หลี่ว์ซู่มีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีแล้ว เพราะวิญญาณของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพราะแผนที่ดวงดาว พวกเขาระมัดระวังไม่ให้โดนจับได้กันสุดๆ
ในความเป็นจริงแล้วการจะซ่อนตัวการรวมตัวของแอนโทนี่และจอห์นสันนั้นง่ายมาก เพราะผู้มีพลังธาตุดินสามารถซ่อนอยู่ใต้ดินกับจอห์นสันได้ อีกอย่างจอห์นสันก็ไม่ต้องแสดงตัวออกมาในการต่อสู่ด้วย แต่ก็มีตอนที่เขาปรากฏตัวออกมาเหมือนกัน อย่างเช่นตอนที่เขาไปเข้าควบคุมจิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญระดับ D เพื่อเก็บตัวอย่างเลือดนั่นเอง
ถึงพวกเขาจะไม่สามารถหลบกล้องวงจรปิดได้ แต่พวกเขาก็ระวังมากๆ อยู่แล้ว อีกอย่างใครจะมาตรวจดูวิดิโอที่กล้องวงจรปิดอัดไว้กันล่ะ พวกเขาไม่ได้เอาแอนโทนี่ออกมาใช้ในจีนบ่อยเท่าไหร่ด้วย
มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นมากมายและหลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใครกันแน่
คนร้ายโพสต์กระทู้ให้คนมาสนใจสมาชิกเครือข่ายฟ้าดิน หลี่ว์ซู่ยืนยันไม่ได้ว่าคนร้ายรู้ตัวหลี่ว์เสี่ยวอวี๋โดยบังเอิญหรือเปล่า หรือพวกเขาตรวจสอบจนแน่ใจกันแล้ว เขาอยากด่ากลับกระทู้นั้น แล้วเขาก็อาจจะได้ชื่อของคนร้ายผ่านระบบแต้มอารมณ์ที่ได้มาก็ได้ แต่เขาจะต้องระวังไว้ เพราะเขาไม่รู้ว่าคนร้ายมีแผนอะไรซ่อนไว้อยู่อีกหรือเปล่า
หลี่ว์ซู่แตกต่างจากคนร้ายมาก เขาไม่ได้เตรียมการอย่างเพียงพอ คนร้ายอาจจะซ่อนตัวตนของเขาไปหลังจากโพสต์กระทู้ก็ได้ แล้วเป็นไปได้ว่าหลี่ว์ซู่อาจจะถูกเปิดโปงหมายเลขผู้ใช้สำหรับระบุตัวตนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เขาใช้เสียเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะมีเครือข่ายฟ้าดินทั้งองค์กรอยู่ฝ่ายเขา หลี่ว์ซู่ก็ไม่กล้าจะบอกเครือข่ายฟ้าดินเรื่องความสามารถของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เลย
ตอนแรกเมื่อเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้ว่าตัวเองสามารถเก็บวิญญาณได้ พวกเขาก็ระมัดระวังกันอย่างหนักเพราะคนอื่นๆ อาจจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนก็ได้ คนอื่นที่มีความยุติธรรมมากๆ อาจจะคิดว่าการทำแบบนี้เป็นการใช้ศาสตร์มืด และคนที่ใช้ศาสตร์มืดได้ก็เป็นคนชั่วร้าย
เป็นครั้งแรกที่หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงอันตราย ก็คือเมื่อตอนที่เขาเหงื่อแตกตอนอ่านโพสต์นั้นนั่นแหละ อย่างกับว่าเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋โดนตาข่ายอันใหญ่ดักจับ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่วางกับดักไว้เป็นใคร
หลี่เสียนอีไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาโดนถ่ายรูปไป แล้วพวกเขาจะประมาทไปได้อย่างไรกัน
หลี่ว์ซู่ยังใช้โทรศัพท์อยู่ เขาอยากจะรู้ว่ามีเบาะแสอื่นๆ ที่สามารถชี้ตัวคนร้ายได้ไหม เขายังรอการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของคนร้ายอยู่ เหมือนกับว่ามีลมตีอยู่ในหัวเขา เขาอยากจะหาวิธีรับแต้มอารมณ์มาแบบไม่ถูกจับได้ เขาอาจจะแกล้งทำเป็นคนที่ผ่านมาและด่าคนร้ายไปแบบเสียๆ หายๆ ก็ได้…
หลี่ว์ซู่รีเฟรชหน้านั้นอยู่ตลอด ทันใดนั้นก็มีบัญชีผู้ใช้เดิมโพสต์หัวข้อใหม่มาอีก บัญชีนี้ยังไม่ถูกระงับการใช้งานเพราะไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับเผ่าโบราณอี๋
หลี่ว์ซู่เปิดกระทู้นั้นขึ้นมา เขาเจอว่ามีรูปเบลอๆ รูปหนึ่งที่ถูกถ่ายในโบราณสถานเกาะช้าง คนถ่ายรูปนั้นดูจะตามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่ห่างๆ มาตลอด ก่อนที่จะถ่ายรูปหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ที่กำลังลองใช้จอห์นสัน ขณะที่มีแอนโทนี่ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ หน้าของพวกเขาดูไม่ชัดเพราะรูปที่ถ่ายมาถ่ายจากระยะไกลมาก แต่หน้าของแอนโทนีที่กำลังหัวเราะอยู่นั้นกลับเด่นเป็นแสงสว่างในคืนมืดมิดเลย แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ถูกตัดออกไปจากรูปนั้น
ในตอนนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เพิ่งจะได้วิญญาณของจอห์นสันมาเท่านั้น และเป็นธรรมดาที่เธอจะลองใช้วิญญาณของจอห์นสันดูในบริเวณที่เงียบสงบบนเกาะช้าง
หลี่ว์ซู่รู้ว่าคนร้ายถ่ายรูปหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไว้แน่ๆ เพราะมันถ่ายรูปของแอนโทนีและจอห์นสันไว้แล้วนี่ แต่ทำไมพวกคนร้ายถึงได้ตัดส่วนของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกไปจากรูปกันนะ
งั้นก็ไม่ได้จะเล็งเป้าหมายไปที่มูลนิธิ ผู้บำเพ็ญ หรือกระทั่งเครือข่ายฟ้าดินงั้นเหรอ คนร้ายเล็งเป้ามาที่เขานั่นเอง!
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาก็ทำได้เพียงแค่รอดูต่อไปเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีผู้ใช้คนหนึ่งคอมเมนต์ “ถูกเอาวิญญาณไปหลังความตายจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ”
หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีแล้วคอมเมนต์ตอบ “ดูหน้าเขาสิ เขาไม่ดูมีความสุขดีหรอกเหรอ”
เมื่อคนอื่นๆ เห็นคอมเมนต์ของหลี่ว์ซู่พวกเขาก็พูดไม่ออกกันเลย…
หลี่ว์ซู่รอจะได้แต้มอารมณ์แล้ว แต่ดูเหมือนคนร้ายจะไม่ได้มาอ่านคอมเมนต์หลังจากโพสต์ไป พวกมันหายไปเสียเฉยๆ
คนอื่นๆ ให้แต้มอารมณ์เขามาเหมือนกัน หลังจากนั้นก็เป็นคำด่า ว่าแต่คนร้ายน่าจะให้แต้มอารมณ์เขามานะ กลายเป็นว่าไม่มีแต้มอารมณ์ใดๆ มาจากคนร้ายเลย
หลี่ว์ซู่เชื่อว่ามีหลายคนเตรียมตัวจะไปที่ภูเขาจั่งไป๋ ตอนแรกพวกเขาก็ไม่เชื่อข้อมูลนั้น แต่ตอนนี้ถึงพวกเขาจะบอกว่าไม่เชื่อข่าว พวกเขาก็จะคิดหาวิธีทางไปที่ภูเขาจั่งไป๋อยู่ดี
แน่ล่ะว่าคนร้ายกำลังค่อยๆ คืบหน้าไปตามแผนที่วางไว้ พวกเขาจะใช้มูลนิธิและความกังวลเกี่ยวกับเผ่าโบราณอี๋ของหลี่เสียนอีเป็นการยืนยันข่าว น่าทึ่งมาก!
หลี่ว์ซู่วางแผนจะฆ่าคนนั้น ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร พวกมันสมควรตาย!
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองหรอก คนร้ายจะต้องใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์แน่ ขนาดหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยังถูกตัดออกจากรูปเลย หลี่ว์ซู่ไม่ยอมทนแน่
“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร ฉันจะตามล่าและไปฆ่าแก!” หลี่ว์ซู่โกรธจัด
เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ยินหลี่ว์ซู่บอกว่าอยากฆ่าคน หน้าของเธอก็เปลี่ยนสีทันที เธอก็พร้อมจะฆ่าเหมือนกัน เธอหันไปหาหลี่ว์ซู่ “งั้นเราจะไปที่ภูเขาจั่งไป๋กันใช่ไหม”
หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาที “ไม่หรอก”
[ได้รับแต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +166]
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดไม่ออกเลย “ไหนบอกว่าอยากจะฆ่าพวกมันไง”
“พวกเราอาจจะไม่ใช้เป้าหมายของมันก็ได้ เราไปไม่ได้หรอก” หลี่ว์ซู่อธิบาย “พวกมันคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้อยู่ เราจะเดินเข้าไปในพื้นที่ของพวกมันอย่างนั้นไม่ได้ ถึงเราอยากจะฆ่า เราก็ค่อยฆ่าพวกมันทีหลัง!”
แต่คนร้ายอยากได้อะไรกันแน่นะ หลี่ว์ซู่คิดว่าพวกมันอาจจะอยากได้หลายๆ อย่าง เช่น ผลล้างไขกระดูก ดาบเฉิงอิ่ง น้ำเต้าบิดคอ หรือ ฮุ่นตุ้น…เยอะไปหมด! เขายังมีแผนที่ดวงดาวอยู่นี่!
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เงียบไปสองวินาที “ฉันเพิ่งเคยเห็นคนที่คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ในขณะที่กลัวแทบตายเป็นครั้งแรกเลย”
[ได้รับแต้มจากหลี่ว์ซู่ +166]
หลี่ว์ซู่ตัดสินใจที่จะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ไปเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คนร้ายก็อาจจะให้แต้มอารมณ์เขามาก็ได้ใช่ไหมล่ะ อีกอย่างคนร้ายก็ทำตัวลึกลับมาก พวกมันคงไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับเครือข่ายฟ้าดินตรงๆ แน่
เว้นเสียแต่ว่า เครือข่ายฟ้าดินอยากจะกำจัดพวกเขาเพราะเรื่องปัญหาการใช้วิชาของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋
หลี่ว์ซู่ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย เพราะเขารู้เรื่องในเครือข่ายฟ้าดินมาก
ถ้าพูดกันตรงๆ จะเรียกพวกเขาเป็นเพื่อนคงไม่เต็มปากนัก แต่หลี่ว์ซู่ก็ถือว่าเครือข่ายฟ้าดินนั้นเป็นมิตรกันอยู่ภายในใจ
โลกนี้เริ่มจะอันตรายมากขึ้นทุกที หลี่ว์ซู่รู้ว่าเขาต้องพยายามให้มากกว่านี้เพื่อปกป้องคนที่เขาห่วงใย
หลี่ว์ซู่ไม่คิดอยากจะเป็นผู้เล่นหมากรุกเหมือนกับคนร้ายมาก่อนเลย แต่เขาอยากเป็นหมากที่อยู่บนกระดานและหนีออกจากกระดานไป ถึงเขาอาจจะเป็นได้แค่ตัวเบี้ย แต่เขาก็จะฆ่าทุกคนที่อยากจะควบคุมเขาไปให้สิ้น