ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 677 ปกป้องคอรัล

ทะเลทรายบิลมา แอฟริกา

 

 

บรรยากาศรอบข้างทั้งร้อนและแห้งถ้ามองจากที่ไกลๆ แล้วก็จะเหมือนมีคนยัดกระดาษแก้วไว้ในอากาศจนทำให้ในอากาศบิดเบี้ยวไปหมด

 

 

รถวิ่งทางไกลกำลังวิ่งอยู่ในความเร็วระดับสูงสุด ล้อรถปัดทรายไปตามทาง ทางที่พวกเขามานี้แทบไม่มีใครมาเลย ขนาดพวกคนแอฟริกาท้องถิ่นเองยังไม่ค่อยมีให้เห็น มีใครคนหนึ่งสวมแว่นกันแดดนั่งอยู่บนเบาะโดยสารและเขากำลังถืออาวุธวิเศษทั่วๆ ไปอยู่ในมือ เหมือนกับว่าเขากำลังดูการเคลื่อนไหวรอบ ๆ อย่างระมัดระวังขณะลาดตระเวน

 

 

ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินอยู่ในทะเลทรายบิลมาแห่งนี้ ทั้งหน้าและศีรษะของเขาถูกทรายปกคลุมไปทั่วอย่างกับว่าเขาเดินเท้าในทะเลทรายอย่างนั้นแหละ คนคนนั้นสวมชุดทหารที่ดูคล้าย ๆ กับที่พวกเขาใส่อยู่ แต่นี่มันกลางเดือนพฤษภาคมนะ ความร้อนในตอนนี้ไม่ปรานีใครเลย แล้วใครกันจะสามารถเดินเท้าในทะเลทรายบิลมาในตอนนี้ได้ ทั้งสองคนบนรถเป็นผู้มีพลังระดับ E พวกเขาไม่อยากจะคิดถึงว่าความร้อนในทะเลทรายบิลมาตอนนี้จะเป็นอย่างไรเลย

 

 

พวกเขาเดากันว่าชายหนุ่มที่สวมชุดทหารคนนี้น่าจะเดินตามชายขอบของทะเลทรายมา

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นหยุดอยู่ที่ชายแดนทะเลทราย เขามองดูพืชพรรณเขียวชอุ่มที่อยู่ไกล ๆ “ในที่สุดก็ออกมาซะที่นะเนี่ยถิง ท่านนี่มันเกินไปจริง ๆ ให้ผมเดินมาตั้งไกลเพื่อมาร่วมกับกลุ่มใหม่เนี่ย”

 

 

รถวิ่งทางไกลหยุดห่างจากหลี่ว์ซู่ไปประมาณห้าสิบเมตร ทหารทั้งสองคนลงมาจากรถเพื่อมาสอบปากคำหลี่ว์ซู่ เพราะพวกเขาเห็นว่าหลี่ว์ซู่ใส่ชุดคล้าย ๆ กับพวกเขา “แกเป็นสายลับหรือเป็นเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของศัตรูกันแน่”

 

 

“แล้วมันต่างกันตรงไหนเนี่ย” ชายหนุ่มคนนั้นดูงง ๆ

 

 

“….ก็ต่างเยอะอยู่” ทหารสองคนนั้นดูงง ๆ เหมือนกัน แต่พวกเขาก็ถามต่อ “อย่าเปลี่ยนเรื่อง นายเป็นใครกัน”

 

 

“ฉันก็เป็นผู้สืบทอดของระบบสังคมนิยมไง เดี๋ยวนะ ขอถามอะไรหน่อยสิ ตอนนี้ฉันอยู่ไหนน่ะ อยู่ตรงส่วนไหนของทะเลทรายบิลมากันแน่” ชายหนุ่มคนนี้เงียบไปสักพักก่อนพูดออกมา

 

 

ชายหนุ่มคนนี้ไม่เข้าใจเลยว่าเขาไปเป็นสายลับหรือเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของศัตรูตอนไหน คนพวกนี้เข้ามาซักไซ้เขาเองนี่ เขาไม่อยากจะไปกวนโมโหอะไรคนพวกนี้หรอก เขาก็แค่คนเดินผ่านมาเท่านั้น

 

 

แต่ทหารทั้งสองคนดูจะงงกว่าเดิม ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย ถึงพวกเขาจะมีอาวุธอยู่ในมือแต่ชายหนุ่มคนนี้ก็ยังดูมีท่าทีสบาย ๆ พวกเขาไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร “ตอนนี้พวกเราอยู่ทางเหนือ แล้วนายเป็นใครกัน”

 

 

“มาถูกทางแล้วสินะเรา ขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ” หลี่ว์ซู่เช็ดหน้าของเขาแล้วถามต่อ “ส่งผมตรงที่ทะเลก็ได้”

 

 

ทหารสองคนนั้นมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา นี่เขาไม่ได้มองพวกเราเป็นศัตรูเลยเหรอ “แล้วนายเป็นใคร ทำไมพวกเราต้องไปส่งนายที่ทะเลด้วย”

 

 

ขณะที่พูดพวกเขาก็ถอยกันไป ทหารสองคนนี้ไม่ได้โง่นะ ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่กลัวพวกเขาเลยเพราะมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่น่ะสิ

 

 

เขาอาจจะร้ายขึ้นเมื่อผ่านไปสักพักก็ได้ เพราะฉะนั้นไอ้หมอนี่มีคนหนุนหลังแหงๆ

 

 

พวกเขาสองคนคงเอาชนะเขาไม่ได้ด้วย พวกเขาจะต้องรีบกลับฐานเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยกำลังเสริม การถอยทัพบางครั้งก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีและไม่น่าอายหรอก

 

 

หลี่ว์ซู่เริ่มเสียใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเลือกแล้ว เขาน่าจะใช้พลังน้ำของตัวเองเดินทางใต้น้ำตั้งแต่แรก เขาน่าจะถามไปว่าจะมีใครไปส่งเขาไปยุโรปหรือเปล่าตอนได้รับข้อความมา และมีแต่ราชันฟ้าเท่านั้นที่จะได้รับอะไรแบบนี้

 

 

เขาทนอายต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเครือข่ายฟ้าดินต้องการจะทำให้ใครอับอายกันนะ เขาเลยเริ่มเดินเท้าด้วยความโมโห อยากจะขับรถก็ขับไม่ได้เพราะเขาจนเกินไป

 

 

เขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันผิดถนัด เขาน่าจะลงไปใต้น้ำแต่แรก ถึงจะต้องเดินทางไกลกว่านี้เป็นสองเท่าแต่อย่างน้อยเขาก็ไปเร็วกว่าเดิมได้ เขาไม่อยากจะถูกปกคลุมใต้ทรายตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้หรอก เขาต้องเดินในทะเลทรายบิลมานี้ตั้งสามวันสามคืนเลยนะ แต่ดีที่เขายังไม่ต้องคิดมากเรื่องอากาศ น้ำ และอาหารในตอนนี้

 

 

เขาโดนหลอกมาตลอดเลย!

 

 

แล้วพอสองคนนี้กำลังจะกลับไปขึ้นรถ หลี่ว์ซู่ก็รีบเดินไปตรงหน้ารถ เขาชี้หอกสามง่ามไปที่ศีรษะของคนขับ “อย่าทำแบบนี้เลย ไม่อยากอยู่อย่างสงบๆ เหรอ เข้าใจความหมายของความสงบใช่ไหม นี่ฉันเพิ่งฆ่าคนไป อย่าให้ฉันได้ฆ่าไปมากกว่านี้เลย ดูสิ พวกนายไม่ได้ปฏิบัติต่อฉันอย่างเป็นธรรมเลยนะ ฉันเสียใจนะเนี่ย ไม่อยากจะแก้ตัวกันหน่อยเหรอ”

 

 

ทหารสองคนนั้นพูดไม่ออก เขาพ่นว่าฆ่าคนออกมาเรื่อย ๆ แบบนั้นได้อย่างไรกัน บ้าหรือเปล่า

 

 

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าชายคนนี้เข้ามาประชิดรถได้เร็วขนาดไหน พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรจะปฏิเสธเขาดีกว่า

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่จะใช้กระบี่เฉิงอิ่งเพื่อขู่ แต่ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรมากเพราะกระบี่นั้นเป็นกระบี่ล่องหน เขาเดินไปที่เบาะหลังและถอดเครื่องแบบ EO ที่เขาใส่อยู่จนทรายร่วงกราวไปทั่ว

 

 

พอเขาเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย เขามองขึ้นไปดูพระอาทิตย์ก่อนที่จะเอาหอกสามง่ามออกมาอีกรอบแล้วสั่งออกไป “ขับขึ้นเหนือ อย่าได้กล้าพาฉันอ้อมเชียวล่ะ”

 

 

พวกทหารกำลังจะเอาหลี่ว์ซู่กลับไปที่ฐาน แต่หลี่ว์ซู่รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะทำอะไร “พวกนายคิดจะไปไหนไม่ทราบ ขึ้นไปทางเหนือสิ จากนั้นเราก็จบกัน” หลี่ว์ซู่รู้ว่าถ้าเขาขึ้นไปทางเหนือแล้วจะต้องไปเจอทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแน่ ๆ แล้วถ้าเขาข้ามทะเลทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปได้เขาก็จะเข้าไปสู่เขตแดนของยุโรป

 

 

“ไปขออนุญาตจากพวกเขาเองสิ เดี๋ยวเราก็ต้องเดินทางกลับแล้วถ้าเวลาหมด เราเอารถออกมานานไม่ได้หรอก” คนขับพูดอย่างระมัดระวัง

 

 

“งั้นเดี๋ยวขอถามก่อนนะ” หลี่ว์ซู่พูดขึ้นมาและบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกันเองทันที หลี่ว์ซู่เลยส่งข้อความไปเล่น ๆ

 

 

[ผมต้องไปเจอกับกลุ่มใหม่ที่ไหนนะครับ]

 

 

[ซาร์ดิเนีย]

 

 

หลี่ว์ซู่หาสถานที่นี้ในแผนที่ ซาร์ดิเนียเหรอ มันอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี่ อยู่ทางเหนือของตูนิเซีย

 

 

[ส่งข้อมูลของสมาชิกคนอื่น ๆ มาด้วยครับ] หลี่ว์ซู่ส่งข้อความไปอีก

 

 

[ข้อมูลนี้เป็นความลับสุดยอด มีแต่ราชันฟ้าเท่านั้นถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้]

 

 

[จงอวี้ถัง คุณไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อนเลยนะครับ] หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เขารู้เลยว่าเนี่ยถิงอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นจงอวี้ถังคงไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก

 

 

เนี่ยถิงคิดว่าเขาอยากเป็นราชันฟ้าหลังจากฆ่าระดับ B ไปถึงสามคนงั้นเหรอ

 

 

[ฉันไม่ใช่จงอวี้ถัง] ข้อความถูกตอบกลับมาแล้ว อ้าว งั้นก็เปลี่ยนคนดูแลเรื่องนี้แล้วสิ หลี่ว์ซู่ไม่รู้เลยว่าคนคนนั้นเป็นใคร

 

 

แล้วเขาคิดอะไรออก เขาเลยส่งข้อความตอบกลับไป [อ๋อ]

 

 

[???]

 

 

[ได้รับแต้มจากโยวหมิงอวี่ +666…]

 

 

[ฮ่าๆๆ คุณเองสินะ] หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา ครั้งนี้มีแต่เนี่ยถิง ฉือสเวจิ้น จงอวี้ถัง โยวหมิงอวี่ และหลี่อีเสี้ยวเท่านั้นที่รู้ข้อมูล ถ้ามีคนว่างส่งข้อความมาหาเขานอกจากจงอวี้ถังก็คงเป็นโยวหมิงอวี่นี่แหละ

 

 

แล้วทหารทั้งสองคนก็ตัวสั่นเมื่อได้ยินหลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชา แต่พวกเขาไม่เข้าภาษาจีนเลยสักนิด

 

 

ส่วนโยวหมิงอวี่นั้นก็รู้ตัวแล้ว [รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน]

 

 

[รีบ ๆ หน่อยสิครับ จะมีคนประเภทไหนมาอีกล่ะเนี่ยรอบนี้ ผมสงสัยจะแย่]

 

 

[ราชันฟ้าเนี่ยบอกว่านายรู้จักคนพวกนี้แน่ แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะส่งข้อมูลไปด้วย] โยวหมิงอวี่ตอบกลับ

 

 

หลี่ว์ซู่ก็เข้าใจได้ในทันที งั้นก็ต้องเป็นคนที่เขารู้จักดีน่ะสิ ถ้าไม่อย่างนั้นเนี่ยถิงก็คงไม่พูดอะไรอย่างนี้หรอก

 

 

[ขอข้อมูลภารกิจในยุโรปด้วยได้ไหมครับ] หลี่ว์ซู่ส่งคำถามไป

 

 

[ปกป้องคอรัลและพันธมิตรคนอื่นๆ]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset