เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นว่าโยวหมิงอวี่โดนแขวนเป็นเป็นเครื่องบูชายัญแล้วเขาก็ต้องกระโดดหนีด้วยความกลัว หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คงจะโกรธที่เขาหายไปนาน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจงอวี้ถังหรือทำไมจะต้องเปลี่ยนคนติด่อมาเป็นโยวหมิงอวี่ อีกอย่างโยวหมิงอวี่เองก็ทุ่มเทมากด้วย เขาต้องให้ข้อมูลหลี่ว์ซู่ตั้งมากมายในตอนที่เขาถูกแขวนเป็นเครื่องบูชายัญแบบนี้มาตลอด
หลี่ว์ซู่ถามเขาออกไป “คุณถูกแขวนอยู่บนนั้นมานานเท่าไหร่แล้วครับเนี่ย”
โยวหมิงอวี่ได้ยินแล้วก็เงียบหายไปในความคิดของตัวเอง “ฉันมาอยู่นี่ได้สามปีแล้ว แล้วก็ต่อไปอีกสามปีเรื่อยๆ ก็เกือบๆ จะสิบปีแล้วล่ะไอ้น้องชาย ฉันต้องบอกตัวเองเสมอว่าฉันเป็นตำรวจ ขนาดฝันก็ยังตะโกนออกมาเลยว่า ‘วางปืนของแกลงนะ ฉันเป็นตำรวจนะโว้ย!’ ”
หลี่ว์ซู่งงมาก “แสดงเก่งอะไรแบบนี้ครับเนี่ย รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวผมจะเอาคุณลงมาเอง”
“ไม่ต้องหรอก” โยวหมิงอวี่พูด “ก็ฉันทำเสี่ยวอวี๋โกรธนี่ ให้เธอระบายความโกรธของเธอเถอะ”
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เอาคนมาแขวนเป็นเครื่องบูชายัญแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย เขายืดแขนออกไปจับเสา แล้วเขาก็กำลังจะปล่อยโยวหมิงอวี่ออกมาได้อยู่แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดคิดก่อน
[ได้รับแต้ม จากโยวหมิงอวี่ +299]
หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย ตอนแรกเขาให้แต้มอารมณ์มา 199 แต้ม แต่หลังจากที่หลี่ว์ซู่บอกว่าจะปล่อยเขาลงมามันก็เพิ่มไปเป็น 299 แต้ม!
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าโยวหมิงอวี่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอง เขาก็เลยให้แต้มอารมณ์มากว่า 299 แต้ม มันน่าจะไม่ใช่ที่เขาคิดไว้หรอกมั้ง
แต่เมื่อเขาดึงเสาออกมามันก็เปลี่ยนเป็น 399 แต้มแทน
โยวหมิงอวี่พูดอย่างใจเย็น “นายไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
หลี่ว์ซู่อยากจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้องหรือเปล่า เขาเอาเสานั้นวางไว้บนพื้นและแอบเช็กระบบหลังบ้านของตัวเอง ครั้งนี้โยวหมิงอวี่ไม่ได้ให้แต้มอารมณ์อะไรมาเลย!
“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่มองหน้าโยวหมิงอวี่ เขาไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้ แต้มอารมณ์ได้อธิบายทุกอย่างหมดแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงให้แต้มอารมณ์มาแค่ 199 แต้มหลังจากที่โดนแขวนมากนานขนาดนี้
หลี่ว์ซู่ปล่อยโยวหมิงอวี่ไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมว่า “ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่คุณติดอยู่ที่นี่มาตั้งหลายวัน รีบไปพักเถอะครับ”
เขาอยากจะตบไหล่โยวหมิงอวี่แต่เขาก็ลดมือกลับมา เขาเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันหลังกลับมาเลย
[ได้รับแต้ม จากโยวหมิงอวี่ +666]
“ระวังนะ เดี๋ยวนี้โลกเรามีอะไรแปลกๆ ตั้งเยอะ แล้วจับตาดูกระรอกตัวนั้นไว้ด้วยล่ะ” โยวหมิงอวี่พูด
หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจ เกิดอะไรแปลกๆ ขึ้นงั้นเหรอ หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่เขาหายไปในทะเลกว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา
แล้วเสี่ยวซยงสวี่ไปเกี่ยวอะไรด้วย หลี่ว์ซู่เริ่มจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว
ตอนนี้เสี่ยวซยงสวี่ฉลาดขึ้นมา และสติปัญญาของมันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนมากเท่าไหร่เลย แต่มันไม่ได้รับการสั่งสอนด้านศีลธรรมที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก มันอาจจะเกิดความเชื่อที่ผิดๆ หลังจากได้เห็นโลกกว้างอันยิ่งใหญ่มาก็ได้
หลี่ว์ซู่เปิดประตูเข้าไปเจอชามบะหมี่รสมะเขือเทศใส่ไข่ที่เพิ่งทำสดๆ ใหม่ๆ ควันขึ้นหอมฉุย มันเหมือนเป็นอาหารที่ป้าหลิวทำให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเขากินตอนที่กลับไปเมืองชิงโจวเลย
มีคนเอาเกี๊ยวให้กินก่อนออกจากบ้านและต้อนรับด้วยบะหมี่ตอนกลับมาถึงบ้าน มันให้ความอบอุ่นใจเหมือนกับว่ามีคนรออยู่ที่บ้านเลย พวกเขามัวแต่ยุ่งอยู่ในครัวเพื่อให้เขาจะได้กินอาหารที่เพิ่งปรุงสุกใหม่ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว
มีเสียงโทรทัศน์เปิดไว้เบาๆ และข่าวก็กระจายไปทั่วโลก ผู้ประกาศข่าวหญิงสาวรายงานอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในบ่ายวันนั้น รถจักรยานยนต์สองคันชนกันและบาดเจ็บมากกว่าเจ็ดสิบคน
หลี่ว์ซู่เห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่งอยู่บนโซฟาและกำลังอ่านหนังสืออยู่ เหมือนกับว่าเธอไม่เห็นว่าหลี่ว์ซู่กลับมาถึงบ้านแล้วเลย
“เธอ…” หลี่ว์ซู่อยากจะพูดกับเธอแต่หยุดลงไปก่อน
เหมือนว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไม่ได้ยินอะไรเลย และชามบะหมี่นั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
“อ่านหนังสือกลับหัวอยู่นะ” หลี่ว์ซู่พูดต่อ
[ได้รับแต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +999]
เธอไม่ได้มีท่าทีอะไรต่อมา หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ปาหนังสือลงบนโซฟาแบบเงียบๆ และเปลี่ยนช่องไปดูนารูโตะแทน “กินบะหมี่ซะ เสี่ยวซยงสวี่เป็นคนทำไม่ใช่ฉัน”
เสี่ยวซยงสวี่กระโดดเข้ามาจากหน้าต่าง มันเห็นว่าบรรยากาศในห้องเริ่มแปลกๆ แล้วมันก็อึ้งไป
มันลังเลที่จะเอาสมุดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังของมันแล้วเขียนลงบนกระดาษด้วยดินสอจิ๋ว [ใครทำบะหมี่ชามนี้กัน ขอกินได้ไหม]
[ได้รับแต้มจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ +299]
หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมา ที่แท้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เป็นคนทำบะหมี่ชามนี้นี่เอง เธอทำเป็นโกรธและไม่สนใจเขา แต่เมื่อเธอรู้ว่าเขากลับมาแล้วเธอก็อดจะเข้าครัวไปทำอาหารสดๆ ใหม่ๆ ให้หลี่ว์ซู่กินไม่ได้
หลังจากที่ไปเที่ยวมารอบโลกแล้ว และไปเจออารมณ์ของมนุษย์มามากมาย ก็จะเกิดความเหงาขึ้น เหมือนกับว่าโลกได้กลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แต่เมื่อหลี่ว์ซู่มองเสี่ยวซยงสวี่ หน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าน่ากลัว เขาจับเสี่ยวซยงสวี่ไว้ในมือ “ขนของแกไปโดนอะไรมา”
ขนกระจุกหนึ่งของเสี่ยวซยงสวี่เปลี่ยนกลายเป็นสีสดใส เหมือนกับว่ามันจะไปดัดขนมาด้วย มันดูฉลาดมาก
เสี่ยวซยงสวี่ก็เลยเอาสมุดเล็กๆ นั่นออกมาเขียนตัวสั่นด้วยความกลัว [ก็ไปสูบบุหรี่กับดื่มเหล้ามานิดหน่อย แล้วก็ดัดขนตัวเองไปน่ะ แต่ผมยังเป็นกระรอกดีอยู่นะ]
“ไปสักมาด้วยหรือเปล่า” หลี่ว์ซู่เงียบไปก่อนถาม
[รอยสักเหรอ…] เสี่ยวซยงสวี่มองหน้าหลี่ว์ซู่อย่างระมัดระวังแล้วเขียนตอบ
“เดี๋ยวฉันจะสักคำว่าหยาบคายไว้บนตัวแก” หลี่ว์ซู่บอกอย่างใจดี
[ได้รับแต้มจากเสี่ยวซยงสวี่ +666]
ในที่สุดหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ลุกขึ้นและเดินออกไป หลี่ว์ซู่เห็นว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กระโดดขึ้นไปบนหลังคา
เขาปล่อยเสี่ยวซยงสวี่ลงไปแล้วเดินออกไปเหมือนกัน เมื่อเขาอยู่บนหลังคาแล้วเขาก็เห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่งอยู่บนสันหลังคา ใบหน้าของเธอหันไปทางพระอาทิตย์ตกแล้วกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“โลกภายนอกมันไม่น่าตื่นเต้นหรอกเหรอหลี่ว์ซู่” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดเสียงเบา “ฉันไปที่รัสเซีย อียิปต์ และเยอรมันนีมา คนใจดีมากเลยนะ ถึงแม้จะไม่เข้าใจที่พวกเขาพูดก็เถอะ พวกเขาแบ่งอาหารให้ฉันกิน แน่นอนล่ะว่ามันมีคนไม่ดีด้วย แต่ฉันก็ขอบคุณคนที่ให้อาหารและฆ่าพวกคนไม่ดีนั้นทิ้งไป”
หลี่ว์ซู่นั่งอยู่ข้างๆ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ พวกเขานั่งมองพระอาทิตย์ตกลงไปในเมฆสีส้มจากที่ไกลๆ และอาบแสงแดดอุ่นนั่น หลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดอะไรกลับมา หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เลยพูดต่อ
“ฉันไปรัสเซียมา 5 วัน แต่ก็โดนคนที่นั่นโจมตีมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉันคิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว เขาทำบ้าอะไรอยู่นะ แต่หลังจากนั้นฉันก็ไปอียิปต์ต่ออีก 11 วัน และไปเยอรมันต่ออีก 7 วัน ฉันอยากจะไปสวีเดนด้วยแต่ว่าไปผิดทาง หลังจากนั้นก็ต้องกลับมาแบบผิดหวังนี่แหละ ฉันไปที่ไกลๆ แบบนั้นเป็นครั้งแรกเลยนะ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นว่าโลกนี้มันใหญ่มาก ใหญ่เสียจนฉันตามหาเธอไม่เจอเลย”