ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 693 ปรมาจารย์หุ่นเชิดปรากฏตัวในโลกที่วุ่นวายแล้ว

“หลี่ว์ซู่ลักพาตัวคอรัลไป” สือเสวจิ้นพูดขณะที่เขากำลังกินแพนเค้กต้นหอม

 

 

แต่เนี่ยถิงไม่ได้ตอบกลับ

 

 

“ฉันบอกว่า หลี่ว์ซู่ลักพาตัวคอรัลไป” สือเสวจิ้นพูดซ้ำอีกรอบ

 

 

เนี่ยถิงหันมาตอบกลับเขาอย่างไร้อารมณ์ “รู้แล้ว แต่อย่าเพิ่งมาพูดกับฉันตอนนายกำลังกินต้นหอมได้ไหม”

 

 

“นายดูถูกต้นหอมจังนะ” สือเสวจิ้นพูด

 

 

“ฉันไม่ได้ดูถูกต้นหอม ฉันดูถูกนายที่กำลังกินต้นหอมอยู่เนี่ย” เนี่ยถิงตอบ “คิดว่าหลี่ว์ซู่จะพาคอรัลไปที่ไหน”

 

 

แผนตอนแรกของเนี่ยถิงนั้นชัดเจนมาก เมื่อมีองค์กรจากยุโรปมารวมตัวกันมากมายในซาร์ดิเนียเพื่อแข่งขันเอาอะไรบางอย่างแล้วก็ย่อมมีการต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแน่นอน ซึ่งนี่ก็อาจทำให้พลังของผู้บำเพ็ญในยุโรปที่มีอำนาจกว้างไกลไปจนถึงทวีปอื่นๆ อ่อนแอลงก็ได้

 

 

เขาไม่ได้วางแผนนี้ไว้หรอก เขาก็แค่ดูอยู่ห่างๆ เพื่อจะรอให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง และนี่ก็เป็นข้อจำกัดของคนเป็นหัวหน้ากลุ่มเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

สือเสวจิ้นถอนหายใจออกมา “นี่เป็นความรักที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบสองสามปีนี้ของฉันเลยนะ มันจะทำให้เกิดความขัดแย้งในยุโรป ผู้คนจะถูกตามล่าและหนีกันหัวซุกหัวซุน และต้นเหตุก็มาจากคำง่ายๆ ที่เรียกว่ารักเท่านั้นเอง”

 

 

“แน่ใจเหรอว่าสองคนนั้นรู้ว่ารักคืออะไร ไม่ต้องพูดถึงคอรัล แน่ใจเหรอว่าหลี่ว์ซู่จะรู้จักคำว่ารัก ฉันว่าเขาไม่เข้าใจว่าจะรักอย่างไรด้วยซ้ำ” เนี่ยถิงพูดอย่างดูถูก

 

 

“แต่ฉันว่ารักคือความโง่เขลานะ” สือเสวจิ้นพูดไปหัวเราะไป “จะมีใครสักกี่คนบนโลกนี้ที่รู้ว่ารักคืออะไร ในความไม่รู้ของพวกนั่นแหละที่จะทำให้พวกเขาทำอย่างดีที่สุดโดยไม่ต้องคิดมาว่าอีกฝ่ายจะให้อะไรตอบแทนมาบ้าง นี่แหละรัก หรือฉันพูดผิดไป”

 

 

“นายทำเอาคำว่ารักดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเลย” เนี่ยถิงตอบเสียงเรียบ “เอาเรื่องนี้ไปบอกเฉินไป่หลี่แล้วให้เขาตามไปยุโรป เขาต้องไปเอาหลี่ว์ซู่กลับมาอย่างปลอดภัยแน่ เพราะเจ้านั่นมีประโยชน์กับเครือข่ายฟ้าดินมาก”

 

 

“ถ้านายอยากจะปกป้องก็ทำตามนั้นเถอะ” สือเสวจิ้นหัวเราะเสียงดัง “ไม่ต้องหาข้ออ้างหรอก แต่ฉันรู้สึกว่าถ้าเฉินไป่หลี่ไปโจมตีผู้มีพลังทั่วเข้ามันจะออกมาไม่สวยเท่าไหร่นะ ให้เขาไปหยุดหัวหน้าบาทหลวงดีกว่า ถ้าหัวหน้าบาทหลวงยังไม่เคลื่อนไหวอะไรหลี่ว์ซู่ก็จะยังปลอดภัยอยู่แน่”

 

 

สือเสวจิ้นและเนี่ยถิงรู้จักกันมามากกว่าสามสิบปีแล้ว พวกเขาเข้าใจกันดี เนี่ยถิงแค่เป็นห่วงหลี่ว์ซู่เท่านั้นเองเพียงแต่เขาไม่อยากจะยอมรับ

 

 

“ฉันเนี่ยนะเป็นห่วงเขา ฉันแค่คิดว่าเครือข่ายฟ้าดินยังต้องการคนแบบเขาก็เท่านั้น”

 

 

“อืมๆๆ” สือเสวจิ้นหัวเราะ “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน หลี่ว์ซู่ถึงทนหน้าหนาวในรัสเซียได้ตอนอยู่ในสนามรบ โอ้ ว่าแต่เฉินจู่อาน เฉาชิงฉือ และคนอื่นๆ ล่ะ”

 

 

“เออ เพิ่งจะนึกถึงพวกเขาออกนี่แหละ” เนี่ยถิงนวดขมับตัวเอง

 

 

“อีกอย่างนี่ก็กลายเป็นปัญหาส่วนตัวของหลี่ว์ซู่แล้ว จะส่งเฉินไป่หลี่ไปดีเหรอครับ”

 

 

เฉินไป่หลี่ผู้พากเพียรฝึกฝนตัวเองมาโดยตลอดกำลังจะต้องบินไปยุโรปเพื่อให้ความช่วยเหลือภารกิจตามคำสั่ง แต่ตอนนี้กลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาปรากฏตัวที่สวนบ้านเขา

 

 

เขามองไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและสูทสีดำแลดูบอบบาง ใครจะรู้ว่านี่คือปรมารจารย์หุ่นเชิดที่เขย่าโลกนี้ให้ปั่นป่วนมาแล้ว

 

 

เฉินไป่หลี่ถามออกไปอย่างใจเย็น “คุณหนู มาหาฉันเหรอ”

 

 

“คุณน่าจะรู้นะว่าฉันคือใคร เอาจริงๆ แล้วฉันไม่ได้คิดเลยว่าพวกคุณจะหาฉันเจอได้เร็วขนาดนี้ บอกเคล็ดลับหน่อยสิว่าทำยังไง” คลาวด์อีหัวเราะตอบ

 

 

“จะทำยังไงน่ะไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือผลออกมายังไงต่างหาก นี่มาเพื่อจะหยุดฉันเหรอ” เฉินไป่หลี่ถามด้วยน้ำเสียงสูงส่ง

 

 

“ที่ยุโรปก็วุ่นวายพอควรแล้ว ฉันว่าเครือข่ายฟ้าดินไม่ควรเข้าไปยุ่งดีกว่า ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวโลกนี้จะถูกคุณทำลายเอาได้” คลาวด์อีตอบยิ้มๆ

 

 

“การทำลายล้างจะส่งผลต่อแค่มนุษย์เท่านั้นแหละ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับปรมาจารย์หุ่นเชิดด้วยล่ะ” เฉินไป่หลี่ไม่ได้อารมณ์ดีนัก ทำไมปรมาจารย์หุ่นเชิดถึงจะมาสนความสงบสุขของโลกเอาล่ะ พวกมูลนิธิไม่อยากจะยุ่งกับปรมาจารย์หุ่นเชิดมาหลายปีแล้ว แล้วพวกเขามาสนใจเรื่องเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

“โลกนี้เป็นที่ที่ราชาของฉันจะกลับมา และโลกทั้งโลกนี้เป็นของราชาของฉันเพียงผู้เดียว ฉันจะปล่อยให้คุณทำลายไปไม่ได้หรอก เราเป็นศัตรูกันจนกว่าจะมีใครตายไปนั่นแหละ แต่ถ้าฉันสอดมือเข้ามายุ่งด้วยเมื่อไหร่ ก็เกรงว่าคุณคงไม่มีทางหยุดฉันได้หรอก เลือกเอาเองนะ” คลาวด์อีส่ายหัว

 

 

“งั้นก็มาสู้กันก่อนคุยกันดีไหม” เฉินไป่หลี่หัวเราะอย่างเย็นชา

 

 

“ไม่จำเป็นหรอก” คลาวด์อีส่ายหน้า “ถึงฉันจะฆ่าคุณไปราชาของฉันก็คงจะเสียประชาชนของเขาไปแค่คนเดียว ยังไงสุดท้ายแล้วราชาของฉันก็จะต้องสูญเสียมากมายอยู่ดี แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะเอาหัว หน้าบาทหลวงเข้ามาร่วมในปัญหานี้ให้ได้ อย่างนั้นถึงค่อยยุติธรรมหน่อย”

 

 

พอเธอพูดจบเธอก็รีบรุดขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเฉินไป่หลี่หยุดนิ่งไปสักพักแล้วเขาก็พุ่งขึ้นฟ้าไปเหมือนกัน เขาไม่เข้าใจว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดคิดอะไรอยู่และไม่เข้าใจตรรกะบิดเบี้ยวของเธอเลย เธอกำลังปกป้องโลกนี้เหมือนกัน แต่ว่าต้องการจะปกป้องโลกนี้ให้กับราชาของเธองั้นเหรอ

 

 

เริ่มจะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเสียแล้วสิ

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามศักดิ์ศรีของเครือข่ายฟ้าดินไม่ควรที่จะถูกยั่วยุได้

 

 

ในขณะเดียวกันพยัคฆ์จื๋อลอยอยู่ในอากาศเหนือเมืองทางใต้ของซาร์ดิเนีย เขาอยู่ในเสื้อคลุมสีดำ และมีหุ่นเหล็กยืนอยู่ข้างๆ ดูแล้วเหมือนกับเป็นภูเขาลูกใหญ่ หัวหน้าบาทหลวงลอยอยู่ตรงข้ามเขา สีหน้าของหัวหน้าบาทหลวงไม่ค่อยสู้ดีนัก

 

 

“นี่เห็นว่ากลุ่มแก่นความเชื่อเป็นศัตรูเหรอ”

 

 

“ไม่ใช่เลย ไม่ใช่ ผมก็แค่ยอมให้คุณพลิกฟื้นเมืองนี้ขึ้นมาเท่านั้นเอง โลกนี้มันอ่อนแอนะ ถ้าพวกคุณอยากสู้กันก่อนที่ราชาของผมจะกลับมาก็ตามสบายเลย” พยัคฆ์จื๋อหัวเราะตอบ

 

 

“ทำไมถึงไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราล่ะ” หัวหน้าบาทหลวงจากแก่นความเชื่อระเบิดหัวเราะออกมา “ฉันรู้ว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก ถ้าร่วมงานกันโลกนี้ก็คงจะควบคุมง่ายขึ้นเยอะ”

 

 

“คุณไม่คู่ควรน่ะ” พยัคฆ์จื๋อหยุดคิดไปสักพักก่อนหัวเราะตอบออกมา

 

 

มีเสียงดังออกมาจากเงามืดของผ้าคลุม สามารถสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกและความทรงพลังออกมาจากเสียงนั้น เมฆสีเทาลอยเข้ามารวมกันและเข้าจู่โจมซาร์ดิเนียทันที

 

 

ทางเหนือของอิตาลีตอนนี้มีแต่ฝนตกหนัก มีมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่สองสามพันล้านคนบนโลกนี้ แต่อาจารย์หุ่นเชิดสองคนนั้นทรงพลังมาก ราวกับว่าถึงทุกองค์กรในโลกรวมกันก็ไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้

 

 

เครือข่ายฟ้าดินสามารถหยุดพวกเขาได้ แต่พวกเขาอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง อีกอย่างหัวหน้าบาทหลวงจากแก่นความเชื่อก็ไม่มีความกล้าที่จะยุแหย่ยอดฝีมือสองคนหลังจากเผชิญหน้ากับนักบุญมาแล้ว โลกนี้มันวุ่นวายมาเสมอแหละ เมื่อได้เข้ามาในการแข่งนี้แล้วก็ไม่สามารถจะเลือกทางเดินตามใจชอบได้ เว้นเสียแต่ว่าคนคนนั้นจะมีพลังที่อยู่เหนือคนระดับ A จากนั้นแหละถึงจะได้มองลงมาอย่างสบายใจ

 

 

แต่ที่แตกต่างก็คือ เมื่อคลาวด์อีบินขึ้นฟ้าไปแล้ว เฉินไป่หลี่ก็จะตามไปเพื่อสู้กับเธอ เมื่อมีคนในเมืองหนานฉางพบเห็นเหตุการณ์นั้นแล้วพวกเขาก็หวาดกลัวอย่างมาก ในฝั่งของหัวหน้าบาทหลวงจากแก่นความเชื่อก็ค่อยๆ ถอยออกมาจากเมืองทางตอนใต้ของซาร์ดิเนีย และไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม ความแตกต่างนี้ชัดเจนมากจริงๆ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset