ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 617 ถูกทหารจากทะเลล้อม

ในตอนที่หลี่ว์ซู่กำลังคำนวณเม็ดเงินจากการมาโบราณสถานครั้งนี้ ทันใดนั้นเฉินไป่หลี่ก็ร่อนลงสู้พื้นพร้อมกับเฉิงชิวเฉี่ยวและกองกำลังเสริมของเขา 

 

 

“ปู่ ทำไมถึงมานี่ได้ล่ะ” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัยและค่อยๆ เอาเครื่องคิดเลขในมือเก็บเข้าไปในตราแผ่นดิน 

 

 

เมื่อเฉินไป่หลี่เห็นเครื่องคิดเลขนั้นเขาก็เลิกคิ้ว เอาจริงๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงเก็บของแบบนั้นไว้ในที่เก็บของล่องหน… 

 

 

“กองกำลังเสริมของเฉิงชิวเฉี่ยวจะมาประจำตามแนวป้องกันแล้ว” เฉินไป่หลี่ตอบ “ให้พวกเขาไปประจำแทน” 

 

 

“แล้วพวกเราล่ะ” หลี่ว์ซู่อึ้ง 

 

 

“พวกนายทุกคนก็ไปรับช่วงต่อจากกองกำลังเสริม ถ้ามีทหารจากทะเลมารวมตัวกันเยอะค่อยไปช่วยที่นั่น” เฉินไป่หลี่ตอบ “เดี๋ยวจะบอกทิศทางที่ต้องไปจากข้างบนฟ้าให้เอง” 

 

 

ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป คนที่ถูกรับเลือกให้เป็นกองกำลังเสริมนั้นเป็นพวกระดับสูงทั้งนั้น คนอื่นๆ อาจหยุดพักเป็นระยะๆ ได้ แต่กองกำลังเสริมทำแบบนั้นไม่ได้ แถมพวกเขายังต้องไปอยู่ที่ที่อันตรายที่สุดตามแนวป้องกันอีก 

 

 

เกาะนี้ใหญ่มาก ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าทหารจากทะเลนั้นจะเข้ามาโจมตีจากตรงไหน เพราะฉะนั้นกองกำลังเสริมจึงเป็นกองที่สำคัญมากๆ 

 

 

ตอนแรกทุกคนก็ชื่นชมเฉิงชิวเฉี่ยวและทีมของเขา เพราะคนที่ได้เป็นกองกำลังเสริมหมายความว่าพวกเขานั้นเก่งกาจจริงๆ แต่กองพันที่ 42 ที่ไม่ได้เก่งอะไรแบบนั้น ทว่ากลับถูกขอให้สลับหน้าที่กับทีมของเฉิงชิวเฉี่ยว 

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวมองไปทางหลี่ว์ซู่ด้วยความดีใจ “พี่หลี่ว์ซู่ ฝากจัดการด้วยนะ!” 

 

 

เฉาชิงฉือก้าวออกมาจากกลุ่มคนแล้วพูดกับหลี่ว์ซู่อย่างใจเย็น “เราหวังพึ่งนายนะ” 

 

 

เฉาชิงฉือนั้นปกติเป็นคนเย็นชาและไม่ชอบพูด แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับหลี่ว์ซู่เป็นอย่างดี 

 

 

หลี่ว์ซู่ทำอะไรมากไม่ได้ “งั้นฉันก็ฝากพวกนายจัดการแนวป้องกันให้ดีด้วยนะ” 

 

 

เขารู้ว่าเฉินไป่หลี่นั้นเห็นความแข็งแกร่งของเขาแล้ว และเห็นความสามารถของกองทัพกว่าสามร้อยคนในชุดเกราะทองแดงแล้วด้วย ความแข็งแกร่งขณะที่สวมเกราะนี้ หากใช้ให้ปกป้องแค่พื้นที่เพียงที่เดียวก็เสียของแย่ 

 

 

เมื่อก่อนนั้นทหารที่ใส่ชุดเกราะหนักจะขยับตัวไม่ค่อยสะดวก ทหารที่ใส่เกราะที่อยู่ประจำป้อมปราการจะเคลื่อนไหวเร็วๆ ไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับต่างออกไปแล้ว ผู้คนที่อยู่ข้างหลังเขานั้นไม่เป็นตัวถ่วงเลย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะใส่เกราะที่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมอยู่ก็ตามที 

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มออกมาแล้วหันไปเอ่ยกับมั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ “ไปกันเลยไหม” 

 

 

มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ ฮึกเหิมกันขึ้นมา พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงกันทั้งนั้น ทุกคนอยากจะได้ช่วยมากกว่านี้ในสถานการณ์คับขันเพื่อจะได้รับเกียรติยศ 

 

 

นี่อย่างกับตอนเลือกตัวละครในเกมเลย คนหนุ่มๆ หลายๆ คนก็อยากจะแบกทีมในเกม แต่กลับไม่เหมาะกับความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาอยากจะแสดงความสามารถมากกว่านี้ อยากจะเปลี่ยนกระแสน้ำในยุคของตัวเองและช่วยปกป้องโลก… 

 

 

ทันใดนั้นเองเฉินไป่หลี่ก็ถลาตัวขึ้นฟ้า “เตรียมตัวต่อสู้ กองทัพจากทะเลกำลังมากันแล้ว!” 

 

 

ทหารจากทะเลพวกนี้ราวกับไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยกันเลย พวกมันโถมเข้ามาโจมตีกันอีกระลอกแล้ว 

 

 

หลี่ว์ซู่นั้นสงสัยเป็นอย่างมาก ทำไมทหารจากทะเลพวกนี้ถึงมีเยอะขนาดนี้นะ ทำไมถึงส่งกันออกมาต่อสู้ได้เรื่อยๆ เรื่องนี้จะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย 

 

 

เขาตรวจดูระบบ ดูเหมือนจะรายการของคนแซ่เค่อปรากฏขึ้นมาจำนวนหนึ่งที่ให้แต้มอารมณ์กับเขา คงจะดีถ้าเขาเจอพวกคนที่ให้แต้มอารมณ์กับเขาได้ 

 

 

แล้วเฉินไป่หลี่ก็ชี้ให้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้! 

 

 

กองพัน 42 เดินหน้าตามหลี่ว์ซู่ไป ทั้งกองพันนั้นมีคนมากกว่าสามร้อยคน พวกเขากำลังเคลื่อนพลกันบนพื้นเกาะที่ไม่สม่ำเสมอกัน ดูราวกับว่าคลื่นดินสีฟ้านั้นกำลังจะถล่มก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่ๆ เลย 

 

 

มีบางคนที่ยังไม่เคยเห็นระลอกสีทองแดงนี้มาก่อน เมื่อนักเรียนห้องเต้าหยวนได้เห็นกองทัพเกราะทองแดงมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาก็เลยตะโกนกันอย่างหมดหวัง 

 

 

“พี่น้องทั้งหลาย เราถูกทหารจากทะเลล้อมแล้ว…” 

 

 

“แย่แน่! เราตายแน่ๆ!” 

 

 

“แนวป้องกันข้างหลังเราโดยทำลายแล้วเหรอ” 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากจางเชียน +999..] 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…] 

 

 

ตาของหลี่ว์ซู่เป็นประกาย เขาได้แต้มอารมณ์จากการทำให้คนกลัวได้สินะ แหม กลยุทธ์นี้ไม่เลวจริงๆ! 

 

 

เขาไม่ได้พูดตะโกนเสียงดัง “สหายร่วมรบทั้งหลาย!” และเขาก็นำทีมไปต่อสู้กับทหารจากทะเล เพราะเขาอยากได้แต้มอารมณ์เพิ่มอีก หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาจะได้แต้มอารมณ์มาเยอะขนาดที่ว่าเอาไปจุดประกายดาวดวงที่เจ็ดได้เลย! 

 

 

กลุ่มนักเรียนจากห้องเต้าหยวนที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้แต่มองการต่อสู้ตรงหน้าพวกเขาอย่างอึ้งๆ แล้วอยู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นสุดขีด “ทหารจากทะเลหักหลังกันเองแล้ว มันทะเลาะกันเหรอ อย่างกับองค์รัชทายาทกับองค์ชายอีกคนต่อสู้แย่งบัลลังก์กันเลยแน่ะ กองทัพขององค์รัชทายาทเลยส่งคนไปเก็บคนขององค์ชายอีกคน…” 

 

 

พวกเด็กผู้ชายทำหน้างงสุดๆ ใครทำอะไรกับใครนะ 

 

 

“เดี๋ยวก่อน เห็นนั่นกันหรือเปล่า หน้าของกองทัพนั้นไม่ได้เป็นสีฟ้านะ!” มีคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ 

 

 

แล้วทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็นึกได้ว่านั่นเป็นคนของกองพันที่ 42 ได้ งั้นคนพวกนี้ก็เป็นสหายร่วมรบน่ะสิ! เมื่อกี้พูดบ้าอะไรกันน่ะ! 

 

 

มั่วเฉิงคงและคนอื่นๆ ก็งงตามไปด้วย ทำไมหลี่ว์ซู่ถึงไม่ยอมบอกว่าจริงๆ แล้วพวกเขาเป็นใครนะ พอเงียบแล้วดูใจร้ายใจดำขึ้นงั้นเหรอ 

 

 

ตอนที่เฉินจู่อานและคนอื่นๆ กำลังเร่ขายเกราะทองแดงกันอยู่นั้น พวกเขาก็เล่าให้ฟังด้วยว่าหาเกราะพวกนี้มาได้อย่างไร แต่พวกเขากลับคิดว่ามันเป็นวิธีที่ยุ่งยาก ยากพอๆ กับการเอาชนะศัตรูเลย 

 

 

ทว่าพอพวกเขาเห็นกองพันที่ 42 เคลื่อนไหวกันอย่างราบรื่นและคล่องแคล่ว พวกเขาก็ตกตะลึง มีคนจำนวนหนึ่งที่กำลังอัดทหารจากทะเล ส่วนอีกพวกหนึ่งก็รอโจมตีตอนสุดท้าย ทุกคนต่างมีหน้าที่ประจำของตัวเอง ทุกอย่างเลยออกมามีประสิทธิภาพมาก 

 

 

อย่างกับว่าพวกเขาเป็นทีมผลิตสินค้าและพวกทหารจากทะเลเป็นสินค้านั่นล่ะ เมื่อกองทัพทะเลพุ่งเข้าไปหากองพันที่ 42 ไม่นานก็จะโดนถอดอะไรออกไปสักชิ้นสองชิ้น 

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่ได้กำจัดทหารจากทะเลกันไปแล้ว เขาก็ไม่ได้นำทีมไปที่อื่นๆ อีก จริงๆ แล้วจุดที่อันตรายนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เฉินไป่หลี่เลยส่งสัญญาณให้พวกเขาไปทางทิศอื่นต่อ ขนาดกระบี่บินของเฉินไป่หลี่เองก็ยังไม่สามารถโจมตีไปทั่วทุกบริเวณที่ต้องการได้ 

 

 

พอระลอกทองแดงพวกนั้นจากไป ทหารจากทะเลกลุ่มนั้นก็ถูกกำจัดไปไม่เหลือ และพวกเขาก็ทิ้งเกราะที่แงะออกมาได้ไว้บนพื้น 

 

 

ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ไม่ได้เอาเกราะทองแดงไปและปล่อยมันทิ้งไว้ให้คนอื่นเก็บไปได้ เขาหาเงินมาได้ทั้งหมดกว่าสิบล้านหยวนในการมาโบราณสถานครั้งนี้แล้ว ถ้าได้มากกว่านี้เดี๋ยวได้มีเรื่องกับเนี่ยถิงอีก แล้วก็จะเป็นเหมือนคราวก่อนที่หลี่ว์ซู่ต้องโอนเงินห้าแสนหยวนออกไปทุกวัน เขาจะไปขอเพิ่มวงเงินโอนให้มากกว่านี้ก็ได้ แต่ถ้าโอนเงินจำนวนมากๆ ไป ทั้งบัญชีโอนและบัญชีรับอาจถูกระงับได้ ซึ่งเป็นปัญหาของการจัดการจำนวน เขาต้องคำนวณให้ดีๆ เพื่อจะไม่ต้องมีปัญหากับเนี่ยถิง 

 

 

นอกจากนี้ผู้คนตามแนวป้องกันทางตะวันออกเฉียงใต้ตกใจกันหลายครั้ง พวกเขาจะพูดกันว่า ‘ไม่นะ เราถูกล้อมแล้ว’ ต่อมาก็จะพูดว่า ‘อ้าว นี่มันสหายเราเองนี่!’ วงจรนี้เกิดขึ้นหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว 

 

 

หลี่ว์ซู่ก็เลยได้แต้มอารมณ์มาแบบไม่ขาดสาย เขาตรวจดูระบบหลังบ้านแล้วก็เห็นว่า เขาได้แต้มอารมณ์มาตั้งแสนแต้มเลยทีเดียว! 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset