ลาก่อน คุณสามี – ตอนที่ 9 ท่านผู้หญิงคือสมบัติที่แท้จริง

ทุกคนต่างรู้กันดีว่าตอนที่ท่านผู้ชายเฉินเสียชีวิต ท่านได้โอนสมบัติทั้งหมดให้แก่ท่านผู้หญิง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือวัตถุโบราณสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หมิง ชิงที่ล้ำค่าและหายาก โดยมีด้วยกันสองหีบเต็มๆ หรืออาจจะกล่าวในอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า ท่านผู้หญิงคือสมบัติที่แท้จริง

จึงไม่อาจล่วงเกินได้เป็นอันขาด

“ในบ้านตระกูลเฉิน คุณย่าคือผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือที่สุดแล้วครับ” จู่ๆ

เฉินเป่ยชวนก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มและไม่เย็นชาอย่างหาได้ยากแบบนั้น “พวกเราล้วนอยากให้คุณย่ามีสุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนเป็นร้อยปีกันทั้งนั้น ใครจะกล้าโมโหคุณย่าล่ะครับ?”

“คุณย่า เป่ยชวนพูดถูกเลยค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนรีบลุกขึ้นเดินไปอยู่ข้างๆ ท่านผู้หญิง จากนั้นเธอก็ตักน้ำซุปร้อนๆ มาเสิร์ฟตรงหน้าท่าน แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “คุณย่าทานน้ำซุปเรียกน้ำย่อยก่อนค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักหนูไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้หลังบ้านเป็นเพื่อนคุณย่านะคะ”

ท่านผู้หญิงเห็นแก่เฉียวชูเฉี่ยน ตอนนี้จึงคลายปมบนคิ้วออกแล้วพยักหน้ารับ “ดี นังหนูนี่ดีจริงๆ”

เฉินเป่ยชวนแอบชำเลืองมองเฉียวชูเฉี่ยนอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบถอนสายตาตัวเองกลับมา

ในที่สุดประเด็นนี้ก็จบลงได้

หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เฉียวชูเฉี่ยนก็ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้หลังบ้านเป็นเพื่อนท่านผู้หญิง

ท่านผู้หญิงไม่รู้เบื้องหลังของเหตุการณ์ที่ทำให้เฉียวชูเฉี่ยนกับเฉินเป่ยชวนหย่ากัน ท่านจูงมือเธอพูดนู่นพูดนี่ไม่หยุด เอาแต่พูดว่าเฉินเป่ยชวนนั้นไม่ยอมพูด เอาแต่ปิดบัง และหวังให้เฉียวชูเฉี่ยนอภัยให้เฉินเป่ยชวน

เฉียวชูเฉี่ยนเม้มปากยิ้มๆ คอยพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างใจเย็น

หนึ่งผู้เฒ่า หนึ่งผู้อ่อนวัยพูดคุยสัพเพเหระอยู่ที่สวนดอกไม้หลังบ้านจนถึงสี่ทุ่มกว่า

เฉียวชูเฉี่ยนเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงเอ่ยลาท่านผู้หญิง ท่านผู้หญิงอยากให้เฉียวชูเฉี่ยนพักอย่ที่นี่ แต่เธอก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงตลอด ในที่สุดท่านก็ยอมแพ้

“คุณย่ากลับไปเถิดค่ะ เดี๋ยวก็มีคนมารับหนูแล้วค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนพูด แต่ท่านผู้หญิงไม่ยอมเสียอย่าง จากนั้นก็เอาผ้าคลุมกันลมมาห่มที่ไหล่เธอ ดึงดันจะไปส่งเธอที่นอกคฤหาสน์

ที่หน้าประตู มีรถยี่ห้อมายบัคสีดำคันหนึ่งจอดเงียบอยู่ตรงนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว

และชายหนุ่มรูปหล่อ รูปร่างสูงใหญ่กำลังพิงอยู่ข้างรถด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูไม่เป็นแบบแผนและไร้ซึ่งความอดทนอดกลั้น ช่วงขายาวบึกบึนทรงพลังชวนมอง ใต้รองเท้าหนังของเขามีก้นบุหรี่ตกอยู่เป็นจำนวนมาก

“เป่ยชวนเอ๊ย ยังไม่กลับอีกหรือ?”

เมื่อท่านผู้หญิงเห็นเฉินเป่ยชวนก็อึ้งไปชั่วขณะก่อน จากนั้นก็จะดึงเฉียวชูเฉี่ยนให้เดินไป ท่านยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า: “ดึกมากแล้ว เธอไปส่งนังหนูหน่อยแล้วกัน”

ไม่ใช่การสอบถาม แต่เป็นคำสั่ง

ท่านผู้หญิงพูดเช่นนี้ทำให้คิ้วของเฉียวชูเฉี่ยนกระตุกขึ้นมา “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณย่า หนูกลับเองได้ค่ะ”

“ไฮ้ ดึกขนาดนี้แล้ว อย่าให้คนอื่นมารับเธอเลย” ท่านผู้หญิงพูดแล้วดึงเธอไปทาง

เฉินเป่ยชวน “เป่ยชวนก็จะกลับเข้าเมืองอยู่พอด ก็ให้เขาแวะส่งเราเลยแล้วกัน”

เฉียวชูเฉี่ยนถูกผลักกะทันหัน เธอไร้การป้องกัน จึงตกไปที่อ้อมอกอันแข็งแกร่งของเฉินเป่ยชวน

เหมือนจะได้กลิ่นหอมจางๆ แต่สดชื่นของมิ้นท์

เธอตื่นตกใจรีบพาตัวเองออกมาจากอ้อมอกเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาคู่นั้นที่ทั้งสุกใสและลุ่มลึกได้จ้องมองเธออยู่นานแล้ว จากนั้นเขาก็โยนบุหรี่ในปากลงพื้นแล้วใช้รองเท้าเขี่ยๆ ให้ไฟดับ

“ครับ คุณย่าวางใจได้ ผมจะส่งเธอกลับไปเองครับ”

ในระหว่างที่เฉียวชูเฉี่ยนตกตะลึงตาค้างอยู่ เฉินเป่ยชวนได้ก้มตัวลงไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว ดูราวกับเชิญเชิญให้ขึ้นไปนั่ง

ท่านผู้หญิงส่งยิ้มจนตาหยีมาให้ “นังหนูถึงบ้านแล้วก็ส่งข้อความมาบอกย่าด้วยนะ”

เฉียวชูเฉี่ยนตอบรับก็ไม่ใช่ ปฏิเสธก็ไม่เชิง ได้แต่ลังเลอยู่สักพักใหญ่ๆ แต่แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ลาก่อนนะคะคุณย่า ไว้วันหลังหนูมีเวลาจะเข้ามาเยี่ยมคุณย่าใหม่ค่ะ” จากนั้นเธอก็เข้าไปนั่งในรถ

“ดีๆ!” ท่านผู้หญิงพยักหน้ารับอย่างยิ้มๆ แล้วหันหน้าไปทางเฉินเป่ยชวนด้วยสีหน้าที่เย็นชาอีกครั้ง: “ถนนในตอนกลางคืนขับยากอยู่ เธอขับรถช้าๆ หน่อยแล้วกัน ตัวเธอจะเกิดเรื่องหรือไม่ฉันไม่สน แต่อย่าให้กระทบไปถึงหนูน้อยของย่าล่ะ”

เฉินเป่ยชวนส่งเสียงตอบรับกลับไป เขาเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ จากนั้นก็สตาร์ทรถและขับออกไป

ไม่นาน รถก็วิ่งเข้าสู่บริเวณที่มืดมาก

ภายในรถเป็นไปอย่างเงียบเชียบกันทั้งสองคน

ต่อมาเสียงโทรศัพท์มือถือของเฉียวชูเฉี่ยนก็ดังขึ้นทำลายความเงียบแบบแปลกๆ นี้ เธอกดรับสาย: “ฉี”

“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหรือครับ ผมจะได้เข้าไปรับ?”

“……ไม่ต้องแล้วค่ะ” เฉียวชูเฉี่ยนเหลือบมองไปทางเฉินเป่ยชวนอย่างรวดเร็วแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า: “ฉันจะถึงบ้านในอีกสิบห้านาทีนี้แล้ว จิ่งเหยียนทำตัวดีไหมคะตอนอยู่กับคุณ?”

ลู่ฉีหัวเราะเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงชวนฟังออกไปว่า: “เพิ่งจะงอแงออกมาว่าอยากทานพิซซ่า แต่พอทานไปได้ชิ้นเดียวก็หลับไปแล้วครับ”

เมื่อนึกถึงท่าทางที่ซื่อตรงและน่ารักของเจ้าซาลาเปาน้อย เฉียวชูเฉี่ยนก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว “ฉี ลำบากคุณแล้ว”

ลาก่อน คุณสามี

ลาก่อน คุณสามี

ความทรงจำของปลาอยู่ได้แค่ 7 วินาที แต่ฉันกลับรักคุณมาถึง 7 ปี ……………..เฉียวชูเฉี่ยน เฉียวชูเฉี่ยนไม่คิดเลยว่าวันแรกที่เธอมาถึงประเทศจีน เธอจะได้พบกับอดีตสามีของเธอ……….เฉินเป่ยชวน มีข่าวลือมาว่า เจ้าของกิจการสถานบันเทิงอย่างเฉินเป่ยชวน เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ และไม่สนใจผู้หญิง แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยแต่งงานและเคยหย่ามาก่อน ซ้ำยังมีลูกแล้วอีกด้วย “ใคร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งในขั่วโลกเหนือ “เป็น…….เป็นลูกของฉันเอง” “อ่อ ถ้างั้นคุณเลขาเฉียวสาธิตผมหน่อยสิว่าทำยังไง” เขาหยุดคำพูดของเขา และก้าวเข้าไปหาเธอ ทำให้เธอไปไหนไม่ได้ดวงตาของชายหนุ่มมืดลงทันที คุณลุงลู่ฉีเหรอ? “………” เธอ ซวย แล้ว! เฉียวชูเฉี่ยน เด็กน้อยเฉียวจิ่งเหยียนไม่ทำตาม และเข้าไปกัดต้นขาของเขา “ปล่อยหม่ามี๊ของผมนะ ผมเป็นลูกของหม่ามี๊และคุณลุงลู่ฉี ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset