบหวุดหวิด เขาหอบหายใจพลางวิ่งตามหวังเป่าเล่อไปติดๆ ด้วยความช่วยเหลือของหวังเป่าเล่อ ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมาถึงตำหนักวังบูชาจนได้
พวกเขาเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วสูงสุด พุ่งทะลุแหวกอากาศราวกับประกายสายฟ้า เสียงหายใจอย่างเกรี้ยวกราดและไร้ชีวิตยังคงตามติดมา ทำให้ทั้งคู่หายใจไม่ทั่วท้อง ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงตำหนักวังบูชาและก้าวเข้ามาใน เสียงหายใจที่ดังก้องอยู่ในหูจึงได้หยุดลง ราวกับว่าถูกตัดขาดออกไปกระนั้น
ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ต้นไม้ยักษ์กำลังจะเอ่ยปากพูดแต่หวังเป่าเล่อห้ามเอาไว้ พวกเขาก้าวเขาไปยังวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายอย่างเร่งรีบ แสงจากวงแหวนปราณนั้นส่องสว่างปกคลุมทั้งสองเอาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะพร่าเลือนและมาปรากฏตัวขึ้นอีกทีบริเวณเขตแดนระหว่างตัวกระบี่และด้ามกระบี่ ไกลออกมาจากหลุมฝังศมพากนัก เมื่อนั้นเองพวกเขาจึงค่อยคลายใจ
ใบหน้าของต้นไม้ยักษ์ซีดเผือด หัวใจเขายังคงเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่ได้ ความตายเพิ่งจะมาลอยคุกคามอยู่เหนือศีรษะเขาอยู่เมือครู่ ความประมาทเพียงชั่วพริบตาอาจทำให้เขาตายไปแล้วก็ได้
“ที่นี่มันอะไรกัน” ต้นไม้ยักษ์พึมพำก่อนจะหันไปมอบรอบๆ
หวังเป่าเล่อนึกถึงคำตอบแบบประชดประชันขึ้นมาได้ เจ้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน ก่อนจะมีความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มทำทีเป็นฉลาดเฉลียวก่อนจะกล่าวอย่างเยือกเย็น
“มีบางเรื่องที่เจ้าไม่รู้เสียจะดีกว่า” หวังเป่าเล่อจ้องตาต้นไม้ยักษ์อย่างเปี่ยมความหมาย ก่อนจะกวาดตาไปมองแขนที่หักในมือของอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยปากขอ แต่เพียงแต่จ้องมองต้นไม้ยักษ์อย่างเงียบเชียบเช่นนั้น
ต้นไม้ยักษ์ถึงกับใบ้เบื้อ เขาทั้งตื้นตันกับความช่วยเหลือที่หวังเป่าเล่อให้ แม้ว่าเขาจะมีความคิดร้ายใดๆ อยู่ก่อนหน้า บัดนี้ความคิดเหล่านั้นก็มลายหายไปสิ้นแล้ว ชายวัยกลางคนค้อมศีรษะลงก่อนจะยื่นส่งแขนข้างนั้นให้หวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ขณะที่จับจ้องไปที่แขนข้างนั้น ชายหนุ่มรับแขนนั้นมาจากจ้นไม้ยักษ์ก่อนจะเริ่มมองสำรวจอย่างถี่ถ้วน หัวใจเขาเต้นแรง รัศมีของอาวุธเทพที่เปล่งออกมาจากแขนหักๆ ข้างนั้นแก่กล้ายิ่ง แม้จะเป็นเพียงแสงแขนที่หัก และผิวหนังก็เหี่ยวย่นและแห้งผาก มีกระดูกสีขาวทิ่มออกมาจากข้อต่อ ทั้งเลือดและเนื้อก็แห้งหายไปนานแล้ว ราวกับว่าเป็นแขนของศพผีโบราณกระนั้น
แขนข้างนี้เป็นของใครกัน แค่แขนยังทรงพลังถึงเพียงนี้…ยังมีส่วนอื่นๆ ของร่างกายถูกฝังอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่นะ…หวังเป่าเล่ออดสงสัยไม่ได้ แต่ทว่า ชายหนุ่มก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปในหลุมฝังศพนั้นมาก่อน หวังเป่าเล่อเชื่อว่าต้นไม้ยักษ์เป็นคนเดียวที่อาจจะรู้เรื่องเกี่ยวกับหลุมฝังศพนั้น
ต้นไม้ยักษ์คงไม่อาจบอกอะไรเขาได้ละเอียดนักเพราะเขาขาดข้อมูลสำคัญไป…หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบอยู่กับความคิด ชายหนุ่มตัดสินใจจะไม่ถามอะไรต้นไม้ยักษ์ตอนนี้ เขารู้ดีว่าการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการถามคำถามแรกนั้นสำคัญเพียงใด จังหวะนั้นอาจจะส่งผลถึงความน่าเชื่อถือของคำตอบจากต้นไม้ยักษ์
ชายหนุ่มตัดสินใจจะไม่ทำการหุนหันพลันแล่น เขาจะรอจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะได้คำตอบที่จริงแท้ที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ก่อนจะตัดสินใจเลิกคิดเรื่องต้นไม้ยักษ์ ผู้ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกภักดีกับใครแน่ ก่อนจะเริ่มจ้องมองศึกษาแขนข้างนั้นอย่างขะมักเขม้นต่อไป หวังเป่าเล่อปล่อยให้พลังปราณไหลบ่าเข้าไปสู่แขน รัศมีอันรุนแรงที่แผ่ออกมาจากแขนนั้นยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก ขณะที่พลังงานอันยิ่งใหญ่ไหลเวียนอยู่ภายในแขนนั้น
หวังเป่าเล่อตกใจกับการตื่นขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วนของแขน มีบางสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ ชายหนุ่มพยายามจะปลุกใช้งานแขนก่อนที่จะได้รับอนุญาต พลังอันยิ่งใหญ่ของมันทำเอาหวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับเป็นเด็กน้อยที่กำลังเหวี่ยงกระบี่เล่มยักษ์!
ช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่ง หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงการแข็งขืนจากแขนนั้น มันสั่นอย่างรุนแรงอยู่ในมือเขา ความชำนาญเรื่องอาวุธเวทของเขาทำให้เขาได้ข้อสรุปว่า หากเขายังขืนดึงดันจะใช้แขนนี้ต่อไป พลังของมันก็จะไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู แต่จะพยายามกลืนกินเขาเข้าไปด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น หวังเป่าเล่อก็ยังอยากจะเอามันมาไว้ในครอบครอง การพินิจพิจารณาในช่วงสั้นๆ นั้นแสดงให้เห็นว่าพลังที่ไหลบ่าออกมาจากแขนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธเวทที่เขาครอบครองอยู่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหอกดำหรือกระบี่เหาะเหินสามสีก็ยังอ่อนแอไปถนัดตาเมื่อเทียบกัน!
มีเพียงอาวุธเทพของสหพันธรัฐเท่านั้นที่พอจะเทียบได้ แต่ก็แน่นอนว่า อาวุธเทพของสหพันธรัฐนั้นยังไม่แข็งแกร่งเท่าวัตถุเวทแห่งความมืดของหวังเป่าเล่อ
แต่ถึงกระนั้น สิ่งนี้ก็ยังเป็นอาวุธเทพ!
ข้าจะเอามันมาใช้โดยไม่ให้บุบสลายได้อย่างไรกัน…หวังเป่าเล่อครุ่นคิด ชายหนุ่มคิดอยู่อึดใจใหญ่ จนกระทั่งเกิดความคิดอยู่ขึ้นมาในศีรษะ ช่างเป็นความคิดที่บ้าคลั่งและบ้าบิ่นยิ่ง
ความคิดนั้นเป็นราวกับวัชพืช ที่เมื่อได้ลงดินแล้วก็ชอนไชเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีทางจะกำจัดมันออกไปได้ จนกระทั่งเริ่มทำให้หวังเป่าเล่อกังวล แววตาแห่งความมุ่งมั่นฉายชัดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาพูดขึ้นมาปุบปับ “สหายร่วมสำนักเต๋าต้นหอมหมื่นลี้ โปรดถอยหลังไปหน่อย”
ต้นไม้ยักษ์ถอยห่างออกมาอย่างกังวลใจในทันที หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเปิดใช้เกราะจักรพรรดิลักอัคคีขึ้น จุดตันเถียนในกายเขาปรากฏขึ้น พลางส่องแสงสีแดงระยับขณะที่เคลื่อนที่ไปมาอยู่ในอากาศและก่อนจะแปรสภาพเป็นเกราะจักรพรรดิหน้าตาน่าสะพรึงกลัว
จุดตันเถียนสีแดงสดออกมาก่อตัวเป็นเกราะอยู่นอกกายหวังเป่าเล่อ เกราะนั้นแผ่กระจายพลังงานที่ทำเอาต้นไม้ยักษ์หายใจไม่สะดวก พายุหมุนบังเกิดขึ้นรอบๆ กายเขา ต้นไม้ยักษ์เข้าใจในบัดนั้นเองว่าหวังเป่าเล่อทรงพลังเพียงใด ชายวัยกลางคนถึงกับหยุดหายใจ และผงะล่าถอยไปหลายก้าว
หวังเป่าเล่อไม่สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทันทีที่เกราะสร้างตัวขึ้นมาสำเร็จ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือซ้ายไปหยิบเอาแขนหักๆ ข้างนั้นมาถือไว้ ประกายกล้าฉายสว่างอยู่ในดวงตาขณะที่เขาวางเอาแขนข้างนั้นลงไปทาบกับแขนขวาของเกราะ ก่อนจะกดลงไปอย่างรุนแรง แขนนั้นเข้าผสานรวมกับเกราะและรวมเป็นเนื้อเดียวกับแขนขวาของเกราะ แขนหักๆ ข้างนั้นกลายมาเป็นแขนขวาของชายหนุ่มในบัดดล!
และสิ่งนี้คือความคิดอันบ้าระห่ำที่หวังเป่าเล่อคิดได้เมื่อครู่!