Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 153 ดัดหลังโจวเย่นชิว

บทที่ 153 ดัดหลังโจวเย่นชิว

การคิดบัญชีตามปกติของโรงยิมมวยใต้ดินเพียงครั้งเดียว

แต่กลับทำให้โจวเย่นชิว ซึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังต้องรู้สึกตื่นตระหนก และกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

หลังจากฝึกฝนร่างกายเสร็จ เฉินตงไม่ได้เข้าไปที่บริษัทในทันที

เขากำลังขอให้โจวเย่นชิวมาขอโทษเขาด้วยตนเองอยู่

คุนหลุนยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล เคราะห์ดีที่เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา

ฟ่านลู่คอยอยู่ดูแลอยู่ที่โรงพยาบาล โดยไม่ได้นอนหลับพักผ่อนตลอดทั้งคืน

บัญชีเลือดในครั้งนี้ ถ้าหากใช้ชีวิตของลูกสมุนกระจอกๆ เพียงไม่กี่คนมาชดใช้ ก็สามารถจบเรื่องทั้งหมดนี้ลงได้ เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าชีวิตของพี่น้องเขาด้อยค่าหรอกหรือ ?

เมื่อกลับไปถึงบ้าน บนโต๊ะมีอาหารที่เพิ่งปรุงสุกใหม่ๆ วางอยู่

สิ่งที่ทำให้เฉินตงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก็คือ เขาไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของแม่แล้ว

“คุณผู้หญิงออกไปแล้วครับ”

ท่านหลงเดินลงมาจากชั้นบน เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ : “เธอสั่งให้พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว ให้วางถ้วยวางตะเกียบเอาไว้ เดี๋ยวเธอจะกลับมาจัดการเก็บกวาดเองครับ”

“ไปไหน ?”

เฉินตงเอ่ยถาม

ท่านหลงส่ายหัว : “กระผมสั่งให้คนสะกดรอยตามไปแล้วครับ”

ขณะที่เฉินตงและท่านหลงกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น

ด้านนอกของเขตวิลล่าเขาเทียนซาน มีรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำแล่นเข้ามา

“ทำความเคารพ !”

พรึ่บ !

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าประตู ต่างลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อทำความเคารพ

ส่วนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสไม่ได้หยุดวิ่งแต่อย่างใด ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปในเขตวิลล่าเขาเทียนซานอย่างรวดเร็ว

“น่าแปลก ทำไมประธานโจวถึงมาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกสงสัย

คนที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดแสดงความเคารพได้เช่นนี้ก็คือ โจวเย่นชิวซึ่งนั่งมาในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสสีดำ

เพียงแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดรู้ก็คือ โจวเย่นชิวมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในมือจำนวนมาก เขตวิลล่าเขาเทียนซานเป็นเพียงแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น

ปกติแล้ว โจวเย่นชิวเข้ามาพักอยู่ในเขตวิลล่าเขาเทียนซานน้อยครั้งมาก

การที่เขาเข้ามาที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรก

“ระวังคำพูดหน่อย !” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด : “พวกเรามีหน้าที่เฝ้าประตู ก็เฝ้าประตูให้ดีก็พอแล้ว จะไปนั่งเดาเหตุผลของประธานโจวทำไม”

เอี๊ยด !

รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ จี คลาสหยุดอย่างกะทันหันที่บริเวณด้านนอกวิลล่าบ้านซาน

โจวเย่นชิวเดินลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในมือถือกล่องไม้ใบหนึ่งเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในวิลล่าอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ทำให้ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนล้า

แต่แววตาของเขา กลับเป็นประกายและส่องสว่างอย่างน่าประหลาดใจ

หลังจากที่นอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน จนคิดออกถึงผลดีและผลเสียที่จะตามมาได้แล้ว โจวเย่นชิวก็ตัดสินใจที่จะยึดมั่นในความคิดที่จะมากล่าวขอโทษด้วยตัวเอง

ไม่แน่ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอาจจะทำให้เขาต้องอับอาย

แต่สำหรับเขาแล้ว การรักษาชีวิตเอาไว้ได้ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด !

เรื่องของเฉินเทียนเซิง เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะหักหลังเฉินเทียนเซิง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง

หลังจากการจากไปของเฉินเทียนเซิง เฉินตงก็ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน เมื่อเขาขี่หลังเสือแล้วก็ยากที่จะลงมาได้ จึงทำได้เพียงต้องเลือกที่จะเหยียบเรือสองแคม

ตอนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตงเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ เขาก็มั่งเลที่จะซื้อที่ดินในภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แปลงหนึ่ง เพื่อที่จะแสดงความเป็นมิตรต่อเฉินตง และหวังว่าจะมีที่ยืนในฝั่งของเฉินตงเหลืออยู่ให้กับตัวเอง

แต่การแสดงความเป็นมิตรของเขานั้น เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้รับการตอบสนองจากเฉินตงเลยแม้แต่น้อย

ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้เฉินตงรู้สึกข้องใจอีกล่ะก็ เขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่า เฉินตงจะต้องลงมือกับเขาอย่าแน่นอน

ต่อให้เป็นจุดจบที่ดีที่สุด เขาก็คงต้องไปเดินตามรอยเท้าของโจวจุนหลง

อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เป็นคู่ต่อสู้กันมาเป็นเวลาหลายปี ถึงแม้ความสามารถจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าห่างกันเท่าไหร่นัก

ภายใต้จักรพรรดิตัวจริง ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน

ติ๊งต่อง !

เสียงกดกริ่งที่ประตูดังขึ้น

โจวเย่นชิวยืนรอด้วยท่าทีกระสับกระส่าย มือทั้งสองข้างของเขาจับกล่องไม้เอาไว้แน่น

ด้านใน เป็นสิ่งของแทนน้ำใจที่เขาต้องการนำมาแสดงความขอโทษต่อเฉินตง !

ยังคงมี……ความอุ่นเหลืออยู่

รออยู่นาน ในที่สุดประตูก็เปิดออก

เมื่อเห็นท่านหลง โจวเย่นชิวตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดด้วยท่าทีอ่อนน้อมว่า : “ท่านหลง ผมมาแสดงความขอโทษและมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”

“อืม”

ท่านหลงหลีกทางให้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “คุณชายกำลังรับประทานอาหารอยู่”

โจวเย่นชิวเข้าไปในวิลล่า โดยมีท่านหลงเดินนำไปอย่างรวดเร็วจนถึงห้องอาหาร

ภาพที่เห็นคือ เฉินตงกำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างสงบอยู่ที่โต๊ะอาหาร

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ตกกระทบลงบนตัวของเฉินตง

ท่าทีที่สุขุมเยือกเย็น ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา เมื่อโจวเย่นชิวเห็นแล้ว ทำให้เขารู้สึกประหม่า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่

ใครจะไปคิดว่า ภายในบริษัทบำนาญที่เขาสร้างให้แก่น้องชายของภรรยาเขา จะเคยมีจักรพรรดิตัวจริงเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ด้วย ?

เมื่อคิดถึงช่วงเวลาก่อนหน้า โจวเย่นชิวก็รู้สึกเสียใจและนึกเสียดาย เมื่อเดินผิดเพียงก้าวเดียว ก็จะผิดไปทุกก้าว

ถ้าเขายืนหยัดที่จะยืนอยู่ข้างเฉินตงตั้งแต่แรก ตอนนี้คงจะไม่มีภาพที่เขาต้องมาแสดงความขอโทษด้วยตัวเองเช่นนี้เกิดขึ้น ?

“ประธานโจว มาเช้าเหมือนกันนะ”

เฉินตงถือชามข้าวต้มอยู่ แล้วพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “นั่งลงสิ ทานอะไรด้วยกันก่อน คุณคงจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้ามาล่ะสิ”

ถึงแม้จะดูเป็นการเชื้อเชิญ แต่เขากลับไม่เหลือบมองโจวเย่นชิวเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ล่ะครับ ผมมานี่เพื่อที่จะมาขอรับผิดชอบความผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น”

โจวเย่นชิวยิ้มแหยแล้วส่ายหัว เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้ามาจริงๆ เขานอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน นั่งรอเวลาจนกระทั่งฟ้าสางก็รีบตรงมาที่นี่ทันที

“หืม ?”

เฉินตงเลิกคิ้ว แล้วกินข้าวต้มต่ออย่างไม่แยแส

บรรยากาศภายในห้องอาหารเงียบสงัด

โจวเย่นชิวรีบยื่นกล่องไม้ที่ถืออยาในมือ ไปวางไว้บนโต๊ะที่เฉินตงนั่งรับประทานอาหารอยู่

แล้วเปิดกล่องไม่ออกด้วยความเคารพ พร้อมกับพูดว่า : “คุณเฉิน เรื่องเมื่อคืนนี้ ถือว่าเป็นความผิดครั้งใหญ่ของผม ตอนนี้พวกสารเลวพวกนั้น ได้ชดใช้ความผิดในสิ่งที่ทำไว้แล้ว”

ขณะที่กล่องไม้กำลังถูกเปิดออก และเฉินตงได้เหลือบไปเห็นของที่อยู่ด้านใน

ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็ผงะไป รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

ของที่อยู่ในกล่องไม้ก็คือ……มือ !

เพล้ง !

เฉินตงกระแทกถ้วยที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะอาหารอย่างแรง แล้วพูดออกมาด้วยความโมโห : “ประธานโจว มารบกวนเวลาอาหารของผมตั้งแต่เช้าแบบนี้ นี่นะหรือคือสิ่งที่คุณเรียกว่าเป็นการแสดงความขอโทษ ?”

โจวเย่นชิวเหมือนถูกฟ้าผ่า เขารีบปิดกล่องไม้ทันที

เมื่อคืนเขาจัดการเรื่องราวทุกอย่างจนเรียบร้อย ของที่อยู่ในกล่อง คือสิ่งที่เขาต้องการนำมาแสดงเป็นหลักฐาน เพื่อแสดงความขอโทษต่อเฉินตง

แต่เขา เขาเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง !

“เหอะๆ……ประธานโจว ความรู้สึกสำนึกผิดของคุณนั้น ผมพอจะสัมผัสได้ สิ่งที่คุณนำมาแสดงความขอโทษนี้ ถือว่าไม่เลว !”

เฉินตงลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ใบหน้าของเขาเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

โจวเย่นชิวรู้สึกขนลุกซู่ในทันที เหงื่อกาฬไหลอาบอยู่ทั่วหน้าผากของเขา

ขณะที่เขากำลังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นั้น แววตาของเขากลับแสดงความแน่วแน่ออกมา

เขากัดแก้มทั้งสองข้างเอาไว้แน่น จากนั้นจึงคุกเข่าทั้งสองข้างลงไปนั่งอยู่บนพื้น

“คุณเฉิน……ได้โปรดยกโทษให้ด้วย !”

“เป็นความผิดของผมเอง เป็นเพราะผมเลอะเลือน จึงคิดหักหลังทรยศ !”

“ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณเฉินด้วย ได้โปรดให้อภัยผมด้วย”

คำวิงวอนขอร้องดังต่อเนื่องออกมาจากปากของโจวเย่นชิวไม่หยุด

ถ้าหากคนอื่นมาเห็นเข้า คงจะต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

วีรุบุรุษของเมืองนี้ กลับต้องมาอยู่ในสภาพที่ต่ำต้อยเช่นนี้ ?

แต่โจวเย่นชิวกลับไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย

เขารู้ดีว่า การที่เฉินตงให้เขามาขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะต้องการจะคิดบัญชีเรื่องนี้เท่านั้น !

เฉินตงจ้องมองโจวเย่นชิวที่นั่งอยู่บนพื้นในท่าทีตื่นตระหนก ด้วยแววตาที่เย็นชา

พักใหญ่

เขาโบกมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : “พอแล้ว เอาของของคุณกลับไป แล้วออกไปจากที่นี่ได้แล้ว !”

“คุณเฉิน……” โจวเย่นชิวเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยความตกใจลังเล

ใบหน้าของเฉินตงยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับลมที่พัดออกมาจากป่าลึก : “ผิดครั้งสองครั้งพอให้อภัยได้ แต่อย่าให้มีครั้งที่สามอีก !”

“ขอบคุณครับคุณเฉิน !”

โจวเย่นชิวรีบอุ้มกล่องไม้เดินกลับออกไปด้วยท่าทีที่ยินดีปรีดา

หลังจากเขากลับไปแล้ว

ท่านหลงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มออกมา แล้วหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

“คุณชาย ตอนนี้กระดูกสันหลังของเขา ถูกคุณตีจนหักเรียบร้อยแล้ว !”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส : “ถ้าหากสุนัขจะแว้งกัดเจ้านาย ก็จะต้องตีกระดูกสันหลังของมันให้หัก มันถึงจะรู้ตัวว่า ใครคือสุนัข ใครคือเจ้าของ !”

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “การคุกเข่าของโจวเย่นชิวในครั้งนี้ คิดว่าต่อไปคงจะไม่กล้าขัดขืนคุณชายอีกแล้ว”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset