บทที่ 50 พี่จิ่วคืนของขวัญ
โดย
Ink Stone_Romance
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเล่นไปตามถนนตรอกซอกซอยของเมืองหลวงทั้งวัน จนกระทั่งไม่เหลือผู้คนบนถนน เยี่ยนจิ่วเฉาจึงกลับบ้านไปด้วยความเปรมปรีดิ์
ตอนที่อวี๋หวั่นนำรองเท้าไปยังจวนคุณชายเพื่อมอบให้ เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยู่ คนที่ออกมาต้อนรับเธอคือลุงวั่น อวี๋หวั่นจึงไม่ได้บอกว่าเธอมาที่นี่เพื่อเอารองเท้ามาให้ กลับบอกว่าเธอมาซื้อวัตถุดิบทำอาหารในเมืองหลวง ลุงวั่นเอ่ยถามอีกครั้ง จึงรู้ว่าบ้านของเธอกำลังจะจัดงานเลี้ยง
ทว่าในช่วงไม่กี่วันนี้งานทั่วไปมีมากมาย กระทั่งลุงวั่นได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ยามที่เขาจำได้และจะบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปที่ท้องพระโรงอีก
ลุงวั่นรีบควบขี่ม้าเพื่อไปตามหา ทว่าเมื่อรู้ว่าฮ่องเต้ออกจากราชสำนักไปก่อนเวลา ลุงวั่นจึงสงสัยอย่างจริงจังว่าฮ่องเต้ถูกคนวิปลาสของบ้านตนทำให้โกรธเป็นแน่
ลุงวั่นรอแล้วรอเล่าอยู่ที่ประตู กระทั่งฟ้ามืดสนิท เยี่ยนจิ่วเฉาจึงกลับมา
ชั่วยามนี้ งานเลี้ยงในหมู่บ้านคงจบไปนานแล้ว
ลุงวั่นก็เลยไม่เอ่ยถึง อย่างไรแม่นางอวี๋ก็ไม่ได้เชิญคุณชายไปงานเลี้ยงอยู่ดี
…ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่า เป็นเพราะกลัวคุณชายจะโกรธและลงโทษตนเอง
เยี่ยนจิ่วเฉาลงจากรถม้า ทันทีที่เห็นลุงวั่นอยู่ที่ประตูจึงถามว่า “เหตุใดวันนี้จึงยังรอข้าอยู่ที่ประตูอีกเล่า? มีธุระหรือ?”
ลุงวั่นสีหน้าราบเรียบพลางเอ่ยตอบ “ไม่มีขอรับ”
“ไม่มีแล้วเจ้ามายืนอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาหรี่ตามอง
ลุงวั่นเอ่ยอย่างร้อนรน “มาสูดอากาศ!”
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองอยู่สักพักด้วยความสงสัย จากนั้นก็เดินไปหาด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อเห็นว่าใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุงวั่นจึงชี้ไปที่รองเท้าของเขา พลางเอ่ยอย่างมีไหวพริบ “ดูดีเสียจริง!”
เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าเปลี่ยนไปในฉับพลัน “เจ้าค่อยๆ สูดอากาศไปแล้วกัน ข้าจะเข้าไปก่อน”
ลุงวั่นผู้รอดพ้น “…เฮ้อ!”
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเยี่ยนจิ่วเฉาก็ได้รับรู้เรื่องของครอบครัวอวี๋หวั่นจากปากของสายลับ หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉารู้มาว่าเยี่ยนไหวจิ่งมา ‘พัวพัน’ กับอวี๋หวั่นอยู่หลายครา จึงส่งสายลับไปจับตาดูเยี่ยนไหวจิ่ง เยี่ยนไหวจิ่งไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวา สายลับก็ติดตามไปตลอดทาง และได้ยินการเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเหลียนฮวา จึงทราบได้ว่าวันนี้สกุลอวี๋กำลังจัดงานเลี้ยง
“คุณชาย” สายลับคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นในห้องทำงาน และโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
สายลับที่เก่งที่สุดในมือของเยี่ยนจิ่วเฉาก็คืออิ่งลิ่ว ทว่าก็ไม่ได้มีเพียงอิ่งลิ่วเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานเหลือบมองเขาเบาๆ “สืบพบสิ่งใด?”
สายลับเอ่ย “องค์ชายรองไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวาและพบกับแม่นางอวี๋”
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบข่งหมิงสั่วบนโต๊ะขึ้นมา “ไปพบนางด้วยเหตุใด?”
สายลับขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยว่า “เหมือนว่าองค์ชายรอง…จะขอแม่นางอวี๋แต่งงานขอรับ”
นิ้วที่จับข่งหมิงสั่วของเยี่ยนจิ่วเฉาพลันหยุดชะงัก
สายลับเอ่ยต่อ “ให้เป็นสนมเช่อเฟย”
รู้มานานแล้วว่าชายผู้นี้มิได้มีเจตนาดี อย่างที่คาดไว้ เขากำลังเลือกสนม ในขณะเดียวกันก็ไปขอเด็กผู้หญิงคนนั้นแต่งเป็นสนมเช่อเฟย!
เยี่ยนจิ่วเฉาเย้ยหยัน “สนมเช่อเฟย? นี่คือความบริสุทธิ์ใจของเยี่ยนไหวจิ่งรึ? ทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
สายลับไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินเหล่าเจ้านายว่าถูกหรือผิด เพียงก้มหน้าลงและรายงานต่อ “แม่นางอวี๋ไม่เห็นด้วย นางบอกว่านางจะไม่เป็นสนมเช่อเฟย”
“อื้ม” เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย
สายลับคิดในใจ คุณชายท่านมีปฏิกิริยาอันใดเช่นนี้? หรือท่านคิดว่าแม่นางอวี๋ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเกินไป? นางไม่ยอมเป็นสนมเช่อเฟยขององค์ชาย แล้วคิดว่าจะยอมเป็นให้ท่านเช่นนั้นหรือ? ด้วยชาติกำเนิดเช่นนั้นของนาง ไปบ้านคนใหญ่คนโตที่ใดก็ไม่อาจเป็นภรรยาเอกได้
คำเอ่ยนี้ไม่อาจเอ่ย สายลับตำหนิเพียงเท่านี้พอแล้ว หากจะให้เอ่ยออกไปจริงๆ เขาก็ไม่มีความกล้าพอ สายลับเอ่ยอีกครั้ง “องค์ชายรองยังกล่าวถึงคุณชายด้วย”
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองเขา “เขาเอ่ยถึงข้าว่าอย่างไร?”
“เขาถามแม่นางอวี๋ว่า ‘หรือเยี่ยนจิ่วเฉาสามารถเอาตำแหน่งชายาเอกมาให้เจ้าได้?’” สายลับเลียนแบบน้ำเสียงของเยี่ยนไหวจิ่ง
เยี่ยนจิ่วเฉาอุทาน แล้วเอ่ยต่อ “เฮอะ แล้วนางตอบว่าอย่างไร?”
สายลับก็เลียนแบบท่าทางและน้ำเสียงของอวี๋หวั่น “แม่นางอวี๋กล่าวว่า ‘เขาทำได้หรือไม่ ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่า ฝ่าบาททำไม่ได้’”
หลังสายลับจากไปไม่นาน อิ่งสือซันก็เข้ามาในห้อง
เมื่อสักครู่อิ่งสือซันเพิ่งจะยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาได้ฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองโดยไม่มีคำเอ่ยใดๆ เขาแตกต่างจากสายลับที่ทำหน้าที่เพียงภารกิจเดียว อิ่งลิ่วและลุงวั่นเป็นคนสนิทของเยี่ยนจิ่วเฉา รับผิดชอบเกือบทุกเรื่องของเยี่ยนจิ่วเฉา สายลับอาจไม่ทราบว่าเยี่ยนจิ่วเฉาคิดกับอวี๋หวั่นมากเพียงใด อิ่งสือซันกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้
อิ่งสือซันเอ่ย “คุณชาย ต้องการให้ส่งคนไปจับตาดูแม่นางอวี๋หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “จับตาดูนางเพื่อเหตุใด? นางหาใช่อาชญากร!”
มีคนเพียงสองประเภทที่เยี่ยนจิ่วเฉาให้สายลับจับตามอง ประเภทหนึ่งคือศัตรู อีกประเภทคือตัวประกัน อวี๋หวั่นหาใช่หนึ่งในนั้น นางมีพื้นที่และอิสระของตัวเอง
นอกจากนี้ไม่มีผู้ใดชอบที่จะถูกจับตามอง
“จับตาดูเยี่ยนไหวจิ่งก็เพียงพอแล้ว” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเบาๆ
“ขอรับ” อิ่งสือซันตอบ
เมื่อเห็นเขาไม่ออกไป เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเอ่ยว่า “มีเรื่องอันใดหรือไม่?”
อิ่งสือซันกล่าวว่า “พบร่องรอยของโจวไหวแล้ว…คนขององค์ชายรองก็พบเช่นกัน”
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัด และกำลังจะเอ่ยปาก เสียงของลุงวั่นก็ดังอยู่ด้านนอกประตู “คุณชาย คุณหนูเหยียนมาแล้ว”
ส่วนใหญ่อาศัยข้ออ้างมาดูแลเด็กเพื่อดูว่าเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ในจวนหรือไม่
“คุณชาย ท่านต้องการปฏิเสธนางหรือไม่?” อิ่งสือซันถาม
“ไม่จำเป็น บอกให้นางเข้ามา” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงัก แล้วเอ่ยสั่ง “พาคุณชายน้อยไปอาบน้ำ”
อิ่งสือซันเข้าใจความหมาย จึงบอกให้แม่นมพาเด็กน้อยทั้งสามไปที่สระอาบน้ำเล็ก
ในเมื่อเหยียนหรูอวี้ไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิด ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางพบกับเด็กอีก
เยี่ยนจิ่วเฉาได้พบกับเหยียนหรูอวี้ที่โถงบุปผา
เหยียนหรูอวี้แต่งกายสวยงามดูสะอาดสะอ้าน แม้จะดูมีความประณีตและตั้งใจ ทว่าในสายตาของคุณชายเยี่ยนที่งดงามมาตั้งแต่เด็กจนโต การส่องกระจกงดงามเสียยิ่งกว่านาง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหวั่นไหวกับรูปลักษณ์เช่นนี้ของนาง
“อวี้เอ๋อร์ขอคารวะคุณชาย” เหยียนหรูอวี้ถือกล่องอาหารพลางโค้งคำนับเบาๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเสียงอืมอย่างเฉยเมย
เหยียนหรูอวี้วางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะข้างๆ เยี่ยนจิ่วเฉา และเปิดฝากล่องพลางเอ่ยว่า “บนเรือสำราญวันนั้น อวี้เอ๋อร์เสียกิริยาแล้ว อวี้เอ๋อร์ด้อยความสามารถในการดื่ม จึงไม่ควรโลภรับถ้วย หวังว่าคุณชายจะยกโทษให้”
“ไม่มีปัญหา” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย
เขายังคงมีท่าทีเย็นชาไม่แยแส ทว่ายิ่งเป็นแบบนี้ เหยียนหรูอวี้ก็ยิ่งโล่งใจมากขึ้น แต่ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เหยียนหรูอวี้นำของว่างในกล่องอาหารออกมา “ข้าไม่ทราบว่าคุณชายชอบรสใด อวี้เอ๋อร์จึงทำตามความชอบของเด็กๆ”
“พวกเขาชอบสิ่งนี้หรือ?” สายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาตกกระทบบนจานขนมฟักทองที่เต็มไปด้วยกลิ่นนมโชยออกมา ขนมฟักทองก็หวานด้วยตัวมันเองมากพอแล้ว ด้านนอกยังโรยด้วยผงน้ำตาลอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเยี่ยนจิ่วเฉานึกถึงฟันน้ำนมที่ผุของเสียวเป่า ก็พลันคิ้วขมวดมุ่น
อาหารที่สกุลอวี๋ส่งมาลดน้ำตาลลงครึ่งหนึ่งเสมอ
“ท่าน…ไม่ชอบหรือ?” เหยียนหรูอวี้สังเกตท่าทีของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวโดยไม่ลังเล “มันหวานเกินไป”
แม้ว่าเขาไม่อาจรับรู้รสชาติ ทว่าด้วยน้ำตาลที่มากเช่นนี้ ก็พอนึกออกว่ารสชาติจะเป็นเช่นไร
เหยียนหรูอวี้ชะงักงัน พร้อมกับเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “เช่นนั้นคราวหน้า ข้าจะทำสิ่งที่รสชาติเบาและสดชื่นมา”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เอ่ยตอบ
ดวงหน้าของเหยียนหรูอวี้เป็นสีแดงฉานด้วยความเก้อเขินวางตัวไม่ถูก ก่อนหน้านี้ที่มาจวนคุณชาย เขามักจะหลบเลี่ยงไม่พบหน้า ในวันนี้โชคดีมีโอกาสได้พบ ทว่ากลับเอาแต่เย็นชา ชายผู้นี้ ไฉนจึงใจแข็งดังหินเหล็กได้ปานนี้ ทำดีด้วยเพียงใดก็ไร้ประโยชน์เล่า?
เพื่อแก้ความเก้อเขิน เหยียนหรูอวี้จึงถามเกี่ยวกับเด็กทั้งสามคน
เสียงลุงวั่นเอ่ยข้างนอกประตูว่า “เพิ่งพาไปอาบน้ำ คงต้องใช้เวลาสักครู่”
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยว่า “ข้าคิดว่ายามนี้เย็นมากแล้ว เจ้าควรกลับไปก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาใหม่วันหลัง”
เมื่อขับไล่อย่างไม่แยแสแล้ว เหยียนหรูอวี้ก็ไม่หน้าด้านไร้ยางอาย เหยียนหรูอวี้ลุกขึ้นโค้งคำนับ และจากไปพร้อมกับขนมที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ชอบกิน
“อิ่งสือซัน” เยี่ยนจิ่วเฉากลับไปยังห้องทำงาน
อิ่งสือซันก้าวเข้าไปด้านใน “คุณชาย ทว่าสำหรับโจวไหว…”
“ไม่ใช่เรื่องของโจวไหว” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขัด
อิ่งสือซันงงงวย ก่อนที่คุณหนูเหยียนจะมา มิใช่ว่าพวกเขากำลังเสวนาถึงเรื่องของโจวไหวอยู่เช่นนั้นหรือ? หากไม่เอ่ยต่อถึงโจวไหว แล้วจะมีเรื่องใหญ่อันใดอีก?
เยี่ยนจิ่วเฉาเคาะนิ้วกับโต๊ะสองสามครั้ง “ผู้คนเอ่ยถึงคุณชายผู้นี้กับเหยียนหรูอวี้ว่าอย่างไร?”
“เหตุใดจู่ๆ คุณชายจึงถามเรื่องนี้?” มิใช่ว่าคุณชายคือผู้ที่สนใจข่าวลือน้อยที่สุดหรอกหรือ? ผู้คนภายนอกต่างคิดว่าคุณชายเป็นคนวิปลาส ก็ยังไม่เห็นคุณชายจะมีการตอบสนองใดๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยย่างเย็นชา “ยามนี้เจ้าอาจหาญถึงขนาดย้อนถามข้าแล้วรึ?”
“ข้าน้อยไม่กล้า” อิ่งสือซันก้มหัวลง “คุณชายต้องการฟังความจริงหรือไม่?”
นัยน์ตาของเยี่ยนจิ่วเฉาทอประกายเย็นชา “หากเจ้ามีความกล้า จะลองเอ่ยวาจาโกหกดูไหม?”
อิ่งสือซันกระแอมเบาๆ “ก็ไม่มีอันใด นอกจากเหยียนหรูอวี้คือมารดาผู้ให้กำเนิดบุตรของคุณชาย ในอนาคตก็ต้องแต่งงานเข้าจวนคุณชายและกลายเป็นนายหญิง”
“ข้าบอกว่าจะแต่งงานกับนางเมื่อใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว
อิ่งสือซันหน้ามุ่ย พลางเอ่ยว่า “ท่านไม่เคยเอ่ย ทว่านี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ? สกุลเหยียนได้รับการฟื้นคืน บิดาของคุณหนูเหยียนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับสกุลเหยียนเพียงนี้ มิใช่เพราะไว้หน้าครอบครัวภรรยาของคุณชายหรอกหรือ?”
“นาง…ก็คิดเช่นนี้รึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม
“นางคือผู้ใด?” อิ่งสือซันงงงวยไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบสนอง “ท่านหมายถึงแม่นางอวี๋สินะ แปดในสิบส่วนควรจะเป็นเช่นนั้น คนทั้งใต้หล้าต่างก็คิดเช่นนั้น!”
เยี่ยนจิ่วเฉาลุกขึ้นยืนและเดินออกจากประตูไปโดยไม่เอ่ยสักคำ
อิ่งสือซันคิ้วกระตุก “คุณชาย เย็นเพียงนี้แล้ว ท่านจะไปที่ใด?”
เยี่ยนจิ่วเฉาหันกลับมา “ก็ใช่ คุณชายผู้นี้ไม่อาจไปได้ เป็นเจ้าที่ต้องไป”
อิ่งสือซัน “???”
…
อิ่งสือซันแทบอดไม่ได้ที่จะดึงหูใหญ่ๆ ของตัวเอง ปากมากอีกแล้ว ปากมากอีกแล้ว!
อวี๋หวั่นเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เธอก็มานอนลงข้างๆ เถี่ยตั้นน้อย ความง่วงเข้าครอบงำเธออย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเธอก็ผลอยหลับ ทว่าขณะที่เธอกำลังจะหลับก็มีคนมางัดแงะหน้าต่างบ้านเธออีกครั้ง!
อวี๋หวั่นลืมตาขึ้นทันใด!
“แม่นางอวี๋ ข้าเอง”
อิ่งสือซันกระซิบ
อิ่งสือซันเพียงแค่งัดหน้าต่างให้เปิดออกเล็กน้อย ทว่ายืนอยู่นอกหน้าต่างไม่ได้เข้ามา
อวี๋หวั่นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินย่องไปด้านหน้าเตียง เพื่อเปิดระแนงหน้าต่างแล้วเอ่ยว่า “องครักษ์อิ่ง ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด?”
อิ่งสือซันหลับตาลงและเอ่ยว่า “คุณชายขอให้ข้านำคำพูด สองสามคำมาให้เจ้า”
“คำพูดอันใด?” อวี๋หวั่นมองด้วยความแปลกใจ
อิ่งสือซันทุ่มสุดตัว เอ่ยว่า “คุณชายบอกว่า เขาจะไม่แต่งงานกับเหยียนหรูอวี้ ดังนั้นอย่าได้หึงหวงไปเลย”
อวี๋หวั่นถึงกับผงะ เธอหึงหวงเขากับเหยียนหรูอวี้เมื่อใด? เธอยังไม่เคยหึงสักนิด!
“ยังมีอีก เพื่อเอาอกเอาใจคุณชาย รองเท้าเพียงคู่เดียวก็เพียงพอแล้ว ทำมาให้ถึงสี่คู่ ทำราวกับกลัวว่าคุณชายจะไม่เข้าใจความรักที่เจ้ามีให้”
สามคู่นั้นเธอให้เด็กๆ! แท้จริงเธอต้องการทำเพื่อเด็กๆ เป็นหลัก ก็เลยถือโอกาสทำให้เขาไปด้วย!
อวี๋หวั่นกำหมัดแน่น กัดฟันดังกรอดๆ
“แล้วก็ยังมีอีก เจ้ายังเป็นอิสตรี ปากไม่ตรงกับใจกับคุณชายเช่นนี้ ไม่ว่าจะชอบมากเพียงใด ก็ต้องซ่อนไว้ในใจ อย่าเปิดเผยมากเกินไป เป็นสตรีควรสงบเสงี่ยม”
อวี๋หวั่นแทบจะระเบิด ฟังๆๆๆ วาจาเหล่านี้มันอันใดกัน? เธอทำรองเท้าให้เขาเรียกว่าไม่สงบเสงี่ยม?! หากเช่นนั้นเขาให้รองเท้ากับเธอจะเรียกเช่นไร?!
อวี๋หวั่นกัดฟันและเอ่ยว่า “กลับไปบอกเขาว่าข้าไม่ให้รองเท้าเขาแล้ว! เอามันมาคืนให้ข้า!”
“คุณชายคาดไว้แล้วว่าแม่นางอวี๋จะเอ่ยเช่นนี้ เขาจึงขอให้ข้านำของมาให้แม่นางอวี๋” อิ่งสือซันเอ่ยพร้อมกับก้มลงหยิบถุงผ้าหนักๆ สองถุงขึ้นจากพื้น “สิ่งที่แม่นางอวี๋ต้องการ ทุกอย่างอยู่ในกล่อง”
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกกรีดแทงด้วยอะไรบางอย่าง
เธอทำรองเท้าให้เขาและเด็กๆ จนตาบวม ทว่าเขากลับบอกว่า ‘เธอไม่สงบเสงี่ยมเพียงพอ’ และคืนความทุ่มเทพยายามทั้งหมดมาให้เธอ
กล่องสองใบ ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าด้านหนึ่งเป็นรองเท้าของเขาและอีกด้านหนึ่งก็เป็นรองเท้าของเด็กๆ
“แม่นางอวี๋ ข้านำของมาให้เจ้าแล้ว ข้าขอตัวก่อน” อิ่งสือซันวางของไว้บนโต๊ะด้านในหน้าต่างและจากไปด้วยวิชาตัวเบา
ระแนงหน้าต่างไม่มีที่รองรับ มันหล่นลงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่นและกระแทกเข้ากับกรอบหน้าต่างอย่างแรง ทำให้เถี่ยตั้นน้อยที่กำลังนอนอยู่สะดุ้งตื่น
อวี๋เซ่าชิงตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ รีบเดินไปที่ห้องของอวี๋หวั่นอย่างรวดเร็ว “อาหวั่น! เกิดอะไรขึ้น!”
จู่ๆ อวี๋หวั่นก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เธอไม่ต้องการให้บิดารู้เรื่องระหว่างเธอกับเยี่ยนจิ่วเฉา ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ มีหนู มันวิ่งออกไปนอกหน้าต่างแล้ว ไปพักผ่อนกันเถิด ข้าก็จะหลับเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรจริงหรือ?” อวี๋เซ่าชิงถามด้วยความเป็นห่วง
อวี๋หวั่นยิ้มและส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร”
อวี๋เซ่าชิงเดินไปรอบๆ บ้านอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอันตราย จากนั้นจึงกลับเข้าไปนอน
ยิ่งอวี๋หวั่นคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธ นอนพลิกไปมาหลับไม่ลง เธอจึงยกผ้าห่มออกลงไปกองที่พื้น และหากรรไกรมาหนึ่งอัน เพื่อตัดห่อผ้าออกอย่างดุเดือด
‘สิ่งที่แม่นางอวี๋ต้องการ ทุกอย่างอยู่ในกล่อง’
เธอต้องการสิ่งใด? ไฉนจึงไม่บอกว่าเขารังเกียจมันและไม่ต้องการ จึงให้นำมาคืนเธอเล่า?!
ผู้ชายคนนี้รังเกียจเธอมากเพียงใดกัน กระทั่งกลางดึกค่ำมืดก็ยังให้อิ่งสือซันเอามาคืนให้เธอ!
อวี๋หวั่นเปิดกล่องผ้ากล่องแรกออกด้วยความโมโห ด้านในมีรองเท้าคู่หนึ่งวางอยู่ ทว่ามันไม่ใช่รองเท้าผ้าสีดำที่เธอทำให้เยี่ยนจิ่วเฉา กลับเป็นรองเท้าปักสีแดงคู่หนึ่ง
จู่ๆ มือที่ถือกรรไกรอยู่ของอวี๋หวั่นก็พลันหยุดชะงักลง
อวี๋หวั่นเปิดกล่องผ้ากล่องที่สองออก มันไม่ใช่รองเท้าหัวเสือที่เธอทำให้เหล่าเด็กน้อยทว่าเป็นชุดแต่งงานสีแดง
ชุดแต่งงานสีสันสดใส จนหัวใจของเธอแทบลุกเป็นไฟ
…………………………………………………….