หลังจากนั้นสามชั่วโมง เครื่องบินลงจอดสู่พื้น
ถังเฉาหลินชิงเสว่ทั้งสี่เดินออกจากสนามบิน หลินจ้าวหยูนสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าลึกๆ พูดว่า “ก็ยังเป็นอากาศของหมิงจูที่หอม”
“เพราะอากาศของที่หมิงจูผ่อนคลาย”
หลินชิงเสว่พูดแก้
ถังเฉาฟังแล้วก็มีความรู้สึกอย่างนั้น
ถึงแม้เยี่ยนจิงจะดี มีประวัติยาวนาน แต่มันมีระบบระดับชั้นที่ล่วงล้ำไม่ได้ ตระกูลหลวงอยู่สูงส่ง ภายใต้ตระกูลหลวง ก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น
เทียบกันแล้ว อย่างน้อยหมิงจูก็ไม่ทำให้มีความรู้สึกหวาดระแวงอย่างนั้น
“กลับบ้านมาแล้วทั้งที ฉันก็ควรจะไปที่เมืองเจียงเฉิงได้แล้ว”
หลินจ้าวหยูนยืดตัวอย่างขี้เกียจ แต่คำพูดกลับเต็มไปด้วยพลัง
ถังเฉาคิดในใจ นี่คงจะเป็นเสน่ห์ที่มีอยู่ของหลินจ้าวหยูนแหละมั้ง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ไม่เคยมองไปในทางที่แย่
แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอไปทำงานคนเดียวหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน ฉันนัดพวกเพื่อนไว้แล้วละ”
หลินจ้าวหยูนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายก็รู้จัก ซูเซี่ย พวกเรามีพรหมลิขิตต่อกันมากเลยละ”
“ใช่หรอ?”
ถังเฉาพยักหน้ายิ้มๆ “งั้นก็ดีแล้วละ พอดีเลย ฉันกับพี่เธอจะไปบริษัทก่อน แล้วก็ไปบ้านของลุงเหลียง”
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเทศกาลของวันไหว้พระจันทร์ กว่าหูอีซานจะหาลูกสาวเขาเจอนั้นไม่ง่าย จะต้องพาเธอออกไปเที่ยวอย่างดีแน่ๆ
กลับถึงอาคารกั๋วจี้ เจิงเทียนเสียงก็เดินเข้ามาต้อนรับ และรายงานสถานการณ์ที่หมิงจูในสองวันนี้
“คุณถังครับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยครับ หลงเถิงกรุ๊ปเข้าสู่กระบวนการหลัก ลี่จิงกรุ๊ปก็ดำเนินโครงการก่อสร้างในเมือง ตระกูลซุน ตระกูลต่งและคนอื่นๆก็มาถามว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”
“ทางด้านตระกูลเศรษฐี ข่าวสารทางบ้านตระกูลซ่งมีน้อยหน่อย ทางตระกูลเหยียนก็ไม่มีอะไรเลย คนของตระกูลจ้าวและตระกูลหวางสองคนนั้น เหมือนว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรจะหาคุณครับ”
ถังเฉายีตา “ตระกูลหวาง?”
เด็กสาวบ้านตระกูลจ้าวคนนั้นเขารู้จัก คือ จ้าวเย็นหราน แล้วเด็กสาวบ้านตระกูลหวางคือใคร?
เจิงเทียนเสียงพูดตามจริงว่า “หวางเยี่ยนของตระกูลหวางครับ”
ถังเฉานึกขึ้นได้ในทันที ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองเจอกัน ก็คือหลังจากที่หวางหมิ่นเหมินตายที่ข้างทาง เธอกลับคิดว่าการตายของตระกูลหวางจะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเขา
ถึงแม้ความจริงจะเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ว่าเธอจะตรวจสอบยังไง ก็ไม่มีทางหาคำตอบเจอ
มีความยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามีมากเกินไป ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง
เขาเคยเตือนหวางเยี่ยนไม่เพียงแค่ครั้งเดียว ให้ระวังคนข้างกาย แต่ว่า เธอก็ไม่รู้อะไรเลย
“คุณถังครับ จะให้ผมแจ้งเธอมั้ยครับ?” เจิงเทียนเสียงถาม
ถังเฉาลังเลไปสักพัก แล้วพูดว่า “แจ้งไปให้หมดแล้วกัน แต่ฉันอาจจะไม่เข้าพบ”
“อีกอย่าง ให้ระวังตระกูลเหยียนให้มาก ฉันเตะเหยนยงลุงของเหยียนเสี้ยงหม่าออก พวกเขาไม่วางมือง่ายๆแน่”
“ครับ!”
เจิงเทียนเสียงตอบรับ จากนั้นก็จากไป
ถังเฉายืนอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่คนเดียว ยืนมองทิวทัศน์ของหมิงจู มองลึกลงไปในสายตา
ถึงแม้ว่าหมิงจูจะถูกเขาปรับแก้ไขไปไม่น้อยแล้ว แต่ว่าเขารู้สึกได้ว่า ในความมืดนั้นยังมีเคลื่อนไหว และก็น่ากลัวมากยิ่งกว่าตอนที่สี่ตระกูลยักษ์ใหญ่ยังอยู่
ทั้งหมด ก็เพราะเขา
ระบบหมิงจูเปลี่ยนไปก็เพราะเขา และชื่อเสียงของเขาที่อยู่ข้างนอก เป็นเพียงแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านของประธานคนหนึ่งเท่านั้น
ชื่อเสียงของคนนั้นสำคัญ พวกคนที่ไม่ยอมเขา ไม่มีทางที่จะยอมเขา
ไม่นาน หลี่ถาวเลขาประจำห้องทำงานท่านประธานก็เข้ามา เอาสัญญาหนาๆมาฉบับหนึ่ง
“ท่านประธานถังคะ ท่านประธานหลินบอกว่า อนุญาตให้ห้องทำงานของคุณอยู่ที่นี่ และให้คุณรับผิดชอบแผนกกระทรวงการค้า นี่คือรายชื่อของแผนกค่ะ”
ถังเฉาพูดขอบคุณ จากนั้นก็เปิดดูผ่านๆ และก็ยิ้มขมขื่น
ธุรกิจทั้งหมด ก็แค่เขาพูดประโยคเดียว ไม่ต้องให้เขามากังวลใจ
แต่ว่าหนึ่งในรายชื่อดึงดูดความสนใจจากเขา
หลินฉ่ายเวย
เธอเข้าทำงานที่ลี่จิงกรุ๊ปแล้วจริงๆ
ลังเลสักนิด ถังเฉาก็ชี้ชื่อนี้แล้วถามหลี่ถาวว่า “เธอไม่ใช่ควรจะได้ทำงานอยู่ที่หลงเถิงกรุ๊ปหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
ก่อนหน้านี้ที่หลงเถิงกรุ๊ปยังมีซ่งเทียนซานปกครอง เขาก็ชวนเอาคนในตระกูลหลินไปจนหมดรวมทั้งหลินฉ่ายเวย ที่ผ่านมา เธอรับตำแหน่งอยู่ที่หลงเถิงกรุ๊ปมาเสมอ
หลี่ถาวพูดตามจริง “เธอลาออกจากหลงเถิงกรุ๊ปแล้วค่ะ เหตุผลคือไม่อยากทำงานภายใต้กำมือของพ่อตัวเอง เธอมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อผู้อื่น เธอเลยกะว่าจะเริ่มทำตั้งแต่งานชั้นล่างไป”
“เพียงแต่ว่า เพราะมาใหม่ จึงถูกหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่ตลอด”
“อย่างนี้นี่เอง”
สาวตาถังเฉาเปลี่ยนเป็นอบอุ่น การเปลี่ยนแปลงของหลินฉ่ายเวย เขาเห็นอยู่ในสายตาตลอด
“แผนกการค้าต่างประเทศอยู่ที่ไหน ฉันไปหาเธอสักหน่อย”
ถังเฉายืนขึ้นและถามไป
“เชิญตามฉันมาค่ะ”
หลี่ถาวพูดแล้วก็เดินออกจากห้องทำงาน
ระหว่างที่ลิฟต์กำลังลง หญิงสาวอวบคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นถังเฉา สายตาก็ปรากฏความตกใจให้เห็น “โอ๊ะ นี่มันประธานถังไม่ใช่หรอ? ไปฮันนีมูนกับประธานหลินกลับมาแล้วหรอ?”
คนนั้นก็คือ เฉิงเพ่ย
ถังเฉาสายตานิ่งเฉย แกล้งทำเป็นฟังคำประชดของเธอไม่ออก
หลี่ถาวเองก็หน้าตาเย็นชา “ประธานเฉิงคะ ทุกคนล้วนอยู่บริษัทเดียวกัน ยังไงก็ต้องได้เจอหน้ากัน อย่าทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ขนาดนั้นเลยค่ะ”
เฉิงเพ่ยอึ้งไปนิด จากนั้นก็หัวเราะเยาะเบาๆ “สิ่งที่เลขาหลี่พูดฉันรู้อยู่แล้ว นี่ฉันก็มาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประธานถังแล้วนี่ไง?”
ตอนนี้ถังเฉาถึงได้มองเฉิงเพ่ย “มีเรื่องมั้ย?”
“คำนี้ก็พูดซะห่างเหินไปแล้ว”
เฉิงเพ่ยหัวเราะ “ฉันมาหาประธานถัง ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แค่อยากจะมาหาคุณ แผนกที่รองประธานอย่างเราทั้งสองได้ดูแล สลับกันสักหน่อย”
ถังเฉารู้ในทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร แผนกการค้าต่างประเทศมีกำไรมาก แน่นอนว่าก็มีกำไรให้หา
เขารีบโบกมือ “เรื่องนี้ผมตัดสินใจไม่ได้ คุณไปคุยกับประธานหลินเองแล้วกัน”
เฉิงเพ่ยสีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห ถ้าคุยกับเธอได้จะต้องมาหานาวหรอ?
แต่เพราะตอนนี้ต้องขอร้องคนเขา ทำได้แค่ใจเย็น “นี่ก็เพราะฉันและประธานหลินไม่เกี่ยวข้องกันไงคะ เราต่างก็เป็นนักธุรกิจ มีกำไรก็ดีแล้ว เพียงแค่คุณตกลง ฉันสามารถให้เงินปันผลท้ายปีของทุกปีแบ่งให้คุณ 30% เลย!”
การค้าต่างประเทศถือเป็นเส้นชีวิตของบริษัทหนึ่ง ถ้าหากได้ครอบครอง ถึงแม้จะเป็นหลินชิงเสว่ ก็มายุ่งกับเธอไม่ได้ ดังนั้น เธอยอมที่จะแบ่งเงินปันผล 30% ให้ถังเฉา ก็ต้องได้มันมา
ตามหุ้นที่เธอมีในบริษัท 30% ก็เท่ากับ 300 ล้านแล้ว ในตอนที่เธอคิดว่าถังเฉาจะต้องตอบตกลงแน่ แต่ถังเฉากลับมองเธอเหมือนกับมองคนโง่
“ฉันขาดแคลนเงินแค่นั้นหรอ?”
เมื่อประโยคนี้ออกมา เฉิงเพ่ยก็ถลึงตาโต ไม่คิดเลยว่าถังเฉาจะปฏิเสธ
ติ๊ง…..
ในตอนนี้เอง ลิฟต์ไม่ขยับแล้ว หลี่ถาวมองเฉิงเพ่ย แล้วพูดว่า “ประธานถังคะ ถึงแผนกการค้าต่างประเทศแล้วค่ะ”
ถังเฉาไม่มองเธอสักนิด เดินผ่านตัวเธอออกไป และเพราะทางคับแคบ ไหล่ของถังเฉาก็ขนเธอเข้าอย่างแรงทีหนึ่ง
ตอนนั้น เฉิงเพ่ยเกือบจะล้มลง และยึดตัวไว้อย่างน่าเวทนา ในที่สุดสีหน้าบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นโมโห
“ให้เกียรติแล้วไม่รับใช่มั้ย ในเมื่อไม่ตกลง งั้นนายก็ไปเป็นคนไร้พวกซะเถอะ!”
เฉิงเพ่ยยิ้มเยาะ คนในแผนกการค้าต่างประเทศส่วนใหญ่เธอนั้นมีบุญคุณด้วย เธอไม่เชื่อว่าถังเฉาจะควบคุมดูแลได้
อีกด้าน ถังเฉาเดินมาถึงการค้าต่างประเทศภายใต้การชี้นำของหลี่ถาว
เพิ่งจะเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอำนาจฟาดมือตบลงบนใบหน้าของผู้หญิงอีกคนอย่างหนัก
หญิงสาวหน้าตาสวย และน่ารัก นั่นก็คือ หลินฉ่ายเวย