หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 2.2 ฉกเด็กจ้ำม่ำคืน (2)

บทที่ 2 ฉกเด็กจ้ำม่ำคืน (2)
โดย
Ink Stone_Romance

 

พวกเขาลงจากรถม้ากลับไปยังบ้านหลังเก่า
พวกเขากินอาหารเย็นมาแล้ว ทว่าป้าสะใภ้ใหญ่กับนางเจียงยังไม่กิน เพราะรอให้พวกเขากลับมา พวกเขาจึงกินอาหารกับทั้งสองอีกครั้ง
ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเต้าหู้ผัดหอมแดง หมูตุ๋นฟองเต้าหู้ ซุปหน่อไม้หมูรมควัน และเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง
“ท่านป้าสะใภ้นั่งลงเถิด ข้าไปเอง” อวี๋หวั่นเดินไปที่ห้องครัว หยิบชามและตะเกียบในมือของนาง
ป้าสะใภ้ใหญ่ผลักมือเธอออก “ไปนั่งเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ท่านเอ่ยราวกับท่านอยู่บ้านเฉยๆ อย่างนั้นล่ะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่ยุ่งกับงานบ้านและธุรกิจของโรงงานจนแทบไม่ได้พัก
อวี๋หวั่นยืนกรานจะรับชาม
“เด็กคนนี้นี่!” ป้าสะใภ้ใหญ่ส่งสายตาดุ
“เจินเจินถือไว้” เด็กหญิงตัวน้อยยืนเขย่งเท้า
ป้าสะใภ้ใหญ่ยื่นชามให้ นางแบกไปที่ห้องโถงด้วยท่าทางน่าขบขัน
“เอ๋ เถี่ยตั้นน้อยล่ะ?” อวี๋หวั่นถาม เธอเข้าไปในห้อง ทว่ากลับไม่เห็นหนุ่มน้อยที่นับวันยิ่งติดเธอขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกยิ่งนัก
นางเจียงยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด
ป้าสะใภ้ใหญ่คีบหมูสามชั้นติดมันอย่างดีชิ้นหนึ่งให้นางเจียง “เขาโกรธเจ้าแล้ว!”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วแปลกใจ “โกรธ? เรื่องใดกัน?”
ว่ากันว่าชาวนามักกินจุ แม้พวกเขาจะกินมาจากในเมืองแล้ว ทว่าเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหาร ผู้ชายทุกคนก็มาพร้อมกับข้าวชามโต อวี๋ซงกินหมดสามชามในคราวเดียวแต่ก็ยังอยากกินมากกว่านี้ เมื่อเหลือบไปเห็นอวี๋หวั่น จึงค่อยๆ วางชามและตะเกียบลง
อวี๋หวั่นไม่ค่อยหิว เธอกินน้ำแกงเพียงเล็กน้อยและไปหาเถี่ยตั้น
เถี่ยตั้นน้อยนอนอยู่ข้างเตียงอวี๋เฟิง ก้นเล็กของเขาโด่งขึ้น ศีรษะมุดอยู่ในอ้อมแขนทำทีไม่สนใจ
อวี๋หวั่นเดินมาข้างหลังอย่างแผ่วเบา และเรียกเถี่ยตั้นน้อย
เถี่ยตั้นน้อยกลับยิ่งมุดแน่นกว่าเดิม
อวี๋หวั่นตบก้นเล็กๆ “เหตุใดหรือ? เจ้าโกรธพี่จริงๆ หรือ?”
เถี่ยตั้นน้อยมุดศีรษะลงกับมือข้างหนึ่ง อีกข้างยื่นไปปัดมือของอวี๋หวั่นที่ด้านหลัง
ไอ้หยา ไม่ยอมให้เธอแตะตัวด้วยซ้ำ
อวี๋หวั่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เธอดึงตัวเถี่ยตั้นน้อยที่กำลังบูดบึ้งขึ้นมา เถี่ยตั้นน้อยดิ้นรนขัดขืน ทว่าไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของอวี๋หวั่นได้? ไม่นาน อวี๋หวั่นก็ดึงเขาขึ้นมาได้สำเร็จ
อวี๋หวั่นก้มลงมองเขา
เขาสะบัดหน้าด้วยความโกรธ!
อวี๋หวั่นทำเสียงจิ๊จ๊ะ บีบใบหน้าเล็กสีแทนเพราะแดดเผาของเขา “ยังจะสะบัดหน้าใส่ข้าอีก รู้รึไม่ว่าเจ้าตีก้นของเจ้าเอง?”
เถี่ยตั้นน้อยโกรธเกรี้ยว “ท่านตีสิ ท่านตีสิ!”
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มมองเขา “พูดได้แล้วรึ?”
เถี่ยตั้นน้อยกอดอกแน่นพร้อมหันหน้าหนี “หึ!”
“เจ้าโกรธพี่เรื่องใด? เจ้าต้องบอกพี่ ไม่เช่นนั้นคราหน้า หากพี่ทำผิดซ้ำ เจ้าก็จะโกรธอีกมิใช่หรือ?” อวี๋หวั่นพยายามโน้มน้าว
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกว่าพี่สาวมีเหตุผล จึงหันหน้ามาบอกกับอวี๋หวั่นอย่างขมขื่น “ผู้ใดให้ท่านไปข้างนอกแล้วไม่พาข้าไปด้วย!”
“เรื่องนั้นสินะ…” อวี๋หวั่นลืมไปว่าหนุ่มน้อยผู้นี้หลงรักการเดินทาง อวี๋หวั่นยิ้มในใจ พลันเอ่ยด้วยสีหน้าหมดหนทาง “เจ้าโทษพี่ไม่ได้ ตอนจะเดินทางพี่เรียกเจ้าแล้ว ผู้ใดให้เจ้าหลับสนิทขนาดนั้น พี่เรียกแล้วก็ไม่ตื่น”
“ข้า…ข้า…ข้าทำเช่นนั้นที่ไหนกันเล่า?” ใบหน้าเถี่ยตั้นน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดง
พี่สาวผู้ชั่วร้ายยังคงกล่าวโทษเขา “ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเจ้าตื่นเองหรือ? ครานี้เจ้าไม่ตื่น พี่จึงคิดว่าเจ้าไม่อยากไป”
“โอ้ย ข้าอยากไป ข้าอยากไป!” เถี่ยตั้นน้อยกระทืบเท้าปึงปัง
ภายในใจอวี๋หวั่นกำลังหัวเราะอย่างสะใจ เหตุใดเด็กช่างหลอกง่ายดาย?
น้องชายกำลังจะร้องไห้ ก็ยังแกล้งเขาด้วยความรู้สึกสนุก
ฉันเป็นพี่สาวที่ชั่วร้ายเสียจริง
อวี๋หวั่นล้อเล่นกับเขาพอสมควร จึงชี้ไปที่ห้องโถงแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นถามพี่รองของเจ้าว่าวันพรุ่งนี้เขาดูแลเจ้าได้หรือไม่ แล้วพี่จะพาเจ้าไปด้วย”
“ใยต้องเป็นข้า?” อวี๋ซงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
“เพราะท่านช่วยแบ่งเบางานไม่ได้อย่างไรล่ะ” เถี่ยตั้นน้อยพูดจี้ใจดำ
อวี๋ซงที่ถูกน้องชายตนเองดูถูก “…”
อวี๋เฟิงได้ฝีมือการทำอาหารมาจากบิดาอยู่บ้าง ยามที่ทำก็ดูมีแวว ทว่าอวี๋ซงไม่เหมือนพี่ชายที่ต้มหรือผัดได้ ไม่เหมือนอวี๋หวั่นที่ใช้มีดหั่นเนื้อได้ การมีอยู่ของเขาช่างไร้ประโยชน์ ไม่แปลกที่จะถูกส่งไปดูแลเถี่ยตั้นน้อย ทว่าคนตัวโตเช่นเขา ใยจึงถูกเด็กน้อยดูหมิ่นดูแคลนได้?
อวี๋ซงไม่ยอมปล่อยเขา เถี่ยตั้นน้อยใช้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดที่มี ขาดเพียงไปนั่งตักฟ้องท่านพ่อ
อวี๋ซงถูกรัดจนหมดทางเลือก จึงเร่งคิด “ให้อาสะใภ้สามพาเจ้าไปสิ!”
อาสะใภ้สามเป็นคนในเมือง หากเข้าเมืองคงไม่มีทางพาเดินหลง
“ท่านพี่ ให้ท่านแม่พาข้าไปได้ไหม?” เถี่ยตั้นน้อยถามอย่างอ่อนแรง
อวี๋หวั่นมองนางเจียงที่อยู่ด้านข้าง
นางเจียงมองอวี๋หวั่นอย่างอ่อนโยนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาหวั่นอยากให้แม่ไปหรือไม่?”
อวี๋หวั่นอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวามานานแล้ว ที่ที่ไกลที่สุดที่ท่านแม่ของเธอเคยไป คือทางเข้าหมู่บ้าน ในวันปกติก็เดินไปมาแถวบ้านตัวเองกับบ้านหลังเก่า และไปเยี่ยมบ้านป้าจางเป็นครั้งคราวทว่าก็ไม่บ่อยนัก
ด้วยความยุติธรรม อวี๋หวั่นคิดว่าควรให้ท่านแม่ได้ออกไปพักผ่อน
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้า
นางเจียงยิ้มดีใจ “ตกลง”
อวี๋ซงโล่งใจที่ภาระน้อยๆ ถูกโยนทิ้งไปในที่สุด!
อวี๋หวั่นส่งสายตาให้เขาและเอ่ยว่า “พี่รอง วันพรุ่งนี้ท่านแม่ของข้ากับเถี่ยตั้นฝากให้ท่านดูแลด้วย”
อวี๋ซง “…”
อวี๋ซง “?!”
“วะ…ว่าอย่างไรนะ?!” อวี๋ซงสับสนกระวนกระวาย…

ณ จวนสกุลเหยียน
เหยียนหรูอวี้กลับมาพร้อมเหล่าเด็กน้อย สีหน้าของพวกเขาดูไม่จืด
เด็กน้อยที่กำลังโกรธและน้อยอกน้อยใจเพราะสูญเสียซาลาเปาหมู ทำทีไม่สนใจเหยียนหรูอวี้มาตลอดทาง
แค่ของจากสตรีคนเดียว ทิ้งก็ทิ้งไปแล้ว ยังกล้าเมินหน้าหนีนาง เหยียนหรูอวี้เดือดดาล หากไม่ใช่เพราะแม่หลินปรามนางอยู่ด้านข้าง ก็คงจะลงไม้ลงมือไปแล้ว
“เด็กไม่เป็นอันใดหรอก แค่ตีสองทีก็เชื่อฟังแล้ว” สาวใช้พึมพำ
แม่หลินใช้สายตาจ้องมองสาวใช้ นางผู้นี้ชื่อลี่จือ ได้รับการแนะนำจากผู้ดูแลบ้าน ว่ากันว่านางเป็นญาติห่างๆ ทว่าในสายตาแม่หลิน นางไม่อาจมองการณ์ไกล ขาดการอบรมและไร้การศึกษา ไม่เหมาะเป็นคนรับใช้เคียงข้างคุณหนู
วาจาบางคำคุณหนูพูดได้ บางสิ่งคุณหนูทำได้ เพราะคุณหนูเป็นมารดาของคุณชายน้อย ทว่าคนรับใช้ก็ยังเป็นคนรับใช้อยู่วันยังค่ำ ไม่ควรแสดงกิริยาไม่เคารพผู้เป็นนายแม้เพียงน้อยนิด
รถม้าเคลื่อนมาถึงจวนสกุลเหยียน
แม่หลินและลี่จือประคองเหยียนหรูอวี้ลงจากรถม้า เหยียนหรูอวี้เอ่ยกับเด็กน้อยทั้งสาม “ลงมา!”
ทั้งสามกำมือแน่นไม่ขยับ
“จะลงหรือไม่ลง?” น้ำเสียงเหยียนหรูอวี้เริ่มเย็นชา
ทั้งสามไม่ลง
เหยียนหรูอวี้น้ำเสียงเย็นเยียบ “ยามนี้พวกเจ้าเริ่มดื้อด้านขึ้นเรื่อยๆ ลืมสิ่งที่แม่เคยสอนไปแล้วหรือ? ดี เช่นนั้นฟังแม่ให้ดี เจ้าจะลงมาตอนนี้และกลับไปกินมื้อเย็นที่เรือน หรือ…”
“คุณหนู” แม่หลินเอ่ยขัดเหยียนหรูอวี้ ที่นี่หาใช่สวี่โจว ผู้คนมากมายกำลังเฝ้าดู หากลงโทษเด็กแล้วข่าวแพร่ไปถึงหูของพระชายากับคุณชายเยี่ยน คงไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป
เหยียนหรูอวี้สูดหายใจ บีบนิ้วตนเองแน่น “พากลับไปที่เรือน”
องครักษ์เข้าไปโอบเด็กๆ ทว่าทั้งสามก็ถีบออกมา
เหยียนหรูอวี้ไม่อาจเก็บกลั้นอารมณ์ เดินเข้าไปในรถม้า พลันคว้าแขนเล็กๆ และดึงออกมา
เด็กน้อยถูกกระชากแขนอย่างเจ็บปวด
“อวี้เอ๋อร์! พวกเจ้าลงไปจากรถให้หมด!” ฮูหยินเหยียนมาถึงทันเวลา จึงขับไล่ผู้คนออกไป และเข้าสวมกอดเด็กคนเล็กที่รู้สึกเจ็บเพราะถูกเหยียนหรูอวี้กระชาก พลันเอ่ยดุนาง “เจ้าจะทำอันใด!”
สาวชาวบ้านทำให้นางโกรธ เจ้าสามตัวนี้ก็ทำให้โกรธ แล้วมารดาของนางยังมาทำให้โกรธอีก เหยียนหรูอวี้รู้สึกราวกับมีเพลิงแผดเผาอยู่กลางอก ละทิ้งเด็กๆ ไปอย่างเย็นชา พลางสะบัดแขนเสื้อเดินกลับเรือน!
“เด็กคนนี้ แม้ผ่านไปหลายปี อารมณ์ก็ยังไม่เปลี่ยนไป…เจ้าเป็นแม่คนแล้ว ใยเอาแต่ใจตนเองถึงเพียงนี้?” ฮูหยินเหยียนพึมพำ พลางลูบแขนเด็กคนสุดท้อง “เอาล่ะ ไม่ต้องโกรธแล้ว คืนนี้ไปอยู่กับยายนะ ยายเตรียมของอร่อยเอาไว้”
ฮูหยินเหยียนเดินเข้าเรือนไปพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสาม
ขณะนั้น มีรถม้าคันหนึ่งมาจอดที่เรือนฝั่งตรงข้ามจวนสกุลเหยียน
เด็กน้อยทั้งสามหันไปเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังลงจากรถม้า จากนั้นนางก็ยิ้มและอุ้มบุตรชายวัยสามขวบของนางลงจากรถ
สีหน้าท่าทางของนางเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อบุตรชาย
เด็กน้อยทั้งสามก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อย
เหตุใดมีแต่ท่านแม่ของพวกเขาที่ไม่ชอบพวกเขา?
…………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset