ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 769 ก็อด ฟาเธอร์หลี่ว์ซู่

ห้องฝึกซ้อมเป็นสถานที่เรียนของสาขาการต่อสู้ หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เคยเห็นมาก่อน ในตอนนั้นทั้งสองคนคิดว่าห้องนั้นหรูหรามาก หรูหราถึงขนาดที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าอุปกรณ์ในนั้นใช้ทำอะไรบ้าง

 

 

นักศึกษาสาขาการต่อสู้กำลังนั่งฝึกอยู่บนอุปกรณ์อย่างหนึ่ง หลี่ว์ซู่เดินผ่านห้องด้านในที่เป็นห้องกระจกทั้งห้อง เห็นว่ามีคนสองคนกำลังทดลองความสามารถจากการปะทุพลังของตน

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าสาขาการต่อสู้คัดเลือกนักศึกษาหลายคนที่ปะทุพลังและบำเพ็ญวิชาคู่ โดยเฉพาะพลังที่ปะทุของนักศึกษาพวกนั้นมีทิศทางที่เหมาะสำหรับการต่อสู้มาก ห้องกระจกนี้ต้องไม่ใช่วัสดุธรรมดา ไม่เช่นนั้นจะทนต่อเรี่ยวแรงของผู้มีพลังได้อย่างไร

 

 

ตอนนี้ถึงเวลาฝึกซ้อมอิสระ หลี่ว์ซู่ผลักประตูเข้าไป “ใครคือหัวหน้าห้อง”

 

 

ทุกคนค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหวและมองมาที่หลี่ว์ซู่แต่ไม่มีใครตอบ มีคนกระซิบกระซาบกัน หลี่ว์ซู่เห็นใครบางคนวิ่งเหยาะๆ เข้าไปในห้องกระจกที่เขาเห็นเมื่อครู่และนักศึกษาบำเพ็ญวิชาคู่ตัวผอมๆ คนหนึ่งหันมามองหลี่ว์ซู่ด้วยความประหลาดใจ

 

 

กลุ่มคนค่อยๆ ล้อมเข้ามา ทุกคนมองออกว่ายังไงหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้มาดี มีคนรู้จักหลี่ว์ซู่ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉาชิงฉือแต่บางคนก็ไม่รู้จักแต่สิ่งนี้ไม่สำคัญ เดี๋ยวก็จะมีคนบอกพวกเขาเอง

 

 

ความจริงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่มีชื่อเสียงที่ใครๆ ก็รู้จักตั้งแต่เมื่อวิทยาลัยเพิ่งเปิดเรียน แต่ละสาขาเพิ่งเริ่มปฏิสัมพันธ์กับคนในสาขาก่อน แต่ละสาขาก็เหมือนกับประเทศเล็กๆ ที่เป็นอิสระและทุกคนไม่ได้ขี้นินทาแบบนั้น

 

 

แล้วหัวหน้าห้องสาขาการต่อสู้ หลี่จื่อมู่อัจฉริยะระดับ A ก็เหมือนกับดวงดาวเจิดจรัส เพราะเขามีพรสวรรค์การปะทุพลังโดดเด่นมาก สาขาวิชาสายฟ้าจึงกลายเป็นสาขาที่อาจารย์ให้ความสำคัญ

 

 

หลี่จื่อมู่เดินทางหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ สาขาวิชาการต่อสู้จึงล้อมตัวเขาไปด้วย ถึงทุกคนจะรู้ว่าพลังของสาขาวิจัยสายพันธุ์จะสูงมากเกินไปแต่คนเขามาหาเรื่องถึงที่จะหดหัวได้อย่างไร

 

 

หลี่จื่อมู่มายืนข้างหน้าหลี่ว์ซู่ สถานการณ์สาขาการต่อสู้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

 

 

หลี่จื่อมู่พูดว่า “พี่ซู่ มีอะไรเหรอ”

 

 

เพื่อนร่วมสาขา “… “

 

 

พี่ซู่! สุภาพขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

รู้สึกจะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ น่าจะชักกระบี่ง้างธนูใส่กันซิ

 

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ตอนที่ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ นำคนไปไล่ล่าและสกัดกั้นหลี่ว์ซู่ หลี่จื่อมู่ก็คอยสังเกตการณ์อยู่ด้วย กระทั่งไปเห็นหลี่ว์ซู่หันหลังกลับมาและซัดสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินตกลงไป สภาพที่สะลึมสะลืออยู่กลับต้องตกใจที่เห็นคนรุ่นเดียวกันกลับอาจหาญแบบนั้นก็รู้สึกว่าวัยรุ่นคนนั้นช่างบ้าระห่ำจริงๆ …

 

 

ในตอนนั้นพลังของหลี่จื่อมู่ยังอ่อนอยู่และเขารู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่ในเวลานั้นแต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้พบ …

 

 

มันต่างจากที่นักเรียนทั่วไปจินตนาการไว้ วงการของอัจฉริยะระดับ A นั้นแคบมาก ตอนนั้นพวกเขาไปฐานที่ตรอกหลิงจิ้ง หลี่ว์ซู่ได้รับการต้อนรับเช่นไร เขาได้รับการต้อนรับแบบไหน ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดี…

 

 

แม้กระทั่งตอนที่หลี่จื่อมู่เห็นรูปเหมือนราชันฟ้าที่เก้าก็เดาไปว่าจะเป็นหลี่ว์ซู่หรือเปล่า ในฐานะแผนคลับของหลี่ว์ซู่ เขาจึงให้ความสนใจกับหลี่ว์ซู่มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าความเคลื่อนไหวของหลี่ว์ซู่ลึกลับมาตลอด …

 

 

ตอนนี้นักศึกษาสาขาการต่อสู้ก็เริ่มสับสนว่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้องตัวเองกลายเป็นแฟนคลับของคนอื่นไปแล้ว …

 

 

พอหลี่ว์ซู่เห็นหลี่จื่อมู่ก็จำได้ว่า ตอนที่เขาถูกห่าวจื้อเชาไล่ตามฆ่า แล้วเขาก็ซัดสลบไปสามคน คนหนึ่งคือหัวหน้าผู้ฝึกสอนใหญ่ของซานโจวในทุกวันนี้และอีกสองคน หลี่จื่อมู่คนนี้บังเอิญอยู่ที่นั่นด้วย ปากยังคาบซาลาเปาไว้สี่ลูกอยู่เลย

 

 

“อ่อ” หลี่ว์ซู่เดิมว่าจะมาหาเรื่องแต่อีกฝ่ายดันสุภาพกับเขาแบบนี้ก็เลยหมดอารมณ์ “พวกนายจะเข้าร่วมงานประลองเจ็ดวิทยาลัยไหม”

 

 

“เข้าร่วมซิ! ” หลี่จื่อมู่ประหลาดใจ

 

 

“ลองคิดดูอีกครั้งนะ” หลี่ว์ซู่พูด

 

 

“ไม่เข้าร่วม …” หลี่จื่อมู่พอเดาได้ว่าหลี่ว์ซู่ หมายถึงอะไร

 

 

[ได้แต้มจากหลี่จื่อมู่ +166…]

 

 

“อืม” หลี่ว์ซู่พยักหน้าและหันหลังเดินกลับไป “ถ้าว่างก็มาดื่มกันหน่อยนะ”

 

 

กลุ่มนักศึกษาสาขาการต่อสู้เห็นหลี่ว์ซู่พาคนอื่นเดินกลับไป เงาร่างนั้นมืดสลัวท่ามกลางแสงไฟบนทางเดิน ทั้งห้าคนเดินตรงไปตามทางเดินใต้แสงไฟ ชายหนุ่มที่อยู่หน้าสุดเหมือนกับก็อดฟาเธอร์ในหนังภาพยนตร์มาเฟีย

 

 

“ไปหาใครต่อไป”

 

 

“สาขาสืบสวนไหม”

 

 

มีเสียงเล็กๆ ลอยมาตามทางเดินและนักศึกษาสาขาการต่อสู้ทยอยถอนหายใจกัน สาขาวิจัยสายพันธุ์ก่อเรื่องขึ้นซะแล้ว! พวกเขาคงไม่อยากให้สาขาอื่น ๆ ลงประลองวิทยาลัยทั้งเจ็ดล่ะซิ

 

 

เมื่อจงอวี้ถังมาถึง หลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ก็ไปหาสาขาสุดท้ายแล้ว สาขาวิจัยเคล็ดวิชา

 

 

สาขาวิจัยเคล็ดวิชาและสาขาวิจัยสายพันธุ์เคยถูกขนานนามว่าเป็นสาขาวิชาสายภาษา มีแต่นักศึกษาที่อ่อนแอ ดังนั้นพอหลี่ว์ชูและคนอื่น ๆ มาถึงประตูสาขาวิจัยเคล็ดวิชา คนของสาขานั้นต่างตกใจกลัวกัน

 

 

หัวหน้าห้องถามเสียงค่อยว่า “พวกนายมีเรื่องอะไรเหรอ”

 

 

“พวกนายจะเข้าร่วมการประลองเจ็ดวิทยาลัยไหม” หลี่ว์ซู่ถาม

 

 

อีกฝ่ายโบกมือถี่ๆ “ไม่ร่วมๆ … “

 

 

จงอวี้ถังมาเห็นก็ถอนหายใจ เขาคิดว่าหลี่ว์ซู่จะต้องไปมาทุกสาขาแล้วแน่นอน เขาจึงเริ่มปวดหัว “หลี่ว์ซู่ เธอจะทำอะไรกันแน่! “

 

 

หลี่ว์ซู่พูดเสียงหนักแน่นว่า “ผมมาถามทุกคน สาขาอื่นๆ เหมือนจะไม่ยอมเข้าร่วมการประลองแต่ช่วงเวลาแห่งเกียรติยศอย่างนี้จะไม่มีใครอาสาเลยเหรอ คนอื่นไม่ลงแข่ง พวกเราสาขาวิจัยสายพันธุ์จะลงแข่งเอง! วิทยาลัยลั่วเสินของเราจะไม่ยอมอ่อนข้อกับเรื่องนี้แน่นอน! “

 

 

[ได้แต้มจากจงอวี้ถัง +666!]

 

 

เชื่อนายเลยจริงๆ หลี่ว์ซู่พูดคุณธรรมเสียงหนักแน่นนแบบนี้จะเรื่องดีได้ยังไง!

 

 

นักศึกษาสาชาวิจัยเคล็ดวิชาที่อยู่ข้างๆ ก็คิดในใจว่าถ้าเมื่อครู่พวกเขาบอกว่าจะเข้าร่วมคงโดนอัดแล้วซิ

 

 

จงอวี้ถังรู้สึกว่าเขาควบคุมไม่ได้แล้ว ชื่อเสียงที่บ้าระห่ำของหลี่ว์ซู่จึงแพร่กระจายไปทั่ววิทยาลัยลั่วเสินในบ่ายวันนั้นทันที ว่ากันว่าสาขาสืบสวนไม่ยอม สุดท้ายนักศึกษากว่าร้อยคนก็ต่อสู้จนแพ้ไป

 

 

ข่าวนี้ถูกจงอวี้ถังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไปยังตรอกหลิงจิ้งเมื่อเนี่ยถิงเห็นข้อมูลนี้เขาแทบอยากจะชักดาบออกมาฟัน

 

 

ตอนนี้เขาต้องควบคุมตัวเอง ไม่ได้หมายถึงเขาควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้แต่พลังที่เหนือระดับ A นั้นมีโลกและกฎธรรมชาติของตนเอง หากใช้ออกไปก็เสมือนมีใช้กฎของธรรมชาตินั้นออกไปด้วย

 

 

กฎธรรมชาติอันใหม่นี้เป็นพลังที่ไม่เข้ากับโลกเดิมเลย ตอนนี้จะว่าเนี่ยถิงคือกฎและโลกใบเล็กที่เดินได้ก็ไม่ผิดอะไร ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีปรากฏการณ์ขับไล่ซึ่งกัน

 

 

และโลกที่เขาอาศัยอยู่เหมือนใกล้จะพังทลายลง ดังนั้นจึงไม่สามารถต้านทานพลังที่รุนแรงได้มากนัก!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset