ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 583 คาราวานการค้า

ตอนที่ 583 คาราวานการค้า

 

 

หลี่ว์ซู่เจอซีเฟ่ยขณะที่เดินลงมาด้านล่าง ซีเฟ่ยทำหน้าตกใจอย่างสังเกตเห็นได้ชัด “มานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมฉันไม่เห็นนายมา”

 

 

“ฮ่าๆ” หลี่ว์ซู่พยายามเปลี่ยนเรื่อง อย่างไรก็แล้วแต่เขาแอบปีนกำแพงขึ้นมาและไปทางหน้าต่างเพื่อจะได้ขึ้นไปชั้นเจ็ด ถ้าซีเฟ่ยเห็นเขาที่ประตูหลักก็คงเห็นผีเข้าแล้วล่ะ “พอดีว่าผมถูกรับเข้ามาเรียนในวิทยาลัยเป็นกรณีพิเศษน่ะครับ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ได้ร่วมงานกันแล้วนะ ดีจริงๆ ที่ได้ร่วมงานกับคุณ หวังว่าจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกันอีกในอนาคตนะครับ”

 

 

“ไม่เสียใจเลย ไม่เสียใจจริงๆ” ซีเฟ่ยหัวเราะเสียงดัง

 

 

เอิ่ม…

 

 

ซีเฟ่ยเพิ่งรู้ว่ามีบางอย่างปิดปกติไป เขาเลยรีบอธิบาย “เรื่องนี้จะเป็นเรื่องน่าเสียใจได้ไงเล่า ดีแล้วล่ะที่เข้ามาเรียนในวิทยาลัยลั่วเฉิงได้ ฉันดีใจกับนายจริงๆ จะเสียใจได้ไง”

 

 

“อ้อ ครับ งั้นอย่าให้ผมรั้งคุณไว้เลยครับ” หลี่ว์ซู่ตบไหล่ซีเฟ่ยแล้วเดินออกไป

 

 

เมื่อเขาเดินผ่านไปที่ประตูของวิทยาลัยลั่วเฉิงแล้ว เขาก็เห็นน่าหลานเชวี่ยกับหลี่อีเสี้ยวกำลังเดินจับมือกันผ่านเขาไป พอเห็นพวกเขาจับมือถือแขนแล้วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแฮะ หลี่อีเสี้ยวเห็นหน้าหลี่ว์ซู่แล้วก็ยิ้มออกมา

 

 

“กลับมาแล้วเหรอหลี่ว์ซู่! ตอนแรกฉันไปหานายวันก่อนตรุษจีนแต่นายไม่อยู่บ้าน ไปไหนมาล่ะ”

 

 

“ไปคุยต่อกันที่บ้านคุณดีกว่าครับ” หลี่ว์ซู่ดีใจเหมือนกัน

 

 

“เอ่อ…คุยกันที่นี่ก็ได้มั้ง” อารมณ์ของหลี่อีเสี้ยวเปลี่ยนไปทันที

 

 

“ทำงั้นได้ไง” น่าหลานเชวี่ยอารมณ์เสียขึ้นมา “หลี่ว์ซู่อยากไปบ้านก็พาเขาไปคุยที่นั่นสิ”

 

 

“แต่ว่าฉันอยากออกมารับแสงแดดนี่” หลี่อีเสี้ยวพูดเสียงเฉียบขาด

 

 

หลี่ว์ซู่เม้มปากขณะมองดูเมฆสีดำลอยผ่านหัว “เดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนวิทยาลัยลั่วเฉิงก็ได้ต้อนรับพวกนักเรียนจากห้องเต้าหยวนแล้ว เป็นไปได้ไหมที่เราจะลงทุนกับธุรกิจโรงแรมในเมืองหลิว หรือว่าแบบนั้นมันแพงไป งั้นเราสร้างโรงแรมเล็กๆ แทนดีไหมครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่คิดเรื่องนี้มานานแล้ว ที่ดินที่พวกเขามีนั้นห่างจากวิทยาลัยลั่วเฉิงไปไม่ถึงเจ็ดร้อยเมตร พวกเขาจะได้กำไรมาแบบไม่ขาดสายแน่ถ้าสร้างโรงแรมไว้ตรงนั้น สุดท้ายแล้ววิทยาลัยลั่วเฉิงก็ไม่ได้ปิดทั้งหมดนี่ พวกนักเรียนยังต้องออกไปใช้ชีวิตกันอยู่

 

 

“กำลังอยากพูดกับนายเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หัวหน้าหมู่บ้านหลิวก็คิดแบบนี้แหละ พวกอุปกรณ์ก่อสร้างอย่างปูนซีเมนต์ ทราย ก้อนอิฐ และอย่างอื่นถูกจัดส่งมานี่หมดแล้ว” หลี่อีเสี้ยวพูดออกมาทันที

 

 

“คุณคิดมาเป็นอย่างดีเลยนี่ครับ” หลี่ว์ซู่พยักหน้ารับรู้ “เรื่องนี้ก็เป็นธุรกิจเหมือนกัน สุดท้ายแล้วเราก็มาจากเครือข่ายฟ้าดินกันทั้งคู่ คงได้รับอนุญาตไม่ยากหรอก”

 

 

“นายสองคนนี่ไก่อ่อนกับนี้เรื่องพวกจริงๆ เลย ยกให้ฉันจัดการเองดีกว่า ให้ที่บ้านฉันลงทุน พวกเขาสามารถดูแลต่อได้” น่าหลานเชวี่ยว่า

 

 

เรื่องนี้เธอไม่ได้ทำแค่เพราะเห็นแก่หลี่อีเสี้ยว แต่เป็นเพราะเมื่อครอบครัวน่าหลานนั้นทำงานกับหลี่อีเสี้ยวและหลี่ว์ซู่แล้ว พวกเขาจะไม่ขาดทุนกันเท่าไหร่ น่าหลานเชวี่ยให้เงินไปกับหลี่ว์ซู่ก็จะกลับคืนมาในครอบครัว และครอบครัวน่าหลานก็อยากช่วยหลี่ว์ซู่ ที่สุดแล้วไม่มีการเกลียดกันภายในหรอก มีแต่การได้ผลประโยชน์ร่วมกันภายในต่างหาก ครอบครัวน่าหลานเล็งเห็นแล้วว่าอีกเดี๋ยวหลี่ว์ซู่ก็จะเป็นใหญ่เป็นโตในเครือข่ายฟ้าดินแน่นอน ไม่เสียหายอะไรนี่ถ้าจะลงทุนกับเขาเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกันตั้งแต่ตอนนี้ไว้

 

 

สำหรับหลี่อีเสี้ยวแล้ว แม่ของน่าหลานเชวี่ยก็ยังคงรู้สึกว่าดวงชะตาของหลี่อีเสี้ยวแหละน่าหลานเชวี่ยนั้นเป็นกาลกิณีต่อกันอยู่ แต่ตอนนี้น่าหลานเชวี่ยก็โตแล้ว และเธอก็ไม่อยากมาสนใจเรื่องพวกนี้ ญาติๆ ทั้งหลายก็เลยทำได้แต่เมินหลี่อีเสี้ยวเท่านั้น พวกเขาเองไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่นัก…

 

 

หลี่ว์ซู่กลับมาถึงบ้านแล้ว เขาค่อนข้างพอใจที่ครอบครัวน่าหลานตกลงดูแลในเรื่องนี้ให้ ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการน่ะดีที่สุดแล้ว ทีนี้หลี่ว์ซู่จะได้นำหน้าคนอื่นๆ ในเรื่องการฝึกเสียที แต่นอกจากเรื่องสร้างโรงแรมแล้วเขาก็ไม่รู้จะเริ่มต้นได้อย่างไรอีก

 

 

คืนนั้นญาติๆ ของน่าหลานเชวี่ยในเมืองลั่วก็ต่างเริ่มทำงานกัน พวกผู้มีพลังสายธาตุดินก็เริ่มลงมือขุดฐานของโรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ

 

 

พวกครอบครัวน่าหลานไม่เคยพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ กับหลี่ว์ซู่ เหมือนกับว่าถ้าเหลยเฟิง [1] ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็จะไม่ปิดบังความจริงว่าพวกเขาพยายามจะเอาชนะใจหลี่ว์ซู่เพื่อให้เขาเข้าข้างตน

 

 

ในขณะเดียวกันหลี่ว์ซู่ก็นั่งอ่านกระทู้ในมูลนิธิไปเรื่อย เขาเพิ่งมารู้ว่าในขณะที่จีนนั้นหยุดฉลองตรุษจีนกัน กิจกรรมในต่างประเทศก็ไม่ได้หยุดไปด้วย มีโบราณสถานเปิดขึ้นในอเมริกาใต้ แต่เครือข่ายฟ้าดินไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ในทางกลับกัน พวกผู้บำเพ็ญลับในต่างประเทศกลับเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่หาข้อมูลอื่นๆ ไม่เจอแล้วในบอร์ดกระทู้ แต่เขาจำได้ว่าเครือข่ายฟ้าดินชอบโทรหาโยวหมิงอวี่เพราะเขานั้นรู้ข้อมูลเยอะแยะเกี่ยวกับเรื่องที่ต่างประเทศ

 

 

เขาถามหลี่อีเสี้ยวว่าได้รับข้อมูลอะไรแบบนี้บ้างหรือเปล่า แต่หลี่อีเสี้ยวก็ไม่รู้อะไรและไม่ได้รับข้อมูลอะไรแบบนี้เลย

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจขึ้นมาว่าที่เนี่ยถิงทำแบบนี้ก็เพราะเขาต้องการให้หลี่ว์ซู่สนใจเรื่องในต่างประเทศ นี่แปลว่าเนี่ยถิงยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะส่งเขาไปต่างประเทศง่ายๆ สินะ หลี่อีเสี้ยวที่เป็นราชันฟ้ายังไม่ได้ข้อมูลอะไรสักอย่าง ถ้าเขาได้มันไปคงจะมีปัญหาละสิ

 

 

ข้อมูลนี้บอกว่าเครือข่ายฟ้าดินนั้นไม่ได้เข้าร่วมการเปิดโบราณสถานในอเมริกาใต้เพราะเครือข่ายฟ้าดินไม่ได้แทรกซึมเข้าไปถึงในอเมริกาใต้ องค์กรเองก็มีขีดจำกัดของมันเหมือนกัน พวกเขาจะเข้าไปได้เฉพาะพื้นที่ที่สำคัญๆ เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาเลยส่งกำลังคนและทรัพยากรไปที่เหล่านั้นเป็นพิเศษ ส่วนพื้นที่ที่ไม่ค่อยสำคัญอย่างอเมริกาใต้และออสเตรเลียนั้นพวกเขาจะปล่อยไว้ก่อน

 

 

วันต่อมาหลี่ว์ซู่ได้รับสายจากโยวหมิงอวี่ว่าให้ไปรับอะไรบางอย่างในตลาดมืด เขาบอกว่ามันถูกส่งมาจากเมืองหลวง

 

 

หลี่ว์ซู่วางหูไปแล้วก็คิดทบทวนเรื่องนี้ เหมือนกับว่าเขาได้เจอวิธีที่จะได้เข้าใกล้แกนหลักของเครือข่ายฟ้าดินเข้าไปอีกขั้น เนี่ยถิงไม่บังคับให้เขาออกไปอีกแล้ว แต่เขากลับค่อยๆ ตะล่อมส่งข้อมูลที่จะเข้าถึงแกนหลักขององค์กรให้ ซึ่งทำให้เขาเข้าไปใกล้มันช้าๆ

 

 

หลี่ว์ซู่นั้นโอเคกับการโน้มน้าวชักชวนมากกว่าการบังคับ ถ้าเนี่ยถิงบังคับให้เขาไปต่างประเทศ หลี่ว์ซู่ก็คงจะไม่ไปด้วยแน่ๆ แต่เนี่ยถิงกลับมาแบบนิ่มๆ และค่อยๆ ให้เขาได้รู้ข้อมูล สิ่งของ หรือกระทั่งการให้เขาเข้าไปเรียนในวิทยาลัยได้ หลี่ว์ซู่ก็ชักจะเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมานิดหน่อย…

 

 

งั้นข้อขัดแย้งระหว่างเขาและเนี่ยถิงคงจะสงบไปสักพักสินะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่านี่ก็ไม่เลวเท่าไหร่ สังคมที่ปรองดองกันก็จะได้รางวัลเป็นความสามัคคี แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

 

 

หลี่ว์ซู่กลับมาที่ตลาดมืด เขาเห็นโยวหมิงอวี่นั่งอยู่ในห้องทำงานและกำลังคุยกับหัวหน้าของกลุ่มผู้บำเพ็ญลับอยู่ หลี่ว์ซู่แอบฟังว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน โยวหมิงอวี่พูดว่า “ถ้าคนของเรามาถึง ให้พวกคุณออกไปกับพวกเร่ขายซะ อย่าลืมว่าต้องฟังคำสั่งของเราอยู่ตลอด ถ้ามีใครที่ดูท่าทางอันตรายให้รีบบอกพวกเราทันที ถ้ามีใครมาปล้นพวกคุณ เราจะพาพวกคุณไปปล้นพวกมันกลับ แต่ถ้าเรื่องนี้แดงออกไป เราจะไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรทั้งสิ้น แล้วอย่าได้เคลื่อนไหวอะไรออกไปก่อน อย่าสร้างปัญหา เข้าใจกันไหม”

 

 

พวกผู้บำเพ็ญลับพยักหน้าแบบยิ้มๆ ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาสำหรับพวกเร่ขายศิลาวิญญาณจากต่างประเทศก็คือความปลอดภัยเนี่ยแหละ ที่ที่พวกเขาจะไปนั้นไม่ได้สงบสุขและเจริญอะไรเลย มันมีคนหลายคนที่พร้อมจะฆ่ากันเพื่อศิลาวิญญาณ ใครๆ ก็รู้ว่าเครือข่ายฟ้าดินนั้นยอมรับตลาดมืดได้ เรื่องนี้ก็เลยเข้าใจกันไปโดยปริยาย

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไป พวกทหารจะปกป้องคนที่ไปเอาทรัพยากรการฝึกจากต่างประเทศกลับมาด้วยเหรอ ดูจากพวกผู้บำเพ็ญลับพวกนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นจัดตั้งคาราวานการค้ากันเลยนี่

 

 

 

 

——

 

 

[1] ทหารในกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เสียสละและถ่อมตนที่สุด

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset