วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้คนดีใจก็คือการให้ในสิ่งที่เขาต้องการ ยังไงก็ตาม เราจะต้องไม่ใจดีเกินไปจนคนอื่นคิดว่าเราเป็นไอโง่
เกรเทลได้ทำการสืบเรื่องของลิงค์อย่างละเอียดก่อนที่เธอจะมาถึง หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก ก็มีความคิดนึงเข้ามาในหัวของเธอ
เธอพูด “ลิงค์ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับเวทย์มิติ ถ้าเกิดว่าข้าคิดไม่ผิด เจ้ากำลังเขียนวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องกับกฎของมิติอยู่ใช่ไหม?”
ลิงค์มองเกรเทลด้วยสีหน้าสับสน เขาไม่เข้าใจเจตนาของเธอ แต่ถึงยังไงนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจำเป็นต้องปิดบัง เขาพยักหน้าแล้วพูด “ใช่ครับ ”
“ขอข้าดูแบบร่างของมันหน่อยสิ?”
ลิงค์รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้
เขาจำได้ว่าภายในเกม, เกรเทลเป็นผู้เชี่ยวชาญเวทย์มิติ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ชนเผ่ามังกรนั้นเป็นที่รู้จักกันว่ามีพรสวรรค์ในเวทย์มิติ และหลักฐานก็คือหมอกวงกตที่ปกคลุมหุบเขามังกรอยู่
จุดประสงค์ของเธอก็คือการแนะนำการเขียนวิทยานิพนธ์ให้กับเขา!
“ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ” ลิงค์พูด
จากนั้น ลิงค์ก็หยิบวิทยานิพนธ์ของเขาออกมา วิทยานิพนธ์เล่มนี้หนากว่าเล่มที่เขาเคยแสดงให้มิลด้าดู ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเขียนมันเพิ่ม
ลิงค์ไม่ได้ยอมแพ้เรื่องการวิจัยมิติ เขามักจะค้นคว้ามันในตอนที่เขามีเวลาว่าง ตอนนี้มันมีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 20 หน้า
เกรเทลศึกษาวิทยานิพนธ์อย่างละเอียด ในตอนแรก เธออ่านมันอย่างสบายๆ และให้ความคิดเห็นบางจุดตามปกติ การวิเคราะห์ของเธอนั้นเจาะจงและมีคุณค่า แต่ละส่วนของมันสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆให้ลิงค์อย่างมากมาย
ความเร็วในการอ่านของเธอนั้นลดลงหลังจากที่เธออ่านไปถึงกลางเล่ม เธอใช้เวลา 2 นาทีต่อ 1 หน้า ยังไงก็ตาม การวิเคราะห์ของเธอก็ยิ่งลึกและประณีตขึ้นตามด้วย ลิงค์สามารถเข้าใจพวกมันได้แค่บางส่วนเท่านั้น เขาจดบันทึกในส่วนที่ไม่เข้าใจเอาไว้เพื่อการค้นคว้าในอนาคต
วิทยานิพนธ์นั้นมีทั้งหมด 150 หน้า และมีอย่างน้อย 20 หน้า, ที่ความเร็วในการอ่านของเกรเทลลดลงไปอย่างมาก เธอใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงในการอ่านหน้านึง และพอถึงหน้าที่ 2 นับจากท้าย เธอก็อุทานออกมา “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาได้ถึงระดับนี้แล้ว นี่มันเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนมากๆของวิทยานิพนธ์เล่มนี้ ข้าขอเวลาคิดก่อนพักนึงนะ, แล้วเดี๋ยวข้าจะแนะนำให้ เอาแบบนี้เป็นไง ในระหว่างที่ข้าอ่านวิทยานิพนธ์ของเจ้า, เจ้าก็ไปทำธุระของเจ้าเถอะ แล้วข้าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้พร้อมกับคำแนะนำที่มากกว่านี้”
“ถ้าได้แบบนั้นก็ดีเลยครับ”
จากนั้นเกรเทลก็เดินออกไปพร้อมกับวิทยานิพนธ์ ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์เองก็อ่านหนังสือเครื่องรางต่อ และพอเขาไปถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ เขาก็จะหันกลับมาที่วิทยานิพนธ์ของเขาและเขียนมันต่อ
เกรเทลมาเร็วมากในเช้าวันต่อมา เธอพาเฟลิน่ามาด้วย เฟลิน่านั้นหายดีแล้ว หลังจากที่ราชินีมังกรแดงได้พูดคุยเรื่องบางอย่างกับลิงค์, เธอก็จะออกจากหุบเขามังกรไปพร้อมกับลิงค์และนานะเพื่อตามหาเทพที่ถูกเนรเทศ
เฟลิน่านั้นเป็นผู้หญิงที่สวยและน่าดึงดูด เธอเป็นที่ชวนจับจ้องอย่างไม่ต้องสงสัย ยังไงก็ตาม เมื่อเธอมายืนอยู่ข้างกับราชินีมังกรแดง ความเปล่งประกายของเธอก็ดูหมองลงไปในทันที
เกรเทลนั้นเป็นเหมือนกับแม่เหล็ก, ดึงดูดทุกความสนใจมาอยู่ที่เธอ
โดยปกติแล้ว การดึงดูดนี้มันเป็นแค่สัญชาติญาณเท่านั้น สายตาของลิงค์เผลอมองไปที่เกรเทลแปปนึงก่อนที่เขาจะได้สติ หลังจากที่ทักทายเกรเทล เขาก็มองเฟลิน่าด้วยความเป็นห่วง แล้วถาม “เธอยังดูโทรมอยู่เลย อยากพักผ่อนเพิ่มอีกสักสองสามวันไหม?”
เฟลิน่ายิ้มอย่างขอบคุณและพูด “ไม่จำเป็นหรอก องค์ราชินีได้ช่วยรักษาแผลของข้าด้วยตัวเอง ข้ารู้สึกดีกว่าทุกครั้งซะอีก”
“ถ้างั้นก็เยี่ยมไปเลย” ลิงค์พึมพำ แต่ภายในใจของเขา เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหยุดพักระหว่างทางบ่อยขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระของเฟลิน่า
เกรเทลแค่ยิ้มออกมาและรอให้การสนทนาของพวกเขาจบลง จากนั้น เธอก็คืนวิทยานิพนธ์ให้ลิงค์และให้ข้อคิดเห็น “ข้าต้องบอกเลยว่าความคิดของเจ้ามันซับซ้อนและแปลกใหม่มากๆ หลายๆทฤษฏีที่เจ้าใส่ลงไปในนั้นเป็นแบบดั้งเดิมและประณีตมาก ข้าพยายามเติมเต็มมันอย่างถึงที่สุดแล้ว หวังว่าพวกมันคงจะช่วยเจ้าได้บ้างนะ”
ความดูถูกเหยียดหยามของเธอที่มีต่อมนุษย์คนนี้ได้หายไปหมดแล้ว ในตอนนี้เธอมองว่าลิงค์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถพูดคุยกับเธอได้อย่างเท่าเทียมกัน
ลิงค์รับวิทยานิพนธ์คืนมาและเปิดดูมันผ่านๆ เขาสังเกตุเห็นว่ามันมีหน้าเพิ่มมาอีก 5 หน้า จากนั้นเขาก็อ่านในส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้วตกใจที่เขาสามารถทำความเข้าใจได้แค่บางส่วนเท่านั้น นี่ทำให้ความสงสัยของเขาไปถึงจุดขีดสุดและทำให้เขาอ่านมันอย่างละเอียด ณ ตรงนี้เลย ในระหว่างที่เขาอ่าน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น และในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองให้ทุบโต๊ะด้วยความดีใจได้
ลิงค์นึกขึ้นได้ว่าเขาสูญเสียความเยือกเย็นไป เขาจึงพูดออกมา “ขอโทษนะครับ, องค์ราชินี สมการเวทมนตร์พวกนี้ประณีตมาก มันส่องประกายเหมือนกับดวงดาวบนฟากฟ้าเลย!”
จากนั้นเกรเทลก็ยิ้มและดูเหมือนว่าเธอจะส่องประกายยิ่งกว่าเดิมอีก
เธอไม่ได้รู้สึกอะไรในตอนที่มีคนชื่นชมรูปร่างของเธอ เธอคุ้นเคยกับการชื่นชมแบบผิวเผินพวกนี้แล้วหลังจากที่มีชีวิตอยู่มาเกือบ 2,000 ปี ถ้าเกิดว่ามีใครบางคนมาจ้องหน้าของเธอนานๆ เธอก็จะรู้สึกขยะแขยงและรำคาญ ยังไงก็ตาม เธอรู้สึกประสบความสำเร็จและมีคุณค่าเมื่อลิงค์ชื่นชมสติปัญญาและความรู้ของเธอ
และยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์คนนี้ยังรู้ขอบเขตของเขาด้วย เขาจ้องมาที่เธอแค่แปปเดียวก่อนที่จะเบือนสายตาหนี แถมเขายังปฏิบัติกับเฟลิน่าด้วยความเคารพอีกด้วย
จากนั้นเกรเทลก็ตอบ “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่เจ้าชอบมันนะ”
เฟลิน่าเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เธอมองสับไปสับมาระหว่างลิงค์กับเกรเทลด้วยความสงสัย เธอสงสัยว่าลิงค์ทำอะไรลงไป, ทำไมราชินีถึงได้มีความสุขนัก
การตายและการทรยศของดยุคทั้ง 3 กับการพังทลายลงของตราชั่งสมดุลนั้นน่าจะทำให้เธอโศกเศร้าอย่างมาก ยังไงก็ตาม เกรเทลนั้นกลับทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย
ในอีกด้านหนึ่ง ลิงค์รู้ว่าพวกเขากำลังจะต้องออกเดินทางแล้วและนี่ก็คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้รับคำแนะนำอันมีค่าจากเกรเทล ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสนี้ปรึกษากับนักเวทย์มิติผู้เชี่ยวชาญคนนี้
และด้วยความที่เกรเทลกำลังอารมณ์ดีมากๆ เธอจึงตอบเขาอย่างอดทน
มีเนื้อหาบางส่วนที่เกิดการถกเถียงกัน และลิงค์ก็จะถามหาข้อสรุปจากเกรเทล ซึ่งเขาจะโต้เถียงโดยอิงพื้นฐานจากเหตุผลและการวิเคราะห์อย่างแม่นยำล้วนๆ และมันก็ยังเหมือนเดิม ความคิดของเขานั้นเฉียบคมและมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดคำถามที่เฉียบแหลม เกรเทลต้องใช้เวลาในการคิดอยู่นานก่อนที่เธอจะสามารถตอบคำถามเขาได้
การถกเถียงเกือบทั้งหมดนั้น ลิงค์เป็นคนผิดตลอดเลย ยังไงก็ตาม มีอยู่สองจุดที่เกรเทลเองก็ผิดพลาดเช่นกัน
“นี่ข้าผิดได้ยังไงกันเนี่ย?” เกรเทลตกใจ เธอร่ำเรียนเวทมนตร์มา 2,000 ปีและได้พัฒนาจิตใจให้แข็งแกร่งมากๆ ดังนั้น, พอมาคิดว่าขุมสมบัติแห่งความรู้ที่เธอฝึกมานานหลายปีเกิดข้อผิดพลาด! และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังได้รับการแก้ไขจากมนุษย์ด้วย! เธอคงได้พบกับคู่ปรับของเธอเข้าจริงๆแล้ว
พวกเขาทั้งสองคนเอาแต่ถกเถียงกันไปมาจนลืมเวลาไปเลย ในบางครั้ง พวกเขาจะตกอยู่ในความเงียบเพื่อคิดเรื่องสมการเวทมนตร์ และเมื่อการถกเถียงรุนแรงขึ้น พวกเขาก็จะตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อยืนยันความคิดของตัวเอง เฟลิน่าเฝ้ามองเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความสับสน
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเป็นวันที่ลิงค์ควรจะออกเดินทาง
มีแค่เกรเทลเท่านั้นที่ได้สติกลับมาเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ยังไงก็ตาม เธอยังรู้สึกอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ให้มากกว่านี้ หลังจากคิดอยู่พักนึง เธอก็พูด “เฟลิน่า ทำไมเจ้าไม่พักผ่อนอีกซักสองสามวันหล่ะ?”
“เข้าใจแล้วค่ะ, องค์ราชินี” เฟลิน่ากำลังจะบอกกับพวกเขาว่าเวลาไม่มีแล้ว แต่ในตอนนั้นเองเธอก็เห็นดวงตาที่เปล่งประกายของเกรเทล มันหายากมากที่เกรเทลจะเจออะไรที่ทำให้รู้สึกสนใจจนหัวใจของเธอหลุดพ้นจากความโศกเศร้า เฟลิน่าไม่กล้าที่จะชิงความสุขไปจากเธอและทำได้แค่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากนั้น เกรเทลก็หันกลับมามองลิงค์แล้วพูด “ถึงแม้ว่า สมมุติฐานในเรื่องทฤษฏีการขยายมิติทับซ้อนของเจ้าจะซับซ้อนมากๆ แต่มันก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่ ข้ายังไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหานั้นอยู่ตรงไหน แต่ว่ามันต้องผิดอย่างแน่นอน คืนนี้แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะพิสูจน์มันให้เจ้าได้เห็นภายในเช้าวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน!”
ลิงค์จะกลายเป็นคนบ้าเมื่อมันเป็นเรื่องเวทมนตร์ เขาเอาแต่ยึดติดกับการพูดคุยเรื่องนี้ เขาลืมไปแล้วว่าเกรเทลเป็นถึงราชินีของมังกรแดงและพูดแย้ง “ผมไม่คิดว่ามันมีปัญหานะ! ผมเองก็จะพิสูจน์มันให้คุณได้เห็นเหมือนกัน!”
“เหอะ ไม่เห็นต้องหัวแข็งขนาดนั้นเลยนี่ พรุ่งนี้พวกเราจะได้เห็นดีกันอย่างแน่นอน!” เกรเทลจ้องเขาตาเขม็งก่อนที่จะออกไป
หลังจากนั้นลิงค์ก็ใช้ช่วงเวลาที่เหลือในการพักผ่อน ราชินีมังกรแดงเป็นบุคคลระดับตำนานและแทบไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเลย ยังไงก็ตาม เขานั้นยังคงเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการที่ต้องใช้สมองพูดคุยกันมาตลอดทั้งวัน แต่ถึงยังไง, เขาก็ยังคงดึงดันที่จะหาโอกาสพูดคุยเรื่องเวทมนตร์กับบุคคลอันแข็งแกร่งที่ไม่ได้พบเจอได้บ่อยๆ
เช้าวันต่อมา เกรเทลก็มาเคาะประตูห้องเขาตอนเช้าตรู่ เธอตะโกน “ลิงค์ ตื่นได้แล้ว สัญชาตญาณของข้าถูกจริงๆด้วย! สมการของเจ้ามันผิดพลาด!”
ปัง! เสียงเคาะประตูดังไปทั่วห้อง ทำให้ลิงค์สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ
“นานะ เปิดประตูให้ทีสิ”
หลังจากการหาวฟอดใหญ่ ลิงค์ก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับดวงตาสลึมสลือ จากนั้นเขาก็ดูนาฬิกาแล้วรู้ว่านี่มันพึ่งจะตี 4 เอง เขาได้นอนไปแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น
จากนั้นเขาก็เอามือวางบนหัวแล้วนั่งนิ่งๆอยู่บนเตียง เขายังคงรู้สึกได้ถึงอาการปวดหัวและความเหน็ดเหนื่อยจากการพูดคุยกันเมื่อวาน
จากนั้นเกรเทลก็เดินมาอยู่ข้างหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น เธอพูด “ลิงค์ ลิงค์…อ๋อ ร่างกายของมนุษย์ยังคงอ่อนแอเกินไปสินะ”
ท่าทีของลิงค์ทำให้อารมณ์และความตื่นเต้นของเธอหมดไป เธอไม่ได้พักเลยหลังจากที่ออกไปจากห้องของลิงค์เพราะว่ามันไม่จำเป็นสำหรับเธอ เธอทำงานตลอดทั้งคืนและในที่สุดเธอก็พบจุดบกพร่องของสมการ เธอไม่สามารถห้ามความตื่นเต้นนี้เอาไว้ได้และรีบวิ่งตรงมาบอกให้ลิงค์รู้ในทันที เธอนั้นไม่เคยคิดเลยว่าลิงค์กำลังพักผ่อนอยู่ ซึ่งนี่มันแย่มากq
แม้ว่าเธอจะชนะการโต้เถียงเรื่องความรู้นี้ แต่เธอก็คงไม่รู้สึกว่าเธอประสบความสำเร็จ
มันจะน่าพึงพอใจกว่าหากพวกเขาทั้งคู่ได้พยายามอย่างถึงที่สุด เพราะความคิดของพวกเขาจะหมุนอย่างรวดเร็ว จุดประกายข้อโต้แย้งอันชาญฉลาดและการพูดคุยกัน มีเพียงแค่การพูดคุยกันเท่านั้นที่จะทำให้จิตใจของเธอหลุดพ้นจากความโศกเศร้าที่เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน
ยังไงก็ตาม ไม่มีใครในชนเผ่ามังกรที่สามารถเติมเต็มความปรารถนานั้นได้ มังกรส่วนใหญ่นั้นมีพรสวรรค์ในการเป็นนักรบและความสามารถในการต่อสู้อันแข็งแกร่ง ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้เชี่ยวชาญในทฤษฏีอันซับซ้อนของเวทย์มิติ การพูดคุยเรื่องทฤษฏีเวทย์มิติกับพวกเขานั้นอาจจะทำให้พวกเขาตายได้
มันช่างน่าเสียดายที่คนน่าอัศจรรย์อย่างลิงค์มีร่างกายที่อ่อนแอ
ตอนนี้ เกรเทลได้ลืมความตั้งใจแรกในการตามหาด้านดีของลิงค์ไปแล้ว เธอแค่ต้องการหมกตัวอยู่กับการวิจัยเวทย์มิติเพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่อยู่ในจิตใจของเธอ
“ข้าสามารถตามหาคนอื่นได้…หรือว่าไม่กันนะ นักเวทย์มิตินั้นหายากมาก! ยิ่งไปกว่านั้น คนที่น่าอัศจรรย์อย่างลิงค์คงหาไม่ได้ง่ายๆแน่ๆ เขาอาจจะเป็นแค่คนๆเดียวในโลกฟิรุแมนที่มีความรู้มากขนาดนี้”
หลังจากที่คิดอยู่ซักพัก ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเกรเทล จากนั้นเธอก็รีบพูดโพล่งขึ้นมา “ลิงค์ ทำไมเจ้าไม่ลองเข้ากระบวนการมังกรดูล่ะ?”