ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 620 ทหารในชุดเกราะสีดำ

หลี่ว์ซู่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะกำลังมองไปทางกลุ่มทหารจากทะเลที่ไม่ใส่เสื้อพวกนั้น เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “ทหารจากทะเลพวกนี้จนกันขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่ใช่แล้วมั้ง!” 

 

 

“ไม่เข้าใจเหรอว่าทำไมพวกเขาถึงจน…ขนาดนี้ได้” เฉินจู่อานเหน็บกลับ แต่ก็ไม่กล้าจะหืออะไรมาก… 

 

 

มั่วเฉิงคงถอนใจด้วยอารมณ์เต็มตื้น “จู่อาน ฉันสัมผัสได้ถึงความอยากเอาชีวิตรอดของนาย มา ไหนลองบอกมาสิว่ารู้สึกยังไง” 

 

 

“ไปไกลๆ เลย!” เฉินจู่อานตอบกลับอย่างหัวเสีย เขาเคยบอกไปแล้วว่าไม่เคยมั่นใจอะไรเลยถ้าต้องพูดเรื่องพวกนี้กับหลี่ว์ซู่… 

 

 

สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดของพวกทหารจากทะเลพวกนี้ก็คือเกราะทองแดง พวกนักเรียนห้องเต้าหยวนต้องใช้พลังอย่างมากในการฆ่าทหารพวกนี้ พอตอนนี้ทหารจากทะเลเปลือยเปล่าครึ่งท่อน พวกนักเรียนก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป… 

 

 

ในตอนที่ทหารจากทะเลสวมเกราะแล้วบุกเข้าโจมตีนั้นดูน่าสะพรึงกลัวมาก รังสีที่แผ่ออกมาจากตัวพวกมันทำให้กลุ่มนักเรียนไม่กล้าเข้าไปปะทะด้วย 

 

 

แต่ตอนนี้… นักเรียนห้องเต้าหยวนกลับหวั่นใจกลัวว่าพวกทะเลเปลือยครึ่งท่อนพวกนี้จะเริ่มตั้งวงก๊งเบียร์กันแทน… 

 

 

สู้กันในสภาพแบบนี้จะดีเหรอ 

 

 

หลี่ว์ซู่ยังไม่ได้รับสัญญาณจากเฉินไป่หลี่ว่าจะให้ไปช่วยเสริมกำลังที่ไหนต่อ เขาเลยใช้เวลานี้ลองคิดดูว่าได้เบาะแสอะไรมาบ้างในโบราณสถานแห่งนี้ 

 

 

สิ่งที่หลี่ว์ซู่สงสัยคือเรื่องที่ว่าเกราะของพวกทหารหายไปแล้ว ทำไมพวกมันถึงยังดาหน้าบุกกันเข้ามาอีก 

 

 

ทหารพวกนี้จะเข้ามาโจมตีทุกๆ ห้าชั่วโมง คนที่ควบคุมพวกมันอยู่เบื้องหลังไม่ได้สนใจเลยว่าพวกมันจะอยู่หรือตาย เรื่องนี้แปลกมาก ถึงจะมีทหารมากมายมหาศาลอยู่ใต้ทะเลก็เถอะ เขาก็ไม่ควรที่จะส่งพวกมันขึ้นมาบนฝั่งราวกับไม่ต้องการพวกมันอีกต่อไปแล้วเช่นนี้ 

 

 

แต่ถ้าเกิดว่า… ถ้าเกิดทหารพวกนี้ไม่ได้ตายไปจริงๆ ล่ะ! 

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อทหารจากทะเลตาย มันจะสลายกลายไปเป็นฝุ่น เขาเคยคิดว่าฝุ่นพวกนั้นอาจเป็นศพของพวกมันก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ 

 

 

ในตอนแรก ไม่ว่าทหารจากทะเลจากตายไปมากเท่าไหร่ก็ตาม มันจะโผล่กันมาใหม่พร้อมเกราะทองแดงบนตัว แต่ตอนนี้กลุ่มเศษซากทองแดงของพวกเขาได้วิ่งวุ่นไปรอบเกาะ ทหารจากทะเลพวกนี้ก็เลิกสวมเกราะทองแดงไปดื้อ 

 

 

ราวกับว่าพวกมันอยากทำให้นักเรียนบนเกาะนี้เหนื่อยเล่นอย่างงั้นล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลี่ว์ซู่ก็สงสารพวกทหารพวกนี้จริงๆ แต่ถ้าที่พวกทหารพวกนี้ทำไปไม่ใช่เพื่อหวังเงินล่ะ 

 

 

ถ้าทหารจากทะเลพวกนี้สามารถเกิดใหม่ได้ในไม่กี่ชั่วโมง หรือใช้พลังงานจากในโบราณสถาน หรือไม่ก็ใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง แต่เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือถ้าทหารพวกนี้เกิดขึ้นมาใหม่จริงๆ งั้นในครั้งต่อไปทหารทั้งหมดก็ต้องเปลือยครึ่งท่อนกันแบบนี้น่ะสิ นักเรียนห้องเต้าหยวนรับไม่ได้กันหรอกนะ! 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็คิดว่าคนที่ควบคุมทหารจากทะเลพวกนี้อยู่คงไม่คาดคิดหรอกว่าจะมีใครที่ไหนมาถอดชุดเกราะของพวกทหารออก… 

 

 

เขาตรวจดูบันทึกแต้มอารมณ์ในระบบแล้วก็พบว่ามีแต้มอารมณ์มากมายจากคนแซ่เค่อ 

 

 

ทหารจากทะเลเข้ามาโจมตีอีกระลอกหนึ่งแล้ว ถึงแม้ทุกคนจะได้พักจากการต่อสู้แล้วก็ตาม ทว่าก็ได้พักแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งแค่นี้ไม่พอหรอก ไม่มีเวลาพอสำหรับการนอนพักเลย 

 

 

ถ้าเป็นต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ นักเรียนห้องเต้าหยวนก็จะอ่อนเพลียมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะเหนื่อยติดต่อกันจากการต่อสู้ครั้งที่แล้ว ลากยาวไปถึงการต่อสู้ระลอกถัดไป 

 

 

และนี่อาจทำให้พวกเขาล้มกันได้ 

 

 

“จะทำยังไงดีนะ” หลี่ว์ซู่ถาม 

 

 

เขาไม่รู้เลยว่าที่เดาไปนั้นถูกต้องหรือเปล่า แต่เขาต้องคิดถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดไว้ก่อน 

 

 

“ไปกันเถอะ ไปฆ่าพวกกองทัพทะเลกัน” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น ถึงแม้หนึ่งในสามของทหารนั้นจะเปลือยครึ่งท่อนและนี่ก็ช่วยลดระดับความตึงเครียดในการป้องกันตามแนวไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่ต้องการความช่วยเหลือของพวกเขาอีกต่อไปและพวกเขาก็ไม่สามารถอู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว หลี่ว์ซู่เองก็มีแผนประจันหน้าอยู่เหมือนกัน 

 

 

ด้วยความเห็นแก่ตัวส่วนตัว หลี่ว์ซู่พาระลอกทองแดงของเขาไปที่กองพัน 1 ที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่ ไม่ว่าเขาจะไปช่วยใคร สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกไปช่วยเสี่ยวอวี๋ 

 

 

แต่พอพวกเขาไปถึงกองพันที่ 1 หลี่ว์ซู่ก็พบว่าเสี่ยวอวี๋และคนในทีมของเธอฆ่าพวกทหารจากทะเลไปหมดแล้ว! 

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถอนหายใจ “อะไรกันเนี่ยเจ้าพวกนี้ ไม่เห็นรู้สึกเลยว่าพวกมันขึ้นมาจากทะเล” 

 

 

ใครคนหนึ่งถามขึ้นมา “ถ้ามาจากทะเลต้องเป็นยังไงล่ะ” 

 

 

เสี่ยวอวี๋ตอบกลับ “ก็ต้องกินได้สิ เหมือนล็อบสเตอร์หรือไม่ก็หอยนางรมไง แต่พวกเรากินทหารจากทะเลไม่ได้ เสียชาติเกิดที่เป็นทะเลชะมัด” 

 

 

ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอถึงกับพูดไม่ออก จริงอยู่ที่อาหารนั้นเป็นความภาคภูมิใจของประเทศจีน ตามปกติแล้วการที่มีสิ่งมีชีวิตเข้ามารุกรานนั้นถือว่าเป็นภัยธรรมชาติอย่างหนึ่ง ล็อบสเตอร์เองก็เคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาบุรุกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นชาวนาก็เลยต้องเพาะเลี้ยงมัน 

 

 

ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าอายมากสำหรับสินค้านำเข้านี้ 

 

 

และในตอนนั้นเอง ทหารจากทะเลหลักร้อยก็ปรากฏตัวขึ้นมาเหนือน้ำแล้วพุ่งเข้ามาโจมตี ตอนนี้พวกมันมีเกราะใหม่แล้ว เป็นเกราะสีดำมัน เอาไปเทียบกับเกราะทองแดงเมื่อกี้ไม่ได้เลย 

 

 

ทหารพวกนี้ถือดาบยาวเล่มใหญ่เข้ามากันด้วย ดูคมมากทีเดียว ราวกับแค่ออกดาบครั้งเดียวก็ถึงแก่ความตายได้เลย 

 

 

ทหารกว่าร้อยตนพวกนี้ประสานงานกันอย่างแม่นยำมาก เสียงฝีเท้าของพวกมันทั้งหนักแน่นและพร้อมเพรียงกัน ดูแล้วเหมือนกลองที่ตีก่อนเริ่มสงคราม พวกมันกำลังดาหน้าเข้ามาเพื่อเข่นฆ่า! 

 

 

หลี่ว์ซู่ที่อยู่ห่างออกไปไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งของพวกมันได้เลย เหมือนกับว่าคลื่นพลังงานของพวกมันนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน 

 

 

“ไปกันเถอะ! ไปทำลายขบวนของมันกัน!” หลี่ว์ซู่นำกลุ่มระลอกทองแดงของเขาไปเพื่อโจมตี หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่นี่แล้ว เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไป 

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม พอระลอกทองแดงของหลี่ว์ซู่ใกล้เข้าไปนั้น พวกทหารเกราะสีดำก็หยุดลงกลางทางและถอยกลับลงไปในทะเลก่อนที่ทีมของหลี่ว์ซู่จะไปถึง… 

 

 

หลี่ว์ซู่งงมาก 

 

 

ทำไมต้องหนีไปหลังจากแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยล่ะ ไม่อยากเข้ามาโจมตีงั้นเหรอ 

 

 

“หรือพวกมันจะกลัวโดนโจมตี” เฉินจู่อานประหลาดใจ หรือว่าถ้าตีโดนเกราะทองแดงแล้วก็ไม่คิดมาก แต่ถ้าตีโดนเกราะสีดำแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ ความคิดนี้ดูจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว 

 

 

หลี่ว์ซู่พาทีมของเขาไปฆ่าทหารจากทะเลที่แนวป้องกันข้างๆ แทน พวกเขากำจัดศัตรูได้ง่ายๆ ในทุกที่ที่พวกเขาไป เหมือนกับดายหญ้าแห้งๆ ทิ้งหรือไม่ก็ทำลายไม้ผุๆ แม้แต่ทหารธรรมดาๆ เองก็ถอยทัพและกลับไปในทะเลเหมือนกัน! 

 

 

การโจมตีแบบนี้มาเร็วไปเร็ว แนวป้องกันในหลายๆ ที่ก็จู่โจมทหารจากทะเลกลับไปเหมือนกัน 

 

 

“ครั้งนี้ดูง่ายกว่าเดิมนะ ดูเหมือนว่าเราจะได้พักกันหน่อยแล้วสิ” มั่วเฉิงคงพูด 

 

 

“ทำไมพวกทหารพวกนั้นถึงมีเกราะสีดำล่ะ ฉันว่าเราจะต้องบอกเรื่องนี้กับราชันฟ้าเฉินด้วยนะ เราจะลดกำแพงลงไม่ได้หรอก” ใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา 

 

 

แล้วจู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งพูดขึเนมาด้วยความตกใจ “เดี๋ยวนะ แล้วหัวหน้าเราไปไหนแล้วล่ะ” 

 

 

ตอนนี้มั่วเฉิงคงไม่ใช่หัวหน้าแล้ว หลี่ว์ซู่ต่างหาก ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเสริมนี้ ทุกคนต่างก็พากันยอมรับให้หลี่ว์ซู่เป็นหัวหน้าแทน 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset