ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 793 หนีความจนและหาเงินให้มาก

การแข่งขันระหว่างวิทยาลัยผู้บำเพ็ญทั้งเจ็ดซึ่งควรจะเป็นงานที่จริงจังกลับกลายเป็นงานแปลกๆ เมื่อทีมวิทยาลัยลั่วเสินปรากฏตัวขึ้น

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉาชิงฉือทำสีหน้าเรียบเฉย เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวไม่ได้ดูอายอะไรเช่นกัน พวกเขาโบกมืออย่างร่าเริงให้กับคนดู

 

 

คนดูที่นั่งอยู่บนสนามเป็นนักศึกษาจากลั่วเสินทั้งหมด เพราะที่นี่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ตอนแรกพวกเขาก็อยากจะทำตามทีมฟุตบอลและส่งเสียงเชียร์ทีมของตัวเองเพื่อทำลายคู่แข่ง แต่ทั้งสนามกลับเงียบกริบ ไม่มีใครรู้ว่าควรพูดอะไรต่อ…

 

 

“นี่พวกเขาจริงจังกันหรือเปล่าเนี่ย” ใครบางคนกระซิบ “ได้ยินมาว่าท่านหลี่ว์ชอบเงินยิ่งกว่าอะไร แต่การเก็บเงินโฆษณาแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ”

 

 

ทุกคนเข้าใจที่เขาพูดตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยคเลย แต่การโฆษณาในงานที่เป็นทางการนั้นเหมาะสมแล้วเหรอ

 

 

“ความคิดท่านหลี่ว์แน่ๆ ดูหน้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉาชิงฉือสิ หน้าตึงไม่เห็นสีหน้าเลย พวกเขาปฏิเสธท่านหลี่ว์ไม่ได้แน่ๆ”

 

 

ข่าวที่ทีมลั่วเสินออกมาโฆษณาในงานนั้นกระจายไปทั่วกระทู้วิทยาลัยผู้บำเพ็ญ กระทู้มีคนตอบมากมาย พวกเขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าท่านหลี่ว์คิดอะไรอยู่

 

 

หลี่ว์ซู่มองแต้มอารมณ์ที่หลั่งไหลเข้ามาในระบบหลังบ้านอย่างดีใจ วิทยาลัยอื่นๆ ให้แต้มอารมณ์ไม่เยอะได้เท่านี้หรอก พวกเขาอาจจะไม่ให้แต้มอารมณ์มาเลยก็ได้ แต่หลี่ว์ซู่เดาว่านักศึกษาลั่วเสินเป็นพันๆ คนจะช่วยให้เขาเลื่อนระดับได้

 

 

ถ้าเขาได้แต้มอารมณ์มาคนละสิบแต้ม เขาก็จะได้รับแต้มอารมณ์มาทั้งหมดแสนแต้มแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะชนะการแข่งขันหรือเปล่า เขาแค่อยากจะมาทำเงินที่นี่ เขาเกือบเขียนว่า ‘หนีความจนและหาเงินให้มาก’ ไว้บนหน้าของเขาแล้ว

 

 

แต่เขาคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว เขาตัดสินใจว่าควรบอกให้นักศึกษาที่เหลือให้จริงจังระหว่างการแข่งขัน แม้ว่านักศึกษาจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญอื่นๆ จะไม่อยู่ แต่ถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคนอื่นๆ สามารถกำจัดทีมอื่นได้ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็จะได้รับแต้มอารมณ์จากพวกเขาอย่างแน่นอน

 

 

พอหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้แต้มมา หลี่ว์ซู่ก็จะได้เหมือนกัน และพวกเขาจะได้เก่งขึ้นพร้อมๆ กัน…

 

 

เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ถ้าเขาอยากจะใช้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นตัวหาแต้มอารมณ์ เขาก็ต้องส่งหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปร่วมงาน ถ้าเขาส่งเฉาชิงฉือไปและเธอไปทำลายคู่ต่อสู้แล้วเขาจะทำอย่างไรล่ะ คนพวกนั้นยังไม่ให้แต้มอารมณ์กับเขาเลย

 

 

ไม่ใช่แค่นั้นนะ หลี่ว์ซู่ยังบอกหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่าให้กำจัดคู่ต่อสู้ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเธอจะต้องทำให้พวกนั้นทรมานที่สุด

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่เธอก็พยักหน้า เธอมีทุกอย่างในมือแล้ว!

 

 

นักศึกษาทั้งหลายมองหลี่ว์ซู่อย่างเงียบๆ ช่างมันเถอะ หลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ จะสู้เพื่อเกียรติของวิทยาลัยลั่วเสิน ตราบใดที่พวกเขาชนะเรื่องโฆษณาอะไรนี่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอยู่แล้ว

 

 

ทุกคนค่อยๆ ยอมรับว่าทีมวิจัยสายพันธุ์นั้นแข็งแกร่งที่สุด ทุกคนคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้วตั้งแต่อยู่โรงเรียนเดิมมาด้วยกัน ไม่สำคัญ​หรอกว่าพวกเขาจะได้เข้าร่วมด้วย​หรือ​เปล่า

 

 

ตั้งแต่เฉินจู่อานเลื่อนระดับเป็นระดับ B ผลโหวตโพลในกระทู้ว่าใครเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็กลายเป็นเรื่องตลกไป เพราะในโพลนั้นไม่มีรายชื่อของนักศึกษาลั่วเสินอยู่เลย

 

 

ทุกคนเคยคิดว่าวิทยาลัยผู้บำเพ็ญ​ลั่วเสินคงไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ในการแข่งขัน​นี้ แต่พวกเขาก็กลายมาเป็นผู้นำเสียอย่างนั้น

 

 

แปลว่าโพลพวกนี้เชื่อถือไม่ได้แน่นอน

 

 

นักศึกษา​จากวิทยาลัยอื่นไม่ได้สนใจการโฆษณา​ของท่านหลี่ว์เลย ขนาดพวกผู้เข้าแข่งขัน​ก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เมื่อนักศึกษา​จากวิทยาลัย​ผู้​บำเพ็ญ​ตะวันตกเฉียงใต้​มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร หัวหน้าทีมหลินอี้ซินก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ตราบใดที่ท่านหลี่ว์ไม่เข้าร่วม เราก็ปล่อยให้พวกเขาโฆษณา​ไปตามที่พวกเขาต้องการเถอะ เราค่อยปล่อยไม้ตายออกมาตอนถึงศึกนองเลือดดีกว่า”

 

 

ทุกคนต่างหาข้อมูลการต่อสู้ว่าจะรับมือกับคนระดับ B สามคนได้อย่างไร ทีมจะผลัดกันแข่งขันแบบเจอกันหมด หากพวกเขาแพ้ก็จะถูกลดอันดับลง ผู้ชนะจะรอให้ทีมอื่นเข้ามาท้าทายพวกเขา มันเหมือนกับเกมที่เรียกว่าเดอะคิงออฟไฟท์เตอร์นั่นเอง

 

 

แต่เดิมการแข่งขันมีรูปแบบที่แตกต่างออกไป ผู้เข้าร่วมจะต่อสู้กับเพื่อนร่วมทีมของตนเอง หลังจากการต่อสู้แต่ละครั้งจะมีการคัดเลือกคนห้าคนจากทีมเพื่อเผชิญหน้ากัน แต่ก็ถูกยกเลิกไปเพราะงานโดนยกเลิก หลังจากกลับมาจัดการแข่งขันอีกรอบก็ไม่มีการต่อสู้แบบที่ว่าอีกแล้ว

 

 

ทุกคนไม่ได้ออกมาบอกว่ามันยุติธรรมหรือไม่ เพราะพวกเขารู้ว่าพวกวิทยาลัยลั่วเสินนั้นแข็งแกร่งกันขนาดไหน การยกเลิกการต่อสู้แบบห้าต่อห้าก็ทำเพื่อปกป้องคนอื่นๆ นั่นเอง

 

 

พิธีเปิดจบลงด้วยการแสดงตลก ทีมจะถูกแบ่งออกเป็นสองสาย การแข่งขันเดิมมีความซับซ้อนมาก เครือข่ายฟ้าดินอยากจะให้แต่ละทีมเจอกันหมดในทุกทีม และพวกเขาจะตัดสินให้เหลือสองทีมสุดท้ายจากคะแนนที่ได้

 

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องมาคิดว่านี่เป็นการต่อสู้กันจริงๆ และจะต้องมีคนบาดเจ็บแน่นอน ถ้าทุกทีมจะต้องสู้กับอีกหกทีมที่มีความแข็งแกร่งพอๆ กับพวกเขาคงจะต้องเหนื่อยกันไปก่อนแน่

 

 

เพราะฉะนั้นก็เลยมีการคิดค้นการต่อสู้รูปแบบใหม่ สองทีมจะต้องสู้กันเองเพื่อคนที่ชนะจะได้ไปต่อรอบหน้า และจะมีทีมหนึ่งที่จะได้รับสิทธิ์ให้ชนะไปก่อน

 

 

ถึงแม้ว่าจงอวี้ถังจะชอบหลบหลี่ว์ซู่อยู่เสมอ แต่เขาก็ต้องสู้เพื่อผลประโยชน์ของทีมเขาเช่นกัน เขามองหัวหน้าทีมแต่ละทีมและพูดว่า “ทีมลั่วเสินมีคนน้อยกว่า พวกเขาจะได้มีสิทธิ์ผ่านเข้ารอบแรกไปก่อน คิดว่ายังไงกัน”

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็มีความสุขมาก จงอวี้ถังเป็นคนหัวดื้อ หัวโบราณ และไม่ค่อยจะยืดหยุ่นเท่าไหร่ แต่เขาก็มักทำสิ่งต่างๆ โดยคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม เมื่อวิทยาลัยของเขาเสียเปรียบ เขาก็ไม่ประมาทเลย

 

 

สิ่งนี้ทำให้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าผู้จัดการในอวี้โจว และหลี่ว์ซู่ก็ชอบที่จงอวี้ถังมีความเห็นแก่ตัวอยู่หน่อยๆ ผู้คนน่ะเข้าใจยากเสมอ ยกตัวอย่างเช่นเฟิงเยี่ยหมิงที่ชอบเล่นเกม ก็ยอมทิ้งเกมไปเพื่อองค์กรได้ ขนาดหลี่อีเสี้ยวที่ชอบหัวเราะอยู่ตลอดกลับดูเคร่งเครียดตอนคิดบทพูด

 

 

เพราะธรรมชาติของมนุษย์มีแต่ความขัดแย้งในตัวเองก็เลยทำให้มนุษย์ดูน่าเอ็นดูเสียจริง

 

 

แต่คำพูดของจงอวี้ถังกลับได้รับการต่อต้าน หลี่ว์ซู่มองหน้าจงอวี้ถังที่กำลังหน้าแดงด้วยความร้อนรนและเขาพยายามอธิบายให้ทุกคนฟังว่า “วิทยาลัยลั่วเสินของเรามีแค่สี่คน ทำไมถึงไม่ยอมให้เราผ่านเข้าไปก่อนล่ะ”

 

 

แน่ล่ะว่าพวกเขาจะแพ้ในตอนหลัง เพราะทีมวิทยาลัยลั่วเสินเก่งกันเกินไปน่ะสิ

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังดูว่าผลจะออกมาอย่างไร ลั่วเสินจะเจอกับวิทยาลัยตะวันตกเฉียงใต้ ในขณะที่วิทยาลัยตะวันตกเฉียงเหนือจะเจอกับหลู่โจว ทุกคนต่างบอกว่าวิทยาลัยตะวันตกเฉียงเหนือและหลู่โจวเป็นวิทยาลัยที่แกร่งที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาต้องมาเจอกันเอง

 

 

บอกตรงๆ เลยว่าหัวหน้าทีมของทั้งสองทีมต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเจอกับลั่วเสินล่ะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset