บทที่ 76 เหมือนเทพเจ้า
“สวัสดีครับ เถ้าแก่ใหญ่!”
หลัวปู้โค้งคำนับให้ถังเฉา ร่างกายตั้งฉากกับพื้นเก้าสิบองศา แสดงถึงความเคารพมาก
ตึกตัก ๆ!
ฉางหงเทียนซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรรู้สึกกลัวมากที่เห็นภาพนี้ เข่าของเขาอ่อนแรงลง และนั่งลงบนพื้น
ประธานหลัว เป็นรับผิดชอบดูแลธุรกิจทั้งหมดของสมาคมการค้าหงยิงแถวเจียงเจ้อหู้(ประกอบด้วยมณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียงและเมืองเซี่ยงไฮ้ สองมณฑลกับหนึ่งเมือง) กลับก้มหัวให้ชายหนุ่มคนหนึ่ง? ชายหนุ่มคนนี้ มีฐานะภูมิหลังอะไร?
ฉางหงเทียนสงสัยว่าช่วงนี้ตนเองเหนื่อยจากการทำงานหนัก ขยี้ตาตนเอง แล้วจิกตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็ดูอย่างตั้งใจอีกครั้ง
หลัวปู้ยังคงโค้งคำนับ ด้วยความเคารพอยู่
เพลี้ยง!
ฉางหงเทียนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า พยายามอย่างยิ่งที่จะเห็นรูปลักษณ์ของชายหนุ่มคนนั้น
แต่ว่า สนามบินเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บวกกับหลัวปู้ปังอยู่ สักครู่ร่างของถังเฉากับหลัวปู้ก็หายไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
“ลุกขึ้นเถอะ” ถังเฉากล่าวอย่างเรียบ ๆ
“ขอบคุณเถ้าแก่ใหญ่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลัวปู้ถึงกล้ายืนตัวตรง ในขณะเดียวกันเขาก็มองดูเจ้านายใหญ่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างระมัดระวัง
ความรู้สึกแรกพบ คือหนุ่มมาก
หนุ่มมากเลย
แต่ว่า ดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว มันลึกซึ้ง ทำให้คนไม่สามารถคาดเดาความคิดได้
หลังจากขึ้นรถ หลัวปู้จึงบอกจุดประสงค์ที่เขามาเมืองหมิงจูในครั้งนี้
“เถ้าแก่ใหญ่ ผมถูกส่งมาโดยคุณบ้าการค้าเพื่อมาช่วยเหลือคุณ นับจากนี้ต่อไปหากมีอะไรให้ผมช่วย คุณสั่งมาได้เลย นี่คือนามบัตรของผม มีข้อมูลติดต่อของผมอยู่”
หลัวปู้ใช้สองมือยื่นนามบัตรมาหนึ่งใบ
ถังเฉามองแวบหนึ่ง แล้วหยิบใส่กระเป๋า ยิ้มบาง ๆแล้วพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “หลัวปู้ โอเค ผมจำไว้แล้ว”
หลัวปู้รู้สึกได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาด นี่คือเถ้าแก่ใหญ่ที่คนใหญ่คนโตของบ้าการค้าให้ความเคารพ ถ้าหากเถ้าแก่ใหญ่จำตนเองได้ อนาคตของตนเองต้องสดใสรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน
ได้ยินถังเฉาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าไป ตอนนี้มีสองเรื่องที่จะรบกวนคุณ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวปู้รู้สึกดีใจมาก แล้วถามว่า “เถ้าแก่ใหญ่ เชิญคุณพูดมาเลยครับ”
หากมีคนขอความช่วยเหลือจากเขา หลัวปู้อาจจะไม่ได้มองแม้แต่สักวินาทีเดียว แต่คนนี้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ มันแตกต่างกัน
เขามีความปรารถนาที่จะช่วยถังเฉาทุกวัน เพื่อสร้างความประทับใจให้ถังเฉาจดจำตนเองให้มากยิ่งขึ้น
ถังเฉาบอกเรื่องหาสปอนเซอร์สนับสนุนให้เขาทราบ เมื่อหลัวปู้ฟังจบ ก็รู้สึกตะลึง แล้วกล่าวว่า “เรื่องแค่นี้เหรอครับ?”
ถังเฉายิ้มแล้วพยักหน้า หลัวปู้หัวเราะเสียงดังทันที “ฮ่า ๆ เรื่องนี้เรื่องเล็ก ไม่ถือเป็นเรื่องได้หรอก เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
“แล้วเรื่องที่สอง?”
ถังครุ่นคิดอยู่สักครู่แล้วกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าสมาคมการค้าหงยิง ยังมีโควตาสมาชิกว่างหรือไม่? ผมมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งต้องการเข้าร่วมสมาคมการค้าหงยิง”
ครั้งนี้ หลัวปู้เงียบอยู่สักพักใหญ่ แล้วจึงตอบว่า “เถ้าแก่ใหญ่ พูดตามตรง ไม่ใช่ว่าใคร ๆก็สามารถเข้าร่วมสมาคมการค้าหงยิงได้ ไม่เพียงแต่พิจารณาทรัพย์สิน ให้ความสำคัญกับคอนเนคชั่น คะแนนที่ครอบคลุมอยู่ระดับ S ขึ้นไปเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม เพื่อนของคุณคนนั้น มีอิทธิพลของเขาในเมืองหมิงจูมากน้อยเพียงใด?”
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ให้คำตอบตามวัตถุประสงค์ “น่าจะถือว่าไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าหูอีซาน”
แม้ว่าเจิงเทียนเสียงจะช่วยตนเองทำงาน แต่ก็ไม่ควรช่วยเหลือคนของตัวเองอย่างชัดเจน แค่ช่วยเขาพูดสักนิด ยังได้อยู่
“งั้นตกลง เถ้าแก่ใหญ่ เพื่อนของคุณคนนั้นอยู่ที่ไหน ผมจะไปพบเขาสักครั้ง”
ถังเฉาได้แจ้งเจิงเทียนเสียงแล้ว ให้เขาเตรียมตัวดี ๆ หลังจากนั้นก็ไปที่ชั้นบนสุดของอาคารกั๋วจี้
เจิงเทียนเสียงมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นถังเฉากับหลัวปู้เดินเข้ามา เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้มทันที “คุณถัง ท่านนี้คือ……….”
“ผมคือหลัวปู้”
เนื่องจากเจิงเทียนเสียงเป็นคนของถังเฉา ฉะนั้นหลัวปู้จึงให้เกียรติเขา
เจิงเทียนเสียงขมวดคิ้ว หลัวปู้ ชื่อนี้เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยตื่นเต้น เป็นเรื่องยากกว่าจะพูดออกมาหนึ่งประโยค
“คุณ……..คุณคือ……….”
“ผู้รับผิดชอบของสมาคมการค้าหงยิง?!”
หลัวปู้ยิ้มและพยักหน้าให้เขา เขาเคยเห็นผู้คนที่ตื่นเต้นมากเช่นนี้มากมาย
“คุณถัง—-”
เจิงเทียนเสียงดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาหันกลับไปอย่างกะทันหัน แล้วมองไปที่ถังเฉาแวบหนึ่ง
สายตานั้นมีความรู้สึกมากมาย รู้สึกขอบคุณ รู้สึกตกใจ และยังมี………ความภักดี
ถังเฉายิ้มบาง ๆ แล้วโบกมือให้เขา
หลัวปู้เดินเข้าไปที่สำนักงานของเจิงเทียนเสียง จากนั้น เขาจะทำการประเมินเจิงเทียนเสียง เพื่อพิจารณาว่าเขาเหมาะสมที่จะเข้าสู่ สมาคมการค้าหงยิงหรือไม่
จากนั้น เหลือเพียงถังเฉาและเฟิ่งหวงในทางเดินที่เงียบสงบ
ถังเฉายืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง มองวิวกลางคืนที่มืดเงียบสงบ
เฟิ่งหวงมายืนข้างกายถังเฉา มองวิวกลางคืนที่มืดเงียบสงบด้วยกัน
“รองหัวหน้า เมื่อสักครู่ สายตาที่เขามองคุณ เหมือนกับมองเทพเจ้า”
ผ่านไปครู่ใหญ่ เฟิ่งหวงละสายตา ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเฉาเบ้ปากแล้วหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ผมไม่ใช่เทพเจ้า”
“แต่สำหรับใครบางคน คุณใช่”
เฟิ่งหวงพูดอย่างดื้อรั้นว่า “พวกเรากับพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน คุณนั่งกับพวกเขา และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขา ฉะนั้นคุณถึงไม่รู้สึกแปลก เพราะคุณเคยเป็นคนธรรมดา และเพราะความไม่รู้ของพวกเขา บางครั้ง ความไม่รู้ก็เป็นความสุขชนิดหนึ่ง”
“ใช่ ความไม่รู้ก็เป็นความสุขชนิดหนึ่ง……”
ถังเฉามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ดวงจันทร์สว่างไสว หัวเราะเบา ๆแล้วกล่าวว่า “ดังนั้น เพื่อนของฉันพวกเขาทุกคนมีชีวิตที่ดีมาก และศัตรูของฉัน—– ป่านี้หญ้าบนหลุมฝังศพสูงถึงสามเมตรแล้ว”
……
หลังจากเจิงเทียนเสียงเดินออกมาจากสำนักงาน เหมือนว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนล่ะคน
ใบหน้าแดงเลือดฝาด และเปล่งปลั่ง ราวกับว่าค้นพบแรงบันดาลใจเหมือนตอนเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ
เดิมเขาอยากจะรั้งหลัวปู้ทานข้าวเย็น แต่หลัวปู้ปฏิเสธ
เจิงเทียนเสียงก็ไม่กังวล หลังจากส่งหลัวปู้ขึ้นรถแล้ว เขาก็กลับมาที่สำนักงานอีกครั้ง
เขามองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหมิงจู อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คืนนี้วิวทิวทัศน์สวยงามมาก”
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สมาคมการค้าหงยิงมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ทั้งหมดนี้ ได้รับจากบุคคลนั้น
แม้แต่เจิงเทียนเสียงเองก็ไม่ได้ตระหนักว่า เมื่อก่อนเขาเพียงแค่บูชาและเคารพถังเฉาเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขามีความเชื่อมั่นโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆทั้งสิ้น
เขาเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ทำให้คนเลื่อมใส —-
ปัง!
ขณะที่เจิงเทียนเสียงอยู่ในโลกของตัวเอง ประตูสำนักงานก็เปิดออกอย่างรุนแรง
ซ่งเทียนซานเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม และใช้มือทั้งสองข้างตบโต๊ะของเจิงเทียนเสียงด้วยความโกรธ “เจิงเทียนเสียง คุณได้กินหัวใจหมีดีเสือดาวเหรอ? ถึงได้มีความกล้ามาแทรกแซงธุรกิจบริษัทหลงเถิงของฉัน?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจิงเทียนเสียงหายไปทันที ดวงตาของเขาหรี่ลงแฝงด้วยความอันตราย “ซ่งเทียนซาน คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังคุยอยู่กับใคร?”
เมื่อซ่งเทียนซานได้ยินเช่นนี้ เขาก็โกรธและยิ้มเยาะ “ยังเสแสร้งอีก? ฉันถามคุณ คนตระกูลหลินที่ฉันเพิ่งคัดเลือกมาเมื่อวาน คุณแอบใช้เล่ห์เหลี่ยมอย่างลับๆ ย้ายพวกเขาไปตำแหน่งระดับล่างสุดใช่ไหม?”
“แล้วยังไงล่ะ?”
เจิงเทียนเสียงสีหน้าเย็นชา แล้วก็พูดอย่างมีเหตุผลอย่างฉะฉาน “พวกเขาเป็นพนักงานใหม่ พนักงานเข้ามาใหม่ก็ได้เป็นหัวหน้าทันที? แล้วพนักงานเก่าแก่จะคิดอย่างไร?
“นั่นคือการตัดสินใจของฉัน!”
เมื่อเห็นว่าเจิงเทียนเสียงกล้าที่จะต่อต้านตนเอง ดวงตาของซ่งเทียนซานก็ฉายแววเย็นชาทันที “คุณไม่ได้เป็นเจ้าของอาคารกั๋วจี้อีกต่อไป และในมือคุณก็ไม่มีโครงการใหญ่ ๆอะไรอยู่ การล่วงเกินตระกูลซ่ง คุณรู้ไหมว่าจะมีจุดจบอย่างไร?”
“อ้อ เพราะผมไม่ใช่เจ้าของอาคารกั๋วจี้แล้ว ฉะนั้นคุณจึงกล้ามาข่มขู่ผม”
เจิงเทียนเสียงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ มีออร่าอันทรงพลังถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายเขา
ตุ้บ—–
เขาโยนสัญญาหนา ๆไปกระแทกหน้าของซ่งเทียนซาน “เบิ่งตาสุนัขของคุณให้กว้างแล้วมองให้ละเอียด ว่านี่คืออะไร?”
ซ่งเทียนซานเคยสงสัยว่าเจิงเทียนเสียงไม่ได้เจ้าของอาคารกั๋วจี้แล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังกล้าที่จะเป็นปรปักษ์กับตัวเอง หลังจากนั้น เมื่อเขาดูสัญลักษณ์บนกระดาษ สีหน้าซ่งเทียนซานยิ่งอยู่ยิ่งดูแย่ลง
“คุณเป็นสมาชิกสมาคมการค้าหงยิงได้อย่างไร?!”