หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 573 เก็บกวาดพื้นที่!

บทที่ 573 เก็บกวาดพื้นที่!
หวังเป่าเล่อกำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้น ดวงดาวบนแผนที่ที่แสดงจุดที่ตู้กูหลินอยู่ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว!

เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าตอนที่มุ่งห้นาไปหาสวีหมิงเสียอีก เป้าหมายของชายหนุ่มคือศิษย์เอกที่เหลืออยู่คนสุดท้ายของเฟิ่งชิวหรัน ลู่หยุน!

ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ฝูงชนที่จับตาดูอยู่ต่างตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มออกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่ตู้กูหลินทะยานผ่านต่างตกใจไม่ต่างกัน พวกเขาได้ยินเสียงกัมปนาทสะท้อนขึ้นในหูพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่พุ่งผ่านไป!

“ตู้กูหลินเปิดฉากต่อสู้อีกแล้ว!”

หวังเป่าเล่อหันมองเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า ก่อนทั้งสามจะหันไปมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรี เห็นดาวดวงที่ระบุตำแหน่งของลู่หยุนหยุดนิ่งทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังเคลื่อนตัวไปช้าๆ ราวกับว่าตัดสินใจได้แล้ว จากนั้นก็เปลี่ยนทิศมุ่งหน้าไปทางตู้กูหลิน!

เขาไม่ได้พยายามหลบหนีไม่เข้าปะทะ แต่กำลังมุ่งหน้าไปประจันหน้ากับตู้กูหลิน!

ผู้เข้าร่วมการทดสอบทราบสถานการณ์ได้จากแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีเพียงเท่านั้น แต่ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่ด้านนอกต่างตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด

พวกเขาเห็นตู้กูหลินพุ่งทะยานมาจากด้านหนึ่ง ขณะที่ลู่หยุนเองก็พุ่งมาประจันหน้าจากอีกฝั่งหนึ่งพร้อมกับแววตาพร้อมสู้รบ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดน้อยลงเรื่อยๆ!

ทั้งสองเป็นดังอุกกาบาตที่กำลังจะพุ่งเข้าชนกันและกัน!

“ที่หวงหยุนซานยกกุญแจให้เมื่อครู่คงจะเป็นจุดไฟให้ตู้กูหลินเริ่มลงมือตามแผนเร็วขึ้น!”

“ลู่หยุนดูพร้อมประจันหน้า!”

“สถานการณ์ตอนนี้บอกได้เลยว่าโชคเข้าข้างหวังเป่าเล่อ ที่เขาต้องทำก็เพียงแค่รอก็จะได้ขึ้นไปอยู่ในสองอันดับต้น!”

ขณะที่เหล่าศิษย์นอกสนามทดสอบกำลังพูดคุยกันอย่างดุเดือด เมี่ยเลี่ยจื่อดูสงบนิ่ง แต่ในใจจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ไม่น้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง แม้หวังเป่าเล่อจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในการทดสอบไปหมด แต่เขาก็เชื่อว่าตู้กูหลิน ศิษย์ของตนเองจะต้องได้อันดับหนึ่งมาครอง!

ด้านเฟิ่งชิวหรันนั้นกำลังถอนหายใจ เหล่าศิษย์ยังคงตกอยู่ในความโกลาหลแม้สวีหมิงจะถูกส่งกลับมายังลานกว้างแล้ว เขารีบกลับออกไปทันที เหมือนว่าจะอับอายขายหน้าอยู่ไม่น้อย

ตอนนี้เหลือศิษย์เอกของเฟิ่งชิวหรันเพียงคนเดียวในสนามทดสอบ การตัดสินใจของหวงหยุนซานทำให้เริ่มเห็นผลการทดสอบชัดขึ้น มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้

หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ สามอันดับแรกจะตกเป็นของ ตู้กูหลิน หวังเป่าเล่อ และลู่หยุน!

แต่การที่ตู้กูหลินพุ่งตัวออกไปพร้อมจิตสังหารบ่งบอกแน่ชัดแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสามอันดับแรก แต่ต้องการให้เหลือเพียงแค่อันดับเดียว ตัดอันดับอื่นทิ้งไปให้หมด!

ตู้กูหลิน! เฟิ่งชิวหรันเหลือบมองโยวหรันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นางเห็นว่าอีกคนยังคงปิดตาสนิท ตอนที่ศิษย์เอกตนพ่ายแพ้ก็แค่เพียงถอนหายใจ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรแม้แต่น้อย

ท่ามกลางความเงียบ เฟิ่งชิวหรันต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์มากมายในจิตใจ นางตั้งความหวังกับศิษย์เอกทั้งสองไว้ แต่สวีหมิงก็โดนคัดออกไปแล้ว ส่วนลู่หยุนนั้น ถึงจะเก่งกาจแต่ก็ไม่อาจเทียบฝีมือกับตู้กูหลินที่ล้มสวีหมิงลงได้ เฟิ่งชิวหรันเองก็รู้ว่าตอนนั้นตู้กูหลินยังออมมืออยู่

ลู่หยุนต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แต่หวังเป่าเล่อที่นางไม่ได้สนใจเท่าไหร่ในตอนแรกกลับหยัดยืนขึ้นมาอย่างองงอาจ หมัดเกราะจักรพรรดิที่ใช้จัดการโจวชู่เต๋าทำให้นางคิดว่าการทดสอบนี้น่าจะสร้างมาเพื่อตู้กูหลินกับหวังเป่าเล่อ หากตู้กูหลินชนะ เขาก็จะได้เป็นผู้นำเหล่าศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล เรืองอำนาจขึ้นมาเคียงข้างกับเมี่ยเลี่ยจื่อ

หากหวังเป่าเล่อชนะ ตำแหน่งและตัวตนในสำนักวังเต๋าไพศาลของเขาก็จะเปลี่ยนไป ศิษย์จากสหพันธรัฐจะได้ลืมตาอ้าปาก ไม่มีใครในสำนักวังเต๋ากล้าไปกลั่นแกล้งอีกต่อไป ทางสหพันธรัฐจะมีศิษย์เอกที่เหนือชั้นกว่าเหล่าศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล เป็นรองเพียงแค่ขั้นจุติวิญญาณ!

ขณะที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับอารมณ์มากมาย ตู้กูหลินและลู่หยุนก็ทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ครึ่งชั่วโมงถัดมา ทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากันที่เขตกึ่งกลางสนามทดสอบ ก่อนจะเปิดฉากต่อสู้ส่งเสียงดังสนั่น!

ลู่หยุนเตรียมพร้อมสู้ ต่างจากตอนที่เข้าปะทะกับสวีหมิง ทำให้ตู้กูหลินลงมืออย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เขาตั้งผนึกมือ ความดุร้ายที่แผ่ออกมาทวีคูณเพิ่มขึ้น มังกรสีดำเก้าเศียรตัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่ลู่หยุนพร้อมกับร้องคำราม

ในสนามทดสอบมีคนไม่มากที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนที่อยู่แถวนั้นก็พอจะเห็นได้จากไกลๆ มีเพียงศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่ด้านนอกสนามทดสอบเท่านั้นที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน

แต่ยิ่งได้เห็นชัดก็ยิ่งต้องตื่นตกใจ ลู่หยุน ศิษย์เอกของลู่หยุนนั้นมีฝีมือเก่งกาจ สามารถล้มผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในได้ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าตู้กูหลินกลับห่างชั้นอยู่มาก!

ตั้งแต่เริ่มจนจบ ตู้กูหลินเพียงแค่ต่อยหมัดใส่ลู่หยุนที่โดนมังกรสีดำล้อมรอบ เหมือนเช่นตอนที่สู้กับสวีหมิง เขาไม่ได้ใช้กระบวนเวทใดๆ ใช้แค่มือต่อยก็เพียงพอที่จะทำให้ลู่หยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แม้จะโดนต่อยจนล้มไปกองกับพื้นอยู่หลายครั้ง ชายหนุ่มก็ยังไม่ย่อท้อ กระโจนกลับเข้าใส่

ศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นว่า ไกลออกไป สวีหมิงในสภาพเจ็บหนักได้กลับมาปรากฏตัวพร้อมกับเหล่าลูกน้อง เขามองการต่อสู้ของสองคนตรงหน้าอยู่เงียบๆ ราวกับว่าเห็นภาพตนเองอยู่ ณ จุดนั้น

เมื่อลู่หยุนโดนส่งล้มไปกองจนมีสภาพไม่ต่างจะสวีหมิง ตู้กูหลินที่ลอยอยู่กลางอากาศเอ่ยถามคำถามที่เคยใช้กับสวีหมิงขึ้น ลู่หยุนหัวเราะด้วยความขมขื่น แต่ก็ไม่หนีจากการสู้ เขากระโจนเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง!

สวีหมิงตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นลู่หยุนไม่คิดหนีเพราะเกรงกลัวต่อความตายเหมือนตนเอง

ชายหนุ่มหลับตาลงเงียบๆ พร้อมกับความขมขื่นในใจ

การต่อสู้ระหว่างลู่หยุนและตู้กูหลินจบลง อาจเป็นเพราะยอมรับในตัวอีกฝ่าย ตู้กูหลินไม่ได้ปล่อยหมัดปิดฉาก ทำแค่เพียงตบลู่หยุนลงพื้นจนหมดสติ

เมื่อศึกครั้งนี้จบลง ทั้งลานกว้างก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเสียงเฮของเหล่าศิษย์ฝั่งเมี่ยเลี่ยจื่อจะดังขึ้น ส่วนศิษย์ฝั่งเฟิ่งชิวหรันและโยวหรันต่างนิ่งเงียบ ในใจเต็มไปด้วยคลื่นความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน

ตู้กูหลินเป็นผู้กล้าเกร่งเกินจินตนาการ เขาไม่ได้ใช้กระบวนเวทอื่นกับสวีหมิงและลู่หยุนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แค่หมัดและมังกรล้อมรอบก็เพียงพอที่จะมอบความพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย

ทุกคนเห็นว่าตู้กูหลินยังไม่ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ แต่ก็ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าชายหนุ่มใช้พลังไปประมาณเท่าใดในศึกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา

“ร้อยละสามสิบมากสุด!” สวีหมิงพึมพำขึ้นก่อนจะกลับออกไป

ขณะทุกคนกำลังนิ่งอึ้ง เหล่าศิษย์ในสนามทดสอบต่างตกอยู่ในความเงียบงัน พวกหวังเป่าเล่อที่พักอยู่บนยอดเขาต่างเคร่งเครียดขึ้นมา

“เจ้าตู้กูหลินเก่ง เก่งมาก!” กงเต๋าสูดหายใจลึกก่อนจะพูดขึ้น

“เป่าเล่อ เจ้ามั่นใจไหม” เจ้าเยี่ยเหมิงหันมองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเป็นกังวล

หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบไป ไฟแห่งความมุ่งมั่นพลันลุกโชนขึ้นในตา ริมฝีปากค่อยๆ เหยียดยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวก็ได้รู้หลังสู้เสร็จ” หวังเป่าเล่อหลับตาทำสมาธิ เขาอยากจะอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด หากตู้กูหลินไม่มาหา ชายหนุ่มก็จะออกไปตามหาเอง

การต่อสู้ระหว่างทั้งสองไม่ได้เป็นเพียงจุดสิ้นสุดการทดสอบ แต่ยังเป็นช่วงที่สำคัญมากที่สุดของการทดสอบ!

ตู้กูหลินต้องการให้มีเพียงแค่อันดับหนึ่ง หวังเป่าเล่อเองก็คิดเช่นนั้น!

เวลาล่วงผ่าน เหลืออีกไม่ถึงห้าชั่วโมงจะถึงการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง!

ต้นตอของความวุ่นวายนี้ก็ยังเป็นตู้กูหลิน หลังจากล้มลู่หยุนลง เขาก็ออกล่ากุญแจมาได้กว่าร้อยดอก ถึงกระนั้นก็ยังเดินหน้ากวาดล้างต่อไปไม่หยุด!

เป้าหมายของชายหนุ่มคือจัดการศิษย์ของเฟิ่งชิวหรัน!

ศิษย์ของเฟิ่งชิวหรันที่เหลือรอดในการทดสอบต่างต้องจำใจยื่นกุญแจให้ กลายเป็นกลุ่มคนไร้กุญแจไป พวกเขาได้แต่มองจำนวนกุญแจของตู้กูหลินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนแผนที่ กุญแจที่กระจายตัวอยู่เริ่มลดน้อยลง

เหล่าผู้ฝึกตนด้านนอกเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะตื่นตกใจแต่ก็รู้ดีว่ามีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเหลือรอด!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset