ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 795 ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด

ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เวลาแบบนี้ยังมาโฆษณาอีกเหรอ คู่ต่อสู้เพิ่งจะพูดยุแหย่ไปเองนะ จริงจังหน่อยได้ไหม  

 

 

พวกผู้หญิงก็ตกใจกันไปหมด หลี่ว์เสี่ยวอวี๋หัวหน้านักศึกษาหญิงวิทยาลัยลั่วเสินคนนี้โดนหลี่ว์ซู่ทำเสียคนแล้ว!  

 

 

การโฆษณาแบบไม่คาดคิดนี้กระจายออกไปอย่างกับไวรัส ทันใดนั้นทุกคนก็รู้ว่าการแข่งขันครั้งแรกระหว่างเจ็ดวิทยาลัยผู้บำเพ็ญที่สำคัญขนาดนี้ จะกลายเป็นตำนานที่ถูกเขียนในหนังสือประวัติศาสตร์ของวิทยาลัยการบำเพ็ญ เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วล่ะ อันนี้เป็นกรณีที่พิเศษมากๆ   

 

 

หลังจากที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดจบแล้ว เธอก็หันไปมองหลี่ว์ซู่อย่างภาคภูมิใจ เก่งไปเลยใช่ไหมล่ะ  

 

 

หลี่ว์ซู่ยกนิ้วโป้งให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ และโทรหาสปอนเซอร์เรื่องเงินๆ ทองๆ เสียหน่อย  

 

 

หลินอี้ซินไม่พอใจ เขาอยากจะทำให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โกรธ ถ้าทำแบบนี้แล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็อาจจะหลับหูหลับตาเข้าโจมตีและเธอก็อาจจะได้เปรียบกว่าก็ได้  

 

 

ถึงเขาจะทำให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โกรธไม่ได้ แต่เขาก็อาจจะไปขัดความคิดอะไรบางอย่างในหัวเธอ และเธอก็อาจจะเสียสมาธิไป  

 

 

แต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดแบบไหนเลย แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ…  

 

 

หลินอี้ซินเงียบไป “ไม่กลัวแพ้เลยเหรอ”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เงียบไปสองวินาที “บะหมี่อาจารย์คง อร่อยเหมือนหน้าตา”  

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]  

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]  

 

 

จงอวี้ถังรีบส่งสัญญาณให้สู้กันสักที ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปการแข่งขันระหว่างเจ็ดวิทยาลัยก็คงกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้วมั้ง  

 

 

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น หลินอี้ซินก็จับตาดูหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่าเธอจะเคลื่อนไหวอย่างไร เขากลัวว่าเธอจะโจมตีก่อน  

 

 

เขารู้ว่าถึงแม้ว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะเลื่อนระดับขึ้นมาเป็นระดับ B เหมือนเขา แต่เธอก็ยังสร้างชื่อมาได้ไม่เท่าเขา  

 

 

ทันใดนั้นทั้งสนามก็เงียบงัน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะเข้าโจมตีแล้ว!  

 

 

สัญลักษณ์ของผู้มีพลังเสกสรรปรากฏขึ้น และคลื่นพลังงานก็ก่อตัวขึ้นเร็วมาก!  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยกมือขึ้น แล้วจอห์นสันที่อยู่ใต้ดินก็เสกร่างปลอมของหลี่ว์ซู่เจ็ดร่างขึ้นมา…  

 

 

[ได้รับแต้มจากหลินอี้ซิน +999]  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้สึกว่าเธอได้ทำตามที่หลี่ว์ซู่สั่งอย่างเต็มที่เลย หลี่ว์ซู่บอกให้เธอกำจัดคู่ต่อสู้แล้วทำให้พวกเขาทรมานซะ  

 

 

แล้ววิชาไหนจะน่ากลัวเท่าการเห็นหลี่ว์ซู่อีกล่ะ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดอย่างอื่นไม่ออกเลย!  

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นอย่างนั้นก็อึ้งไปเลย  

 

 

[ได้รับแต้มจากหลี่ว์ซู่ +999]  

 

 

เขาไม่กลัวหรอกว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะเปิดเผยอะไรออกมา ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นความสามารถที่ผสมผสานกันของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ทั้งสายพละกำลัง การเสกสรร ธาตุดิน และผู้รู้ใจสัตว์ ตอนนี้ความสามารถทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว แม้ว่ามันจะแยกกัน แต่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจ เขาบอกให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำจัดคู่ต่อสู้จนคู่ต่อสู้ทรมาน แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าใจที่เข้าสั่งผิดไปได้อย่างไรกัน  

 

 

เขาไม่เชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ทำให้คนอื่นกลัวได้ ช่วงนี้เขาใจดีแล้วนะ!  

 

 

หลี่ว์ซู่ขบกราม “จะเอาแบบนี้เหรอ”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ชะงัก “ดูสิ เขาทรมานจะตาย”  

 

 

หลี่ว์ซู่มองหลินอี้ซินที่กำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว…  

 

 

[ได้รับแต้มจากหลินอี้ซิน +999]  

 

 

ทุกคนก็คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอกตราบใดที่พวกเขาไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับหลี่ว์ซู่ตรงๆ แล้วทันใดนั้นร่างปลอมเจ็ดร่างของเขาก็โผล่มา…  

 

 

หลินอี้ซินเกือบโทรหาตำรวจแล้ว มีปัญหาขัดข้องในการแข่งขันครับ!  

 

 

หลังจากที่อึ้งไปในตอนแรก ทุกคนก็คิดตาม พวกเขาเข้าใจนะว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นผู้มีพลังแบบผสมผสาน และก็มีผู้มีพลังแบบผสมผสานสามแบบด้วย และก็ไม่ได้ตกใจเรื่องนี้เท่าไหร่ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็ไม่ได้พยายามจะปกปิดด้วย  

 

 

แต่เรื่องสำคัญก็คือ…ทำไมหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะต้องเสกหลี่ว์ซู่ชึ้นมากันนะ!  

 

 

ผู้มีพลังการเสกสรรเสกมนุษย์ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ  

 

 

เวลาเดียวกันนั้นเองคนร้ายในกระทู้มูลนิธิก็เอามีดสั้นออกมา มันเป็นมีดสั้นที่อาบยาพิษสีน้ำเงิน คนร้ายใช้มีดเล่มนั้นแทงเข้าไปตรงหัวใจสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินคนหนึ่ง  

 

 

ในตอนที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ก้าวออกมา ก็มีคนโพสต์กระทู้ลงในกระทู้ของมูลนิธิว่า [เนี่ยถิงโจมตีไม่เป็นแล้ว]  

 

 

ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้หายไปหลังจากโพสต์ประโยคเดียว พวกเขาอธิบายถึงตำแหน่งที่น่าอึดอัดของเสินฉังจิ้ง และอธิบายว่าทำไมเนี่ยถิงถึงโจมตีไม่ได้แล้ว  

 

 

ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว โลกควรมีความอดทนสูงมาก มีกฎหลายพันล้านอย่างที่ควบคุมโลกนี้ไว้ พวกเขาจะไม่ยอมรับกฎอีกเพียงกฎเดียวที่เพิ่มมาได้อย่างไรล่ะ แต่โลกนี้มันพังแล้ว และตอนนี้ก็เกิดความขัดแย้งระหว่างกฎของโลกและโลกพังๆ นี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่อะไรเกิดขึ้นอีก  

 

 

โลกนี้ก็เป็นเหมือนโดมิโนที่เอียงใกล้ล้มเต็มที และเสินฉังจิ้งก็ควรมีอำนาจที่จะผลักโดมิโนให้ล้มลง  

 

 

หากไม่สามารถใช้กฎร่วมกันได้มัน เรื่องมันจะไม่ง่ายเหมือนโลกที่พังไปหรอก แต่มันจะส่งผลให้เกิดหายนะครั้งใหญ่  

 

 

มีใครคนหนึ่งถามขึ้นมา [ทำไมรู้เยอะจัง จะยืนยันได้อย่างไรว่าเนี่ยถิงโจมตีไม่ได้อีกแล้ว]  

 

 

แล้วคนร้ายก็ตอบกลับ [ตอนที่เนี่ยถิงเลื่อนระดับ หัวหน้าบาทหลวงจากกลุ่มแก่นความเชื่อ ปรมาจารย์หุ่นเชิด และนักบุญก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่เห็นเขาฆ่าคนพวกนั้นไหมล่ะ] พอพูดจบเขาก็หายไป  

 

 

ทุกคนอึ้งไปหมด งั้นก็จริงน่ะสิ เนี่ยถิงเป็นคนที่ดุร้ายจะตาย เขาจะไม่เข้าโจมตีคนที่มาขัดขวางการเลื่อนระดับเขาได้อย่างไร  

 

 

คนร้ายเริ่มจะได้เปรียบในสถานการณ์นี้อีกแล้ว พวกเขาทำให้คนหลายคนเชื่อได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่หัวหน้าบาทหลวงและนักบุญยังเข้าใจได้ทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเนี่ยถิงถึงไม่ฆ่าพวกเขา!  

 

 

ในตอนนั้นเององค์กรใหญ่ๆ ก็เข้ามาในสนามรบ ผู้บำเพ็ญลับเริ่มจะส่งข่าวไปบอกองค์กรที่พวกเขาทำงานให้แล้ว “กลุ่มฟีนิกซ์ออกเดินทางกันแล้ว สนามบินทุกที่ในนิวยอร์กถูกปิดหมด และสายการบินหลายแห่งก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางบิน พวกเขากำลังมุ่งหน้ามากันที่สนามบินนานาชาติอาร์เตม!”  

 

 

มีผู้โดยสารหลายคนรออยู่ที่สนามบิน ทุกคนซื้อตั๋วกันเรียบร้อย แต่กลับไม่มีเครื่องบินลำไหนบินออกจากสนามบินเลย  

 

 

อีกอย่างพวกฟีนิกซ์ก็ไล่นักท่องเที่ยวออกจากสนามบินและปิดสนามบินแล้ว พวกสมาชิกฟีนิกซ์ดุดันมาก ผู้โดยสารธรรมดาไม่กล้าจะหือกับพวกเขาหรอก  

 

 

กลุ่มแก่นความเชื่อออกเดินทาง!  

 

 

กลุ่มดังเคอร์ออกเดินทาง!  

 

 

กลุ่มเพลดจ์ออกเดินทาง!  

 

 

ผู้คนไม่สามารถมองข้ามความวุ่นวายครั้งใหญ่นี้ได้อีกต่อไป  

 

 

การที่เนี่ยถิงอยู่ระดับเสินฉังจิ้งตอนนี้ทำให้ทุกคนเป็นกังวล พวกเขากลัวว่าเครือข่ายฟ้าดินจะขยายอิทธิพลไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเนี่ยถิงโจมตีไม่ได้แล้ว ก็เลยบ้าคลั่งกันมาก  

 

 

ทุกคนรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจมากนัก พวกเขาเห็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อต่อต้านเครือข่ายฟ้าดิน ฉลามจะตามเลือดไปเพื่อโจมตี คนอื่นๆ ก็คิดจะกอบโกยส่วนแบ่งประโยชน์จากเครือข่ายฟ้าดินกัน  

 

 

ถ้าไม่มีระดับเสินฉังจิ้ง เครือข่ายฟ้าจะครองโลกได้อย่างไรกัน  

 

 

แต่ทันใดนั้นเองก็มีใครบางคนเดินเข้ามาส่งข่าวว่ากลุ่มทวยเทพและกลุ่มคาร์เทลที่ซาร์ดิเนียก็ออกเดินทางแล้วเหมือนกัน พวกเขาจะมาเป็นพันธมิตรช่วยเครือข่ายฟ้าดิน!  

 

 

มีปัญหาเข้ามาให้แก้เสียแล้ว ราวกับว่าโลกทั้งใบจมดิ่งลงสู่เวลาตีสาม ซึ่งเป็นชั่วโมงที่มืดมนที่สุดของวัน  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset