ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 584 กลับไปที่อาณาจักรแห่งความมืดอีกครั้ง

ตอนที่ 584 กลับไปที่อาณาจักรแห่งความมืดอีกครั้ง

 

 

โยวหมิงอวี่พูดกับพวกผู้บำเพ็ญลับนานถึงสองชั่วโมงด้วยกัน หลังจากประชุมกันเสร็จแล้ว พวกผู้บำเพ็ญลับก็เดินออกจากห้องไป เมื่อพวกเขาเห็นหลี่ว์ซู่ ต่างก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ “สวัสดีครับท่านที่เคารพ”

 

 

“มีอะไรก็ไปทำเถอะ” หลี่ว์ซู่พยักหน้ารับ ผู้บำเพ็ญลับในตลาดมืดที่ไม่รู้จักโยวหมิงอวี่ องค์ท่าน และท่านที่เคารพก็คงเป็นพวกมาใหม่ทั้งนั้น

 

 

พวกที่มีประสบการณ์จากตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 จะรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าพวกเขาไม่สามารถไปยุแหย่สามคนนี้ได้ องค์ท่านจะชอบเอาเปรียบไปเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาแต่ก็ไม่มีเจตนาไม่ดีอะไร ท่านที่เคารพจะค่อนข้างอารมณ์ดี แต่ก็ชอบทิ่มแทงกระแทกใจคนฟัง ส่วนโยวหมิงอวี่ถึงจะดูอ่อนแอ แต่เขาก็มีรอยยิ้มที่อาบไปด้วยจิตสังหารอยู่

 

 

เมื่อผู้บำเพ็ญลับใหม่ได้ยินเรื่องนี้ก็ล้วนตกใจจนต้องเอามือทาบอก “ทิ่มแทงกระแทกใจเหรอ ยังไงละนั่น”

 

 

พวกผู้คนต่างหัวเราะเมื่อได้ยินแบบนั้น “ไม่ได้ทิ่มแทงเข้าไปในใจจริงๆ หรอก แต่คำพูดของเขามันเจ็บแสบจนเจ็บใจมากเลยไงล่ะ”

 

 

“อ้อ…” ผู้บำเพ็ญลับคนใหม่นั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเคยคิดว่าตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 นี่อันตรายมาก มีคนแทงเข้าไปในหัวใจของคนอื่นด้วย! แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นนะ…

 

 

หลังจากที่ประชุมแล้ว พวกกลุ่มผู้บำเพ็ญลับก็รีบวิ่งไปห้องน้ำ โยวหมิงอวี่วิ่งตามไปเงียบๆ อย่างใกล้ชิด นี่แหละที่เป็นปัญหาของการประชุมในประเทศ การประชุมมักจะกินเวลายาวนานไปถึงสองชั่วโมง มีบางครั้งที่ประชุมยืดยาวเป็นวันเลย คงต้องมีกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแกร่งมากแหละที่จะนั่งทนได้ไปจนจบ

 

 

หลี่ว์ซู่เองก็รู้สึกว่าอยากไปเข้าห้องน้ำด้วยเหมือนกันหลังจากรอมานานมากแล้ว เขาไม่ได้คิดจะใช้พลังน้ำในการได้รับค่าอารมณ์มาเลย แต่โยวหมิงอวี่เองก็รู้ว่าหลี่ว์ซู่มีความสามารถนี้อยู่ เขาไม่อยากจะใช้มันแบบโจ่งแจ้งเกินไป

 

 

มีกลุ่มคนกำลังยืนอยู่ที่โถฉี่และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจไปด้วย พอพวกเขาเสร็จธุระ พวกเขาก็สะบัดฉี่ที่เหลือลงโถไป แต่พวกเขามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อโยวหมิงอวี่หยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋าแล้วก็เช็ดทำความสะอาด

 

 

หลี่ว์ซู่สับสน เขาเป็นคนละเอียดขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

พวกผู้บำเพ็ญที่ยืนอยู่ข้างๆ โยวหมิงอวี่ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆ …

 

 

โยวหมิงอวี่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหันไปพูดกับหลี่ว์ซู่ “ไปกันเถอะ ของที่จะเอาให้นายอยู่ในห้องทำงานฉัน”

 

 

พวกผู้บำเพ็ญหายใจหายคอกันคล่องขึ้นเมื่อโยวหมิงอวี่จากไป หลี่ว์ซู่รอจนไม่มีคนอื่นอยู่แถวนั้นแล้วจึงถาม “ของมาจากราชันฟ้าเนี่ยเหรอครับ”

 

 

“มาจากราชันฟ้าสือต่างหาก เป็นยูเอสบีน่ะ” โยวหมิงอวี่ตอบ

 

 

เขาเดินกลับไปที่ห้องทำงานแล้วเปิดตู้เซฟ จากนั้นก็หยิบยูเอสบีมาจากในตู้แล้วส่งให้หลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่อึ้งไป นี่มันเหมือนกับยูเอสบีที่เขาเคยได้มาจากแอนโธนี่เลย!

 

 

โยวหมิงอวี่กล่าวว่า “นี่เป็นกุญแจลับที่ช่วยให้สามารถเข้าไปในอาณาจักรแห่งความมืดได้ ยูเอสบีหนึ่งอันจะตอบสนองกับผู้ใช้หนึ่งไอดีเท่านั้น เราได้ยูเอสบีอันนี้มาจากสายลับหน่วยข่าวกรอง เพราะงั้นก็ใช้ได้ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”

 

 

ในระหว่างที่อธิบาย โยวหมิงอวี่ก็ยื่นเอกสารให้กับหลี่ว์ซู่ “ในนี้มีข้อมูลของคนที่เคยใช้ยูเอสบีนี้มาก่อน อย่างที่บอกว่ายูเอสบีนี้จะเชื่อมต่อกับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำตัวให้ชินเข้าไว้ล่ะ คนคนนี้ไม่ได้แสดงสถานะว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรในอาณาจักรแห่งความมืดแล้ว แต่ก็อาจจะมีคนจำไอดีของเขาได้”

 

 

หลี่ว์ซู่รับเอกสารมาจากในแฟ้ม เขาอ่านดูแล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ข้อมูลนี้มีอะไรแปลกตาบางอย่าง คนคนนี้สูงเท่าหลี่ว์ซู่ แถมรูปหน้ายังละม้ายคล้ายกันมากอีก

 

 

เขาเป็นนักธุรกิจจีนและเป็นผู้บำเพ็ญลับที่ชื่อว่าหลี่เถิง เขาขายข้อมูลระดับล่างภายในต่างประเทศ

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว พวกสายลับน่ะไม่ได้เท่หรือสูงส่งเหมือนกับที่เห็นในหนังภาพยนตร์หรอก พวกสายลับน่ะทำงานหาเงินด้วยการขายรูปภาพรูปหนึ่งหรือจะแค่คำพูดประโยคเดียวแบบนั้นก็ได้แล้ว แม้แต่ราคาสินค้าในต่างประเทศก็ยังเป็นข้อมูลที่ซื้อขายได้เลย

 

 

หลี่ว์ซู่มองข้อมูลในมือแล้วถาม “แล้วคนนอกไม่รู้หรอกเหรอครับว่าเขาถูกเครือข่ายฟ้าดินจับตัวไปแล้วน่ะ”

 

 

โยวหมิงอวี่หัวเราะ “เหมือนจะรู้กันแล้วนะ แต่ราชันฟ้าสือไม่ได้บอกให้ทำอะไรต่อ เขาไม่ได้บอกให้นายไปทำภารกิจอะไรด้วย”

 

 

“เข้าใจแล้วครับ” หลี่ว์ซู่เพิ่งเข้าใจว่าเครือข่ายฟ้าดินนั้นได้เตรียมการทุกอย่างให้เขาไว้แล้ว ถ้าเขาอยากจะทำมันแล้วละก็ เขาก็ทำมันได้ทันที

 

 

“ว่าแต่นายได้ลองไปคิดๆ ดูบ้างหรือเปล่า พวกเราน่ะต้องเข้าทำงานร่วมทีมกับใครหลายๆ คนเลยตอนไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ หากสำเร็จก็จะสำเร็จไปด้วยกันทั้งหมด แต่ถ้าล้มเหลวก็ล้มเหลวไปด้วยกันทั้งหมดเหมือนกัน บางทีอาจต้องมีคนตายเพราะการตัดสินใจของนายก็ได้ แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งแล้วละก็ ยิ่งผู้นำแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะสูญเสียลูกน้องก็ลดน้อยลงไปเท่านั้นล่ะนะ” โยวหมิงอวี่พูดเบาๆ “ภารกิจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ถ้านายและฉันไม่ยอมไป เดี๋ยวก็จะมีคนอื่นไปแทน แต่นี่เป็นภารกิจของเรา แล้วถ้าคนเก่งอย่างนายยอมรับหน้าที่นี้แล้ว นายก็จะช่วยชีวิตคนได้อีกหลายชีวิตแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ฉันพูดถูกไหม”

 

 

“ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะ” หลี่ว์ซู่หมุนตัวและเดินออกไปขณะที่โบกมือลา

 

 

โยวหมิงอวี่ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันข้างหลังหลี่ว์ซู่ เขาเข้าใจดีว่าหลี่ว์ซู่คิดอย่างไร ย้อนกลับไปเมื่อก่อน เขาก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ทำงานเป็นสายลับประจำฐาน แล้วเขาก็เสียสละชีวิตไปเพื่อช่วยหาข้อมูลมาให้หลี่ว์ซู่ โยวหมิงอวี่เองก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน

 

 

แค่พูดน่ะมันก็ง่าย แต่ไม่มีใครที่จะใจจืดใจดำไม่รู้สึกอะไรได้หรอกถ้าต้องอยู่ในสถานะแบบนั้นจริงๆ

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ที่บ้าน เมื่อเขาได้รับยูเอสบีมาแล้ว เขาก็เลยไปซื้อโน้ตบุ๊กมาเครื่องหนึ่ง เมื่อเขาเสียบยูเอสบีเข้าไป หน้าต่างเว็บไซต์ของอาณาจักรแห่งความมืดก็เด้งขึ้นมาอันตโนมัติ

 

 

เขาไม่ได้เห็นหน้าเว็บไซต์นี้มานานมากแล้ว เขาคลิกเข้าไปในหน้าแลกเปลี่ยนและเจอกับสิ่งของแปลกๆ มากมาย มีสินค้าที่อาณาจักรแห่งความมืดได้ปักหมุดไว้หน้าแรกก็คือพวกผลไม้ที่ทำให้คนปะทุพลังได้ ผลไม้บางผลก็ถูกเขียนป้ายติดว่ามีคุณสมบัติช่วยให้ปะทุพลังได้จริงๆ ส่วนหลายๆ ผลก็บอกว่ายังไม่ทราบคุณสมบัติที่แท้จริง ผลไม้ที่มีคุณบัติช่วยให้คนปะทุพลังที่เห็นได้ทั่วไปที่สุดก็คือผลไม้ที่เป็นธาตุต่างๆ ซึ่งก็จะมีที่เด่นๆ อย่างผลไม้สายฟ้า

 

 

การแลกเปลี่ยนผลไม้นั้นทำได้โดยแลกกับของที่หายาก ในนี้ไม่มีการแลกโดยการใช้เงินหรือศิลาวิญญาณ ดูจากการประกาศแลกเปลี่ยนของหายากก็เห็นแล้วว่าองค์กรนี้คิดอย่างไรกับเงินสดและศิลาวิญญาณ

 

 

หลี่ว์ซู่ลองนั่งหาว่าพวกคนขายพวกนี้อยากได้อะไรแลกเปลี่ยน หลายๆ คนอยากได้ของหายากที่มีค่าเท่ากัน มีบางส่วนที่ระบุอย่างชัดเจนเลยว่าอยากได้ของวิเศษที่มีวิญญาณอาวุธติดมาด้วย

 

 

หลี่ว์ซู่เพิ่งคิดได้ว่าเขามีผลไม้อยู่สองผลที่ได้มาจากโบราณสถานทะเลสาบเกลือนี่นา

 

 

ก่อนหน้านั้นเขาโกหกไปว่ามีต้นไม้ที่จะให้ผลล้างไขกระดูกเพื่อที่จะให้ผลไม้นั้นแก่เฉินไป่หลี่ แต่นี่มันไม่เหมือนกัน

 

 

เขาปะทุพลังสายธาตุน้ำหลังจากที่กินผลไม้หนึ่งเข้าไป แต่เขาไม่ได้กินไปทั้งหมด เขายังเก็บแกนผลไม้ที่กินเข้าไปอยู่ในตราแผ่นดิน

 

 

ที่ผ่านมาเขาลังเลมาโดยตลอดเพราะเขาอยากเอาแกนผลไม้ที่เหลือนั้นให้เสี่ยวอวี๋กิน แต่ตอนนั้นเขาเกือบหมดสติไปตอนกินผลไม้ปะทุพลังน้ำเข้าไป ทำให้หลี่ว์ซู่เข้าใจว่าผลไม้นี้ไม่เหมาะกับคนที่มีความสามารถสูงๆ

 

 

เพราะฉะนั้นจะต้องมีการดำเนินการตามลำดับเมื่ออยากจะปะทุพลังอื่นๆ ตอนที่เขากินผลไม้ระดับ C เข้าไปมันเป็นผลไม้ปะทุพลังน้ำ และมันก็ทรงพลังมากจนเขาได้เลื่อนขั้นเป็นระดับ C เลย จริงๆ แล้วคนอื่นอาจจะต้องเริ่มจากระดับ F E D C ตามลำดับ แต่เขาข้ามขั้นไป ร่างกายของเขาก็เลยทนไม่ได้ในกระบวนการนั้น

 

 

เอาจริงๆ แล้วถ้าเขากินผลไม้ระดับ B เข้าไปเขาก็คงจะตายไปแล้วล่ะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset