Advent of the Archmage – ตอนที่ 166: การตอบโต้ของเอเลน่า

ณ สถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟ
ขณะที่ ลิงค์ กำลังช่วยเหลือพ่อค้าอยู่ เอเลน่า ก็ได้อ่านตำราเวทมนตร์อย่างเงียบๆอยู่ที่ห้องโถง เธออยู่คนเดียวเพราะว่า เอเลียร์ด อยู่ในบ่อธาตุ เขากำลังทดลองเวทมนตร์เลเวล 2 บทใหม่ที่เขาเพิ่งเรียนมาอยู่ ช่วงนี้เขายุ่งมากๆ
ในตอนที่ความผันผวนของเวทมนตร์สามารถตรวจจับได้จากหินรูนที่ส่องแสงสีเขียว เอเลน่า ก็ตกใจและเธอก็หน้าซีดในทันที
“นี่ฉันถูกจับได้แล้วงั้นเหรอ?”
เธอถือหินรูนไว้แน่นในมือของเธอ ปกติแล้วหินรูนนั้นจะเย็นเมื่อจับมัน ยังไงก็ตาม เนื่องจากข้อมูลที่ถูกส่งมาและการสั่นของความผันผวนของเวทมนตร์ มันก็เริ่มที่จะอุ่นขึ้น
หากเธอเอามือปิดหินเอาไว้ เธอก็จะสามารถป้องกันไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์ได้  และเธอก็ยังสามารถรับรู้ถึงชนิดของเวทย์มนตร์ที่ถูกใช้ได้ด้วยวิธีพิเศษที่หินรูนจะตอบสนองต่อเวทย์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
การผันผวนในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงร่องรอยของเวทย์ระเบิดรอบๆหินรูนอีกก้อน ไม่ว่าเวทย์นั้นจะมีระดับไหน แต่มันก็มีความผันผวนของมานาที่รุนแรง ทำให้ เอเลน่า สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและความถี่ของการโจมตีได้
ในตอนแรก เอเลน่า รับรู้ได้ถึงการผันผวนของเวทมนตร์อันรุนแรงสองอันอย่างต่อเนื่อง หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น “นี่มันเวทย์มนตร์เลเวล 4 ! นักเวทย์คนนี้ใช้เวทย์เลเวล 4, 2บทด้วยเวลาที่น้อยกว่า 2 วินาที! ช่างเป็นการร่ายเวทย์ที่รวดเร็วอะไรอย่างนี้! นี่นักเวทย์สองคนนี้ต่อสู้กันเองอย่างงั้นเหรอ?”
ความจริงก็คือ ลิงค์ ที่ได้ร่ายเวทย์ป้องกันเลเวล 4 เอเดลไวซ์ 2 ครั้งติดต่อกันต่างหาก

ตามมาด้วย หินรูนสามารถตรวจจับชุดของการผันผวนที่อ่อนแอแต่ก็รวดเร็วมากๆได้ มันมีทั้งหมด 12 อันภายในเวลาที่น้อยกว่าเสี้ยววินาที เอเลน่า รู้สึกหวาดกลัว “นี่มันพลังของเวทย์เลเวล 1 ใครกันที่สามารถร่ายเวทย์ 12 บทได้ภายในเสี้ยววินาที? หรือว่าจะเป็น…?”
มีเพียงนักเวทย์คนเดียวในสถาบันเท่านั้นที่สามารถร่ายเวทย์เลเวล 1 ได้รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่ง คนๆนั้นก็คือ ลิงค์ นักเวทย์ที่อยู่ในหอคอยเดียวกันที่เธอพยายามจะหลบหน้าอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเธอก็รู้สึกถึงเวทย์เลเวล 1 และ 0 อีกสองสามบท มันเป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 10 นาทีก่อนที่หินรูนจะหยุดนิ่ง
เอเลน่า รู้สึกหวั่นใจ
“มันเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา ไม่มีใครแล้วที่สามารถร่ายเวทย์เลเวล 4 ได้ต่ำกว่า 2 วินาที ไม่ใช่ว่าเขาอยู่ในหอคอยเวทมนตร์ตลอดเวลางั้นเหรอ? แล้วเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
เอเลน่า สับสน เธอได้ระวังตัวและหลีกเลี่ยงเขามาโดยตลอด แต่แล้วเธอก็ยังคงโดนเขาจับได้ ยังไงก็ตาม เธอรู้ตัวว่าเธอไม่มีเวลามากังวลเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กๆ เธอจะต้องคิดวิธีตอบโต้ก่อนที่ ลิงค์ จะกลับมายังหอคอยเวทมนตร์ เอเลน่า ทำใจให้เย็นลงและคิดหาตัวเลือกของเธอในทันที ตั้งแต่วันที่เธอได้เข้ามาในสถาบัน เธอก็ได้เตรียมตัวสำหรับวันที่เธอโดนเปิดเผยเอาไว้แล้ว
เธอยืนขึ้นและวางตำราเวทมนตร์ที่เธอกำลังอ่านอยู่ลง
นักเวทย์ฝึกหัดที่อยู่ข้างๆเธอสับสนและถาม “เอเลน่า พวกเรายังมีเวลาเหลืออีกตั้งเยอะ ทำไมเธอถึงหยุดอ่านหล่ะ?”

“ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีและอยากพักผ่อนหน่ะ” เอเลน่า ยิ้มให้และพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ เธอยังพยายามทำเสียงให้ดูอ่อนแอและทำให้ตัวเองดูซีดด้วย
นักเวทย์ฝึกหัดนั้นถูกหลอกอย่างสมบูรณ์และพยักหน้าในทันที “ไปพักเถอะ ยังไงซะ สุขภาพก็สำคัญที่สุดหล่ะนะ”
“ขอบคุณนะ” จากนั้นเธอก็ขึ้นไปยังชั้นสองและทักทายนักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นตามทาง พอเธอมาถึงห้องของเธอ เธอก็เข้าไปในห้องและปิดประตูทันที
ห้องนั้นใหญ่กว่าขนาดปกติ มันถูกสร้างขึ้นมาให้มีสองห้องนอน เพราะว่าเธอนั้นอาศัยอยู่ร่วมกับ เอเลียร์ด ทันทีที่เธอเข้ามาข้างในเธอก็เปลี่ยนท่าที่จากอ่อนแอและเจ็บปวดกลายเป็นเยือกเย็น เธอเข้าไปยังห้องนอนของเธอและหยิบหนังสือเวทมนตร์เล่มหนาออกมาจากชั้นบนสุดของชั้นหนังสือ ซึ่งเป็นที่ๆเธอซ่อนคัมภีร์ทั้งสามไว้ในปกของมัน

คัมภีร์ทั้งสามอันนี้บรรจุไปด้วยรายละเอียดของพิมพ์เขียวของโครงสร้างภายในของหอคอยเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบัน ข้อมูลพวกนี้รวมไปถึง เวทย์ตรวจจับ, เวทย์ป้องกันและเวทย์โจมตีที่ถูกใช้โดยหอคอยและบ่อธาตุตามลำดับ
ถ้ามีใครบางคนวางแผนโจมตีโดยใช้ข้อมูลตามที่อยู่ในนี้หล่ะก็ แผนการโจมตีของเขาจะได้ผลดีมากๆ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาสามารถชี้จุดที่เป็นจุดอ่อนของหอคอยเวทมนตร์ได้จากพิมพ์เขียวหล่ะก็ พวกเขาก็อาจจะสามารถทำลายหอคอยเวทมนตร์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ได้!
มีจอมเวทย์ทั้งหมดหกคนในสถาบันแห่งนี้  และหอคอยเวทมนตร์ที่พวกเขาดูแลนั้นก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันในกรณีที่ถูกโจมตี ถ้าเกิดว่าดาร์กเอลฟ์ทำลายมันได้ การป้องกันของสถาบันจะลดลงไปถึง 30 เปอเซ็นท์!

พิมพ์เขียวของหอคอยเวทมนตร์ของ เบล นั้นถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เอเลน่า มีหน้าที่เพียงแค่หาพิมพ์เขียวของหอคอยกลางทั้งหมดอีกแค่ 5 อันเท่านั้น ซึ่งเธอทำภารกิจของเธอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้มาทั้งหมด 3 อันแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าเธอจะถูกจับได้ในตอนที่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่แทบจะเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว
คัมภีร์พวกนี้น่าจะต้องถูกส่งเมื่อนานมาแล้ว ยังไงก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่เมืองแกลดสโตน อาณาจักรนอร์ตันก็เริ่มจะจัดการกับพวกดาร์กเอลฟ์อย่างจริงจังรวมไปถึงพวกที่จงรักภัคดีกับกลุ่มภราดรแห่งความมืดและสมาคมอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำลายช่องทางการติดต่อนอกสถาบันทั้งหมดของเธอและปล่อยเธอไว้คนเดียวท่ามกลางภารกิจที่มีความอันตรายสูง เธอทำได้เพียงแค่เก็บคัมภีร์พวกนี้ไว้ในที่ปลอดภัยและรอจนกว่าจะได้รับคำสั่งใหม่
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ชีวิตของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
“ฉันจำเป็นต้องส่งพิมพ์เขียวพวกนี้ออกไป แต่ว่ายังไงหล่ะ? ตอนนี้ ลิงค์ กำลังรีบกลับมาที่นี่ ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้น”หัวใจของ เอเลน่า เต้นแรงในขณะที่เธอเดินวนไปมาในห้อง สมองของเธอทำงานอย่างหนัก เพื่อคิดหาวิธีที่จะหนีออกจากสถาบันอย่างปลอดภัย
พอผ่านไปพักนึง เธอก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา “นี่แหล่ะ!”
มันอาจจะยากสำหรับเธอที่จะนำพิมพ์เขียวไปส่งด้วยตัวเอง แต่ว่าเธอสามารถให้ เอเลียร์ด ช่วยได้! เอเลียร์ด นั้นเป็นเพื่อนสนิทของ ลิงค์ ถ้าเกิดว่าเธอออกจากสถาบันไปพร้อมกับ เอเลียร์ด ลิงค์ จะต้องคิดหนักก่อนที่จะโจมตีเธอเพราะ เอเลียร์ด ก็จะได้รับอันตรายไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังคงสามารถใช้ เอเลียร์ด เป็นตัวประกันเมื่อถึงเวลาฉุกเฉินได้อีกด้วย
จากนั้น เอเลน่า ก็วางแผนอย่างละเอียดก่อนที่เธอจะเอาคัมภีร์ใส่ลงไปในผ้าคลุมของเธอ จากนั้นเธอก็ออกจากห้องและตรงไปที่บ่อธาตุที่อยู่ในชั้นที่สอง

 

เธออาจจะไปรบกวน เอเลียร์ด ที่กำลังทดลองเวทมนตร์ใหม่ของเขาอยู่ แต่ยังไงก็ตาม เวลามีไม่มาก เอเลน่า ตีต้นขาของตัวเองอย่างเต็มแรงและความเจ็บปวดก็แล่นไปทั่วร่างกายของเธอ ทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมา
จากนั้นเธอก็ใช้งานรูนที่อยู่บนประตู เมื่อรูนเปล่งแสงขึ้น เธอก็พูดอย่างอ่อนแรง “เอเลียร์ด  นายช่วยออกมาแปปนึงได้มั้ย?”
ภายใน 10 วินาที ประตูของบ่อธาตุก็ถูกเปิดออก เอเลียร์ด เดินออกมาด้วยผมที่เปียกชุ่มและเศษน้ำแข็งที่ติดอยู่ที่มือเขา และยังมีรอยน้ำตามากมายอยู่บนผ้าคลุมเวทมนตร์ของเขา เขาดูไม่เรียบร้อยมากๆ
เขาจะต้องหยุดการทดลองของเขาในช่วงเวลาสำคัญอย่างแน่นอน
เอเลน่า รู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของ เอเลียร์ด แต่เธอก็ต้องเก็บความรู้สึกของเธอลงไปแทบจะทันที
ในอีกด้านหนึ่ง เอเลียร์ด ไม่ค่อยคิดมากกับเหตุการณ์นี้ ในตอนที่เขาเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของคนรักของเขา เขาก็ถามอย่างอ่อนโยน “เอเลน่า เกิดอะไรขึ้น?”
เอเลน่า จับท้องของเธอและเหงื่อก็ไหลลงมาบนหน้าผากของเธอ เธอพูดด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว “ฉันปวดท้องแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ดื่มน้ำยารักษาเข้าไปแล้วก็ไม่ได้ผล…”
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง! ฉันจะพาเธอไปที่โบสถ์ของเมืองริเวอร์โควฟเดี๋ยวนี้เลย!”เอเลียร์ด ลาก เอเลน่า และรีบเดินไปที่ทางเข้าหอคอยเวทมนตร์ทันที
เวทมนตร์นั้นสามารถทำได้เกือบทุกอย่างบนโลกแห่งฟิรุแมน ยังไงก็ตาม การรักษานั้นก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถของเวทมนตร์ นักบวชเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรักษาบาดแผลสาหัสหรือโรคภัยได้ แม้กระทั่ง นักเวทย์ก็ยังคงต้องมาปรึกษากับนักบวชในตอนที่พวกเขารู้สึกป่วย
ด้วยความที่สถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟไม่มีนักบวชอยู่เลย พวกเขาจึงต้องไปที่เมืองริเวอร์โควฟ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ เอเลน่า หวังไว้

เอเลียร์ด วิ่งลงบันไดพร้อมกับจับมือของ เอเลน่า เอาไว้ ในตอนที่เขาลงมาถึงข้างล่าง เขาก็หอบและเต็มไปด้วยเหงื่อ
เอเลียร์ด รีบจ่ายเงินให้คนขับรถม้าทันที 10 เหรียญทองและตะโกน “ไปที่เมืองริเวอร์โควฟ ด่วนเลย!”
เมื่อมีเงินมาเป็นแรงจูงใจ การกระทำของคนขับรถม้าก็เร็วกว่าปกติ เขาปล่อยม้าออกจากคอกม้าและผูกมันเข้ากับรถม้า และหลังจากที่ฟาดแส้ด้วยเสียงดังดังวาล รถม้าก็เคลื่อนตัวออกจากสถาบัน
ในรถม้า เอเลียร์ด กุมมือของ เอเลน่า ไว้ในขณะที่มืออีกข้างลูบท้องของเธออย่างอ่อนโยน เขากระซิบ “ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเมื่อคืน…?”
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้น” แก้มที่ซีดเซียวของ เอเลน่า เป็นสีแดงขึ้นมาเพราะความอาย
เอเลียร์ด รู้สึกผิดมากและตำหนิตัวเองในใจ สีหน้าของเขาเริ่มอ่อนโยนลงเรื่อยๆ ในตอนนั้น เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญกับเขามากกว่าโลกเสียอีก มากซะยิ่งกว่าเวทมนตร์ที่เขารักมันมากๆ

 

เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ได้
ในตอนแรก เอเลียร์ด ไม่ได้รู้สึกหลงใหล เอเลน่า มากนัก เขาคิดว่าเธอเป็นแค่เพียงเด็กผู้หญิงที่ใจดีและฉลาด ยังไงก็ตาม เมื่อพวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะสนิทกับเธอมากขึ้น จากนั้นเขาก็เริ่มมีความรู้สึกให้กับ เอเลน่า มีหลายครั้งที่เขารู้สึกอิจฉาเมื่อเขาเห็นเธอพูดคุยหยอกล้อกับนักเวทย์ฝึกหัดชายคนอื่น

เมื่อเธอแสดงท่าทียั่วยวนของเธออย่างไม่ตั้งใจ นั่นคงจะเป้นความปราถณาอันใหญ่หลวงของเขาที่จะทำให้เธอเป็นของเขา เขายังคงจำความรู้สึกแรกที่เขาแบ่งบันจูบแรกร่วมกับเธอได้ เขายังคงจำความยินดีที่เขารู้สึกในตอนที่พวกเขาได้เชื่อมต่อกันเป็นครั้งแรกได้
ตอนนี้ เขาไม่สามารถอยู่ห่างจากเธอได้ ถ้าเกิดว่าเธอเจอเข้ากับอุบัติเหตุอันโชคร้ายเข้าซักวัน เอเลียร์ด ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับมันยังไง
รถม้าเคลื่อนที่หอย่างรวดเร็วผ่านประตูไปที่เส้นทางแห่งราชา
รถม้าของสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงอีสโควฟมีหน้าต่างทั้งหมด 4 บาน แต่ละบานนั้นสร้างขึ้นมาจากคริสตัลใส ซึ่งสามารถทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบๆรถม้าได้อย่างชัดเจน
หลังจากผ่านไปไม่ถึงนาที เอเลน่า ก็เห็นคนที่คุ้นเคยขี่เฟนริลสายลมวิ่งมาทางรถม้า
ดูเหมือนว่าคนๆนั้นก็รู้สึกถึงออร่าเวทมนตร์ที่อยู่ในรถม้าเช่นกัน เขาได้ลดความเร็วลงและหันเฟนริลสายลมไปด้านข้างเพื่อที่จะปิดกั้นเส้นทางแห่งราชา เพื่อป้องกันไม่ให้รถม้าเคลื่อนที่ไปได้ไกลกว่านี้
คนขับรถม้าตื่นกลัวและหยุดรถม้าในทันที
จากนั้น เอเลน่า ก็หรี่ตาของเธอลงเล็กน้อย เธอรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

Advent of the Archmage

Advent of the Archmage

Type: Author: , ,
เรื่องย่อ ลิงค์เป็นอาร์จเมจที่เก่งที่สุดในทุกๆเซิร์ฟเวอร์ เขาเพิ่งจะโค้นล้มบอสที่แข็งแกร่งที่สุด,เจ้าแห่งความลึก โนโซม่า ด้วยปาร์ตี้ของเขา อย่างไรก็ตาม,แทนที่เขาจะกลับไปที่เมื่อง เขากลับถูกส่งตัวไปที่พื้นที่ลับด้วยพิกเซลCG มันให้ความรู้สึกเหมือนกับสูญญากาศ และภายในนั้นก็ได้มีเสียงที่ยิ่งใหญ่และมากด้วยอำนาจที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งแสงสว่างดังขึ้น “ลิงค์ เจ้าเต็มใจที่จะเป็นผู้ช่วยชีวิตที่จะดึงโลกแห่งฟิรูแมนออกจากความปั่นป่วนไหม?” ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้มันอะไรกัน! ถ้ามันเป็นโลกจริง ลิงค์ คงจะปฏิเสธไปในทันที อย่างไรก็ตามเขาก็มีความแน่วแน่ที่จะเป็นฮีโร่ในเกมส์ “จัดไปเลย!” ลิงค์ ตอบอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นก็ขอให้เจ้าโชคดี” และนั่นจะเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่เต็มไปด้วย เวทย์มนตร์,มิตรภาพ,การทรยศ,ความรัก และความสิ้นหวังของ ลิงค์ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของฟิรุแมน Link was the top Archmage in the entire server. He had just defeated the strongest boss, the Lord of The Deep, Nozama with his party. However, instead of going back to town, he was transported to a secret location with pixelated CG. It sort of felt like a vacuum, and within it came a glorious and commanding voice that calls himself the God of Light. “Link, would you be willing to be the saviour who will pull the World of Firuman out from the churning abyss?” What a huge mission! If it was in the real world, Link would have rejected it immediately. However, he was bent on being the hero in game. “Bring it on!” Link answered confidently. “Then, best of luck.” And so began Link’s journey of magic, friendship, betrayal, love and despair in the ever changing World of Firuman.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset