ห้องฝึกซ้อมเป็นสถานที่เรียนของสาขาการต่อสู้ หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เคยเห็นมาก่อน ในตอนนั้นทั้งสองคนคิดว่าห้องนั้นหรูหรามาก หรูหราถึงขนาดที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าอุปกรณ์ในนั้นใช้ทำอะไรบ้าง
นักศึกษาสาขาการต่อสู้กำลังนั่งฝึกอยู่บนอุปกรณ์อย่างหนึ่ง หลี่ว์ซู่เดินผ่านห้องด้านในที่เป็นห้องกระจกทั้งห้อง เห็นว่ามีคนสองคนกำลังทดลองความสามารถจากการปะทุพลังของตน
หลี่ว์ซู่รู้ว่าสาขาการต่อสู้คัดเลือกนักศึกษาหลายคนที่ปะทุพลังและบำเพ็ญวิชาคู่ โดยเฉพาะพลังที่ปะทุของนักศึกษาพวกนั้นมีทิศทางที่เหมาะสำหรับการต่อสู้มาก ห้องกระจกนี้ต้องไม่ใช่วัสดุธรรมดา ไม่เช่นนั้นจะทนต่อเรี่ยวแรงของผู้มีพลังได้อย่างไร
ตอนนี้ถึงเวลาฝึกซ้อมอิสระ หลี่ว์ซู่ผลักประตูเข้าไป “ใครคือหัวหน้าห้อง”
ทุกคนค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหวและมองมาที่หลี่ว์ซู่แต่ไม่มีใครตอบ มีคนกระซิบกระซาบกัน หลี่ว์ซู่เห็นใครบางคนวิ่งเหยาะๆ เข้าไปในห้องกระจกที่เขาเห็นเมื่อครู่และนักศึกษาบำเพ็ญวิชาคู่ตัวผอมๆ คนหนึ่งหันมามองหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจ
กลุ่มคนค่อยๆ ล้อมเข้ามา ทุกคนมองออกว่ายังไงหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้มาดี มีคนรู้จักหลี่ว์ซู่ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉาชิงฉือแต่บางคนก็ไม่รู้จักแต่สิ่งนี้ไม่สำคัญ เดี๋ยวก็จะมีคนบอกพวกเขาเอง
ความจริงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่มีชื่อเสียงที่ใครๆ ก็รู้จักตั้งแต่เมื่อวิทยาลัยเพิ่งเปิดเรียน แต่ละสาขาเพิ่งเริ่มปฏิสัมพันธ์กับคนในสาขาก่อน แต่ละสาขาก็เหมือนกับประเทศเล็กๆ ที่เป็นอิสระและทุกคนไม่ได้ขี้นินทาแบบนั้น
แล้วหัวหน้าห้องสาขาการต่อสู้ หลี่จื่อมู่อัจฉริยะระดับ A ก็เหมือนกับดวงดาวเจิดจรัส เพราะเขามีพรสวรรค์การปะทุพลังโดดเด่นมาก สาขาวิชาสายฟ้าจึงกลายเป็นสาขาที่อาจารย์ให้ความสำคัญ
หลี่จื่อมู่เดินทางหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ สาขาวิชาการต่อสู้จึงล้อมตัวเขาไปด้วย ถึงทุกคนจะรู้ว่าพลังของสาขาวิจัยสายพันธุ์จะสูงมากเกินไปแต่คนเขามาหาเรื่องถึงที่จะหดหัวได้อย่างไร
หลี่จื่อมู่มายืนข้างหน้าหลี่ว์ซู่ สถานการณ์สาขาการต่อสู้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
หลี่จื่อมู่พูดว่า “พี่ซู่ มีอะไรเหรอ”
เพื่อนร่วมสาขา “… “
พี่ซู่! สุภาพขนาดนี้เลยเหรอ
รู้สึกจะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ น่าจะชักกระบี่ง้างธนูใส่กันซิ
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ตอนที่ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ นำคนไปไล่ล่าและสกัดกั้นหลี่ว์ซู่ หลี่จื่อมู่ก็คอยสังเกตการณ์อยู่ด้วย กระทั่งไปเห็นหลี่ว์ซู่หันหลังกลับมาและซัดสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินตกลงไป สภาพที่สะลึมสะลืออยู่กลับต้องตกใจที่เห็นคนรุ่นเดียวกันกลับอาจหาญแบบนั้นก็รู้สึกว่าวัยรุ่นคนนั้นช่างบ้าระห่ำจริงๆ …
ในตอนนั้นพลังของหลี่จื่อมู่ยังอ่อนอยู่และเขารู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่ในเวลานั้นแต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้พบ …
มันต่างจากที่นักเรียนทั่วไปจินตนาการไว้ วงการของอัจฉริยะระดับ A นั้นแคบมาก ตอนนั้นพวกเขาไปฐานที่ตรอกหลิงจิ้ง หลี่ว์ซู่ได้รับการต้อนรับเช่นไร เขาได้รับการต้อนรับแบบไหน ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดี…
แม้กระทั่งตอนที่หลี่จื่อมู่เห็นรูปเหมือนราชันฟ้าที่เก้าก็เดาไปว่าจะเป็นหลี่ว์ซู่หรือเปล่า ในฐานะแผนคลับของหลี่ว์ซู่ เขาจึงให้ความสนใจกับหลี่ว์ซู่มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าความเคลื่อนไหวของหลี่ว์ซู่ลึกลับมาตลอด …
ตอนนี้นักศึกษาสาขาการต่อสู้ก็เริ่มสับสนว่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้องตัวเองกลายเป็นแฟนคลับของคนอื่นไปแล้ว …
พอหลี่ว์ซู่เห็นหลี่จื่อมู่ก็จำได้ว่า ตอนที่เขาถูกห่าวจื้อเชาไล่ตามฆ่า แล้วเขาก็ซัดสลบไปสามคน คนหนึ่งคือหัวหน้าผู้ฝึกสอนใหญ่ของซานโจวในทุกวันนี้และอีกสองคน หลี่จื่อมู่คนนี้บังเอิญอยู่ที่นั่นด้วย ปากยังคาบซาลาเปาไว้สี่ลูกอยู่เลย
“อ่อ” หลี่ว์ซู่เดิมว่าจะมาหาเรื่องแต่อีกฝ่ายดันสุภาพกับเขาแบบนี้ก็เลยหมดอารมณ์ “พวกนายจะเข้าร่วมงานประลองเจ็ดวิทยาลัยไหม”
“เข้าร่วมซิ! ” หลี่จื่อมู่ประหลาดใจ
“ลองคิดดูอีกครั้งนะ” หลี่ว์ซู่พูด
“ไม่เข้าร่วม …” หลี่จื่อมู่พอเดาได้ว่าหลี่ว์ซู่ หมายถึงอะไร
[ได้แต้มจากหลี่จื่อมู่ +166…]
“อืม” หลี่ว์ซู่พยักหน้าและหันหลังเดินกลับไป “ถ้าว่างก็มาดื่มกันหน่อยนะ”
กลุ่มนักศึกษาสาขาการต่อสู้เห็นหลี่ว์ซู่พาคนอื่นเดินกลับไป เงาร่างนั้นมืดสลัวท่ามกลางแสงไฟบนทางเดิน ทั้งห้าคนเดินตรงไปตามทางเดินใต้แสงไฟ ชายหนุ่มที่อยู่หน้าสุดเหมือนกับก็อดฟาเธอร์ในหนังภาพยนตร์มาเฟีย
“ไปหาใครต่อไป”
“สาขาสืบสวนไหม”
มีเสียงเล็กๆ ลอยมาตามทางเดินและนักศึกษาสาขาการต่อสู้ทยอยถอนหายใจกัน สาขาวิจัยสายพันธุ์ก่อเรื่องขึ้นซะแล้ว! พวกเขาคงไม่อยากให้สาขาอื่น ๆ ลงประลองวิทยาลัยทั้งเจ็ดล่ะซิ
เมื่อจงอวี้ถังมาถึง หลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ก็ไปหาสาขาสุดท้ายแล้ว สาขาวิจัยเคล็ดวิชา
สาขาวิจัยเคล็ดวิชาและสาขาวิจัยสายพันธุ์เคยถูกขนานนามว่าเป็นสาขาวิชาสายภาษา มีแต่นักศึกษาที่อ่อนแอ ดังนั้นพอหลี่ว์ชูและคนอื่น ๆ มาถึงประตูสาขาวิจัยเคล็ดวิชา คนของสาขานั้นต่างตกใจกลัวกัน
หัวหน้าห้องถามเสียงค่อยว่า “พวกนายมีเรื่องอะไรเหรอ”
“พวกนายจะเข้าร่วมการประลองเจ็ดวิทยาลัยไหม” หลี่ว์ซู่ถาม
อีกฝ่ายโบกมือถี่ๆ “ไม่ร่วมๆ … “
จงอวี้ถังมาเห็นก็ถอนหายใจ เขาคิดว่าหลี่ว์ซู่จะต้องไปมาทุกสาขาแล้วแน่นอน เขาจึงเริ่มปวดหัว “หลี่ว์ซู่ เธอจะทำอะไรกันแน่! “
หลี่ว์ซู่พูดเสียงหนักแน่นว่า “ผมมาถามทุกคน สาขาอื่นๆ เหมือนจะไม่ยอมเข้าร่วมการประลองแต่ช่วงเวลาแห่งเกียรติยศอย่างนี้จะไม่มีใครอาสาเลยเหรอ คนอื่นไม่ลงแข่ง พวกเราสาขาวิจัยสายพันธุ์จะลงแข่งเอง! วิทยาลัยลั่วเสินของเราจะไม่ยอมอ่อนข้อกับเรื่องนี้แน่นอน! “
[ได้แต้มจากจงอวี้ถัง +666!]
เชื่อนายเลยจริงๆ หลี่ว์ซู่พูดคุณธรรมเสียงหนักแน่นนแบบนี้จะเรื่องดีได้ยังไง!
นักศึกษาสาชาวิจัยเคล็ดวิชาที่อยู่ข้างๆ ก็คิดในใจว่าถ้าเมื่อครู่พวกเขาบอกว่าจะเข้าร่วมคงโดนอัดแล้วซิ
จงอวี้ถังรู้สึกว่าเขาควบคุมไม่ได้แล้ว ชื่อเสียงที่บ้าระห่ำของหลี่ว์ซู่จึงแพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัยลั่วเสินในบ่ายวันนั้นทันที ว่ากันว่าสาขาสืบสวนไม่ยอม สุดท้ายนักศึกษากว่าร้อยคนก็ต่อสู้จนแพ้ไป
ข่าวนี้ถูกจงอวี้ถังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไปยังตรอกหลิงจิ้งเมื่อเนี่ยถิงเห็นข้อมูลนี้เขาแทบอยากจะชักดาบออกมาฟัน
ตอนนี้เขาต้องควบคุมตัวเอง ไม่ได้หมายถึงเขาควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้แต่พลังที่เหนือระดับ A นั้นมีโลกและกฎธรรมชาติของตนเอง หากใช้ออกไปก็เสมือนมีใช้กฎของธรรมชาตินั้นออกไปด้วย
กฎธรรมชาติอันใหม่นี้เป็นพลังที่ไม่เข้ากับโลกเดิมเลย ตอนนี้จะว่าเนี่ยถิงคือกฎและโลกใบเล็กที่เดินได้ก็ไม่ผิดอะไร ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีปรากฏการณ์ขับไล่ซึ่งกัน
และโลกที่เขาอาศัยอยู่เหมือนใกล้จะพังทลายลง ดังนั้นจึงไม่สามารถต้านทานพลังที่รุนแรงได้มากนัก!