Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1080 : แนวคิดในการสวมบทบาท

หลังจากบ้านวอลเตอร์เดินลงไปจากชั้นสอง ไคลน์เดินเข้าไปในห้องอาหารและมองรอบตัว พบว่าสาวใช้และคนรับใช้กระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ บางคนทำท่าทางกระสับกระส่าย

นึกแล้วเชียว ที่จริงไม้เท้าแห่งชีวิตก็ส่งผลกับมนุษย์ เพียงแต่ไม่รุนแรงนัก อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้… จากหลักการดังกล่าว ประสิทธิภาพในการสืบพันธุ์ของเหล่าคนใช้ต้องเพิ่มสูงขึ้น แต่ปัญหาเดียวก็คือ พวกเขาไม่มีคู่ครอง จึงไม่รู้จะไปลงกับใคร…

หืม… การกลับบ้านในวันนี้ของคุณพ่อบ้านจะทำให้มีเด็กเกิดมาในอีกสิบเดือนข้างหน้าไหม? ภรรยาของเขาอายุเกือบสี่สิบแล้ว การคลอดในวัยนี้ค่อนข้างอันตราย… อา… แต่พลังการในขยายพันธุ์จากไม้เท้าแห่งชีวิตคงติดตัววอลเตอร์ไปด้วยและช่วยให้ภรรยาคลอดได้ง่ายขึ้น คงไม่น่ากังวลขนาดนั้น…

เดี๋ยวนะ… ถ้าอิทธิพลของไม้เท้าแห่งชีวิตช่วยให้ผสมพันธุ์ ‘ติด’ ง่ายขึ้น… หลังจากดอน·ดันเตสย้ายเข้ามา อัตราการเกิดใหม่ของทารกในถนนเบิร์คลุนได้เพิ่มสูงขึ้น… ข่าวลือเสียๆ หายๆ คงได้ถาโถมเข้ามาแน่… ไคลน์ปล่อยความคิดล่องลอยเรื่อยเปื่อยก่อนจะสรุปในใจ

ไม้เท้าแห่งชีวิตเลวร้ายกว่าที่คิด!

หลังจากนี้ เราคงนำลงมาบนโลกความจริงได้ไม่บ่อยนัก อย่าพยายามสร้างผลกระทบแก่มนุษย์รอบๆ โดยไม่จำเป็น!

กินอาหารเช้าเสร็จ ไคลน์พาบุรุษรับใช้ส่วนตัว เอ็นยูนลงไปยังชั้นหนึ่งเพื่อเตรียมเดินเล่น

ระหว่างนั้น สาวใช้สองคนกำลังเช็ดพื้นห้องโถง

“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายท่าน” เมื่อเห็นดอน·ดันเตสเข้ามาใกล้ สาวใช้ทั้งสองลุกขึ้นยืน หลีกทางและทักทาย

แน่นอนว่าถ้าพวกเธออยู่ไกลกว่านี้หรืออยู่ในซอกหลืบ จะพยายามไม่ส่งเสียงดังเพื่อรบกวนนายจ้าง นี่เป็นคำสอนของวอลเตอร์

ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาเป็นการตอบสนองและเดินเข้าใกล้ประตูหน้า

ทันใดนั้น สาวใช้ทั้งสองบนพบว่าบนศีรษะของเอ็นยูนมีรวงข้าวสีทองอร่ามงอกออกมาจนเต็ม

ขณะทั้งสองกำลังเพ่งมอง ดูเหมือนว่าบุรุษรับใช้จะรู้ตัว รีบยกมือขวาขึ้นมาดึงรวงข้าวออกอย่างยากลำบาก

สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็ยิ้มอย่างขบขันปนประหลาดใจ

พวกเธอจินตนาการว่า ในตอนที่ติดตามดอน·ดันเตสไปยังคฤหาสน์เพลงกุหลาบ เอ็นยูนคงบังเอิญทำให้รวงข้าวสาลีติดร่างกายตัวเองมาจนกระทั่งกลับถึงถนนเบิร์คลุน จากนั้นก็ทำร่วงลงในจุดที่ยากต่อความทำความสะอาด หรือไม่ก็ยากจะสังเกตเห็น อย่างเช่นใต้หมอน และในตอนที่หลับเมื่อคืน อาจจะเพราะฝันร้าย เอ็นยูนได้ผลักหมอนออกจนรวงข้าวสาลีติดอยู่ในเส้นผม รอดพ้นช่วงเวลาการการอาบน้ำและอาหารเช้าจนมาถึงตอนนี้

แม้เรื่องราวจะซับซ้อนและเกิดขึ้นจริงได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย

รวงข้าวงอกขึ้นบนหัวมนุษย์ไม่ได้สักหน่อย… สาวใช้ทั้งสองรำพันก่อนจะกลับไปทำงาน

ด้านนอกบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ไคลน์และเอ็นยูนเดินทอดน่องใต้ต้นเมเปิ้ลอินทิสซึ่งใบเริ่มเฉา สูดอากาศอันสดชื่นของฤดูใบไม้ร่วง

เฉกเช่นไคลน์ เพื่อนบ้านหลังอื่นเองก็ออกมาเดินเล่น

แต่แน่นอน นี่มิใช่กิจวัตรประจำวันของชนชั้นสูงในกรุงเบ็คลันด์ เพราะเมื่อปีที่แล้วยังเต็มไปด้วยหมอกควันรุนแรง ไม่มีใครอยากตื่นเช้าออกมารับลมหนาวและความเปียกชื้นบนท้องถนน

ในฐานะเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน เมื่อเดินสวนกันย่อมทักทายกันเป็นปรกติ จนกระทั่งเดินสวนกันไป นักกฎหมายคนดังกล่าวใช้หางตาชำเลืองบุรุษรับใช้ของดอน·ดันเตสพลางปิดปากหาว

ขณะลดมือลง นักกฎหมายหนุ่มพบบางสิ่งที่แตกต่างออกไป

จมูกของเขาโด่งขึ้น…

ฮะฮะ… พักหลังคงคิดหลายสิ่งมากเกินไปจนเกินอาการประสาทหลอน…

ถ้าดั้งจมูกของเราโด่งขึ้นได้เองก็คงจะดี…

นักกฎหมายยกมือขึ้นมาลูบจมูกพลางครุ่นคิด พร้อมกันนั้น มันเห็นสุนัขจรจัดสองตัวกำลังวิ่งไล่กันเพื่อพยายามผสมพันธุ์กลางถนน

หลังจากเดินเล่น ไคลน์กลับไปยังห้องนั่งเล่นบนชั้นสาม ส่งไม้เท้าแห่งชีวิตขึ้นไปบนมิติหมอก

มีความคืบหน้า… หมายความว่า แก่นสำคัญของการย่อยโอสถจอมเวทพิสดารคือการทำให้ผู้คนสยองขวัญและหวาดกลัวด้วยเทคนิคต่างๆ … ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์ของ ‘ผู้กำกับ’ แต่คราวนี้เป็น ‘ผู้กำกับหนังสยองขวัญ’ …

อา… แต่ไม่จำเป็นต้องสร้างความกลัวขึ้นมาจริงๆ … ในชีวิตประจำวันของมนุษย์มีฉากน่ากลัวมากมายเกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น เมื่อนึกขึ้นได้รางๆ ในภายหลังและนำไปจินตนาการต่อยอด ความกลัวจะก่อตัวขึ้นในใจจนบางรายเก็บไปฝันและไม่กล้าปิดไฟนอน… นี่ก็เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ของหนังสยองขวัญ… ไคลน์พิจารณาความเป็นไปได้และตกผลึกจากประสบการณ์ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เป็นการนิยามผู้กำกับหนังสยองขวัญในฉบับย่อส่วน

หลังจากเข้าใจแก่นแท้ มันเริ่มมีไอเดียมากมายในการย่อยโอสถ

ในอนาคต การจัดการกับศัตรูนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องเปลี่ยนให้ศัตรูเป็นตัวเอกของหนังสยองขวัญด้วย!

แต่นั่นทำได้ยาก… ถ้าอีกฝ่ายเป็นครึ่งเทพ เราต้องใส่สุดโดยห้ามออมแรง แล้วจะมีอารมณ์กำกับหนังสยองขวัญได้ยังไง… จริงสิ เหยื่อไม่จำเป็นต้องเป็นครึ่งเทพ ไม่มีข้อจำกัดในด้านดารานำ สามารถเทเลพอร์ตไปที่ทะเลและมองหาโจรสลัดผู้โชคดีมา ‘เข้ากองถ่าย’ หนังสยองขวัญ

ใช่แล้ว ในฐานะผู้กำกับ เราต้องหาทางโฆษณาผลงาน! ดูเหมือนว่าต้องปล่อยให้ดารานำหนีรอดในบางครั้ง เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ชวนขนหัวลุกจนกลายเป็นตำนานในท้องทะเล ไม่สามารถใช้ทั้งหมดเป็นอาหารของยุบพองหิวโหยได้… ขณะไคลน์วางแผน มันผุดคำถามหนึ่งขึ้นกะทันหัน

จากตำนานสยองขวัญทั้งหมดที่ถูกเล่าขานในห้าห้วงสมุทร มีกี่ตำนานที่อำนวยการสร้างโดยจอมเวทพิสดาร?

ต้องมีบ้างแน่นอน… เฮ้อ… ถ้าอามุนด์เป็นผู้กำกับ เจ้านั่นคงย่อยโอสถเสร็จภายในเดือนเดียว มันเก่งในเรื่องแบบนี้มาก แถมยังไม่สนใจผลกระทบที่ตามมา… แล้วก็… ระหว่างที่หาโจรสลัดมาถ่ายหนังสยองขวัญ เราสามารถมองหาลู่ทางการในสร้างความกลัวให้ครึ่งเทพคนอื่น… ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ขอแค่บรรลุเป้าหมายก็พอ… ขณะความคิดมากมายหลั่งไหล ไคลน์เริ่มวางแผนที่ชัดเจน

จากนั้น มันพิจารณาเป้าหมาย

ห้ามยุ่งกับเทวทูตหรือลำดับสูงกว่านั้นที่ไม่สนิทเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นดารานำชายในหนังจะกลายเป็นเราแทน… แต่คนที่สนิทกันย่อมรู้อยู่แล้วว่าเราคือจอมเวทพิสดาร คงจะไม่กลัวกันสักเท่าไร…

โลกนี้มีผู้วิเศษระดับนักบุญอยู่มากมาย… ไม่ควรไปยุ่งกับบรรดาอาร์ชบิชอปของโบสถ์หลัก ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เรื่องราวลุกลามบานปลายถึงขั้นเป็นชนวนสงคราม…

ฟู่ว… ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดจะเป็นแพทริค·เบรน ครึ่งเทพของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม… นอกจากนั้นก็ยังมีสมาชิกสภาแห่งชะตาของวิล·อัสติน… แล้วก็…

หลังจากไล่รายชื่อเสร็จ ไคลน์ตัดสินใจว่าจะนัดพบกับนายแพทย์อลัน·คริสต์ภายในสองสามวันข้างหน้า นำไอศกรีมไปป้อนให้ทารกตัวน้อยพร้อมกับถามว่า ‘เหล่าสมาชิกสภา’ อยู่ที่ไหนกันบ้าง

หากคิดจะแกล้งลูกน้องใครสักคน ย่อมต้องได้รับอนุญาตจากประธานใหญ่เสียก่อน!

ไคลน์ที่ได้ข้อสรุปเริ่มอารมณ์ดี วางแผนออกจากบ้านและตรงไปยังวิหารนักบุญแซมมวลเพื่อสวดมนต์และบริจาค ก่อนจะแวะไปที่ ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ และอยู่จนถึงเที่ยงวัน

ในช่วงบ่าย มันสวมบทบาทเป็นนักธุรกิจมืออาชีพเพื่อพบปะนักบัญชีและนักกฎหมายหลายคนที่กำลังมองหานักธุรกิจไปลงทุนในกิจการ

หลังจากเติมเต็มความหิว ไคลน์กลับมาที่ห้องนั่งเล่นกึ่งเปิดโล่งติดระเบียงใหญ่อีกครั้ง ขณะลังเลว่าพรุ่งนี้จะควรแวะไปที่บ้านของนายแพทย์อลัน·คริสต์โดยตรง หรือเลี้ยงอาหารค่ำที่ภัตตาคารเซอเรนโซ่ซึ่งโด่งดังด้านไอศกรีม สัมผัสวิญญาณของมันถูกกระตุ้น

ชายหนุ่มมองไปด้านข้างด้วยท่าทางไม่ประหลาดใจ มันพบกับมิสผู้ส่งสารที่เดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับสี่หัวทองตาแดง

ในหนังศีรษะกำลังคาบจดหมาย

“ใครส่งมา” ไคลน์ถามอย่างคาดหวังตามความเคยชิน

เนื่องจากมันยังไม่รับจดหมาย ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์จึงใช้สามหัวที่เหลือตอบ

“ราชา…” “แห่ง…” “ความโง่…”

แพทริค·เบรน? ชื่อเล่นสามารถวิวัฒนาการได้ด้วย? ไคลน์เอื้อมมือไปหยิบจดหมายและเปิดอ่าน พบว่ามาจากครึ่งเทพของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียมอย่างที่คิด

เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า

“…ผมเตรียมประกอบพิธีกรรมพิเศษสำหรับช่วยเหลืออาจารย์ของผม ท่านไฮเทล เรียบร้อยแล้ว… ท่านเจ้าคุณ ตอนนี้ผมกำลังยื้อเวลาของพิธีกรรมออกไปเพื่อรอการอนุญาตจากคุณ อย่างช้าที่สุดคือเช้าวันพรุ่งนี้”

พิธีกรรมที่มุ่งเป้าไปยังเทวทูตไฮเทล? ตอนนี้คงไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงบททดสอบของแพทริค·เบรนที่นิกายวิญญาณมอบ… แต่อย่างน้อยก็สามารถแทรกแซงได้ด้วยเทวทูตกระดาษ… ใช่แล้ว… ไคลน์สะบัดข้อมือพร้อมกับเผาจดหมาย

จากนั้นมันดึงกระดาษออกมาหนึ่งแผ่นและเขียนตอบกลับ

“อนุญาต… ระวังตัวด้วย”

ณ ค่ำคืนอันเงียบสงบใกล้รุ่งสาง ภายในโรงงานตัดเย็บที่ไร้ผู้คนในเขตนักบุญจอร์จ

บางส่วนของที่นี่ถูกเคลียร์ให้เป็นลานโล่ง ผู้คนนับสิบในชุดคลุมสีดำกำลังยืนเรียงราย

กึ่งกลางพวกมันคือโลงศพสีดำที่ดูค่อนข้างหนัก รอบโลงเต็มไปด้วยเครื่องประดับทองคำ คราบโคลน เทียนไขที่จุดไฟสีซีด และกองกะโหลกจำนวนมาก

กะโหลกสีขาวเหล่านี้บางส่วนเป็นของมนุษย์ บางส่วนเป็นของสัตว์ และบางส่วนผิดรูปและแปลกประหลาดจนไม่สามารถบอกที่มา

และที่ด้านหน้าสุด กะโหลกศีรษะถูกวางซ้อนกันเป็นของใหญ่ที่สุด โดยมีแพทริค·เบรนกำลังยืนอยู่ไม่ไกล

มันเองก็สวมชุดคลุมสีดำ แต่มิได้ยกผ้าคลุมหัวขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าชัดลึกและเรียวยาว ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล

ครึ่งเทพรายนี้ยังไม่ทันได้ทำอะไร บรรยากาศรอบๆ พลันกลายเป็นเย็นเยียบ คล้ายกับมีวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเต้นรำสนุกสนาน

ทันทีที่แพทริค·เบรนยกมือขวา บรรดาสาวกที่สวมผ้าคลุมหัวพลันกระตุกตัวกระโดดและเต้นด้วยท่าทางบ้าบิ่น

นี่คือ ‘ระบำวิญญาณ’ เป็นพิธีกรรมที่เทพมรณาชื่นชอบ ยิ่งเต้นแข็งแรงเพียงใดก็ยิ่งได้โปรดปราน

เมื่อการเต้นรำเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ สายลมเย็นที่มองไม่เห็นพลันพัดออกจากโลงศพ แพทริค·เบรนรีบก้มหน้าลงและสวดวิงวอนเป็นภาษาที่ราวกับมาจากโลกแห่งความตาย

“ราชาแห่งห้วงลึกของขุมนรก”

“เทวทูตผู้บรรเลงเสียงแห่งมรณะ”

“ผู้ปกครองสูงสุดเหนือแม่น้ำแห่งความตาย”

……………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

LotM, Quỷ bí chi chủ, ราชันเร้นลับ, ราชันโลกพิศวง, 序列的戰爭 (old), 诡秘之主 (new)
Score 9.4
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset