ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 537 ผีหลอก

กว่าความจริงจะปรากฏก็ต้องให้ถึงมือหลี่ว์ซู่ทุกที ตั้งแต่เรื่องขโมยสตรอว์เบอร์รีครั้งนั้น พวกชาวบ้านต่างก็อ่อนน้อมกับหลี่ว์ซู่และเสี่ยวอวี๋มาก พวกชาวบ้านถึงกับค้อมหัวให้เมื่อเห็นพวกเขา

 

 

มีคนเคยพูดไว้ว่าคนใจดีมักโดนรังแก แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยมองว่าตัวเองใจ การกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของหมู่บ้านไม่ได้ฟังดูดีนัก เพราะชื่อนี้อาจหมายถึงคนที่ชอบใช้อำนาจรังแกคนอื่น หรือไล่ตามตื๊อพวกแม่หม้ายสาวสวย แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่

 

 

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สนใจแค่ว่ากุยช่ายของเขาไม่มีใครมาขโมยก็พอ

 

 

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เสี่ยวอวี๋ก็เก็บกระเป๋าไปโรงเรียน ก่อนเธอจะไป เธอก็หันมาถามหลี่ว์ซู่

 

 

“หลี่ว์ซู่ เธอไม่ไปโรงเรียนแล้วเหรอ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตอบไม่ถูก ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนเขาต้องบังคับให้เสี่ยวอวี๋ไปโรงเรียน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกันไปหมด

 

 

“ฉัน… ฉันมีธุระอื่นต้องทำ” หลี่ว์ซู่โบกมือไล่ “เธอรีบไปโรงเรียนเถอะ”

 

 

ตอนนี้เขารู้สึกไม่อยากไปโรงเรียนเสียแล้ว ทำไมกันล่ะ!

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาต้องไปเข้าเรียนชั้นเดียวกันกับเสี่ยวอวี๋หรอกนะ เขายังไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องนี้เลย

 

 

เมื่อก่อนเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรตัวเองมาก แค่คิดว่าให้เสี่ยวอวี๋อยากไปโรงเรียนก็พอแล้ว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาต้องไปเรียนชั้นเดียวกับเสี่ยวอวี๋ที่อ่อนกว่าเขาหกปีแล้ว กระอักกระอ่วนใจเกินทน!

 

 

น้องสาวเขาอายุสิบเอ็ดปี เธอเข้าเรียนมัธยมปลายปีสามแล้วและตอนนี้ยังสอบเข้าวิทยาลัยของผู้บำเพ็ยได้อีก แล้วหลี่ว์ซู่ล่ะ เขาอายุสิบเจ็ดปี อยู่มัธยมปลายปีสามเหมือนกัน แต่เขายังต้องเรียนซ้ำอีกปีเพื่อที่จะสอบเข้าวิทยาลัยปีหน้า

 

 

หลี่ว์ซู่ทำใจรับเรื่องน่าอายเช่นนี้ไม่ได้…

 

 

จงอวี้ถังบอกว่าวิทยาลัยรับนักเรียนมากกว่าปกติในปีนี้ นักเรียนห้องเต้าหยวนในเมืองลั่วและสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินกว่าสามร้อยคนได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย นั่นหมายความว่าคนกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์สอบผ่านได้เข้าไป

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ไปถึงฐานทัพที่ภูเขาเป่ยหมังในตอนเช้าตรู่ ในความเป็นจริงแล้ว สถานที่ตั้งของวิทยาลัยเมืองลั่วกับเครือข่ายฟ้าดินเป็นที่เดียวกัน นี่หมายความว่าหากหลี่ว์ซู่เข้าไปทำงาน เขาก็จะได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นที่มาเรียนนั่นเอง…

 

 

แค่คิด หลี่ว์ซู่ก็โมโหแล้ว!

 

 

ก่อนที่เขาจะมาฐานทัพ เขาได้โทรหาซีเฟ่ย พอเขามาถึง ซีเฟ่ยกับคนราวยี่สิบคนก็รออยู่หน้าประตูแล้ว พวกเขาปรบมือแล้วพูดติดตลกว่า “ยินดีต้อนรับหลี่ว์ซู่ ฮีโร่แห่งชาติ เป็นเกียรติที่ท่านมาให้เราเห็นหน้า ช่วยอบรมสั่งสอนพวกเราด้วย…”

 

 

ทว่าบรรยากาศต้อนรับอบอุ่นนี้ไม่ได้ทำตลกๆ ไปด้วย มีคนจำนวนไม่มากนักที่รู้ว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนกำจัดทาคาชิมะเพราะเรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับ แต่ถึงเขาจะไม่ได้ฆ่าทาคาชิมะ แต่เขาก็กำจัดโนกิวะ ทาเกะโนบุที่การต่อสู้ในโบราณสถานเกาะช้างอยู่ดี ทำเอาสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินหลายคนถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

 

 

พวกเขาอยากมาต้อนรับเด็กหนุ่มคนนี้ อยากจะเห็นว่าคนที่กำจัดผู้มีพลังระดับ B มีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

 

หลายคนไม่เคยเจอหลี่ว์ซู่มาก่อน สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินจะได้รับภารกิจให้ไปตามเมืองต่างๆ หลังผ่านบททดสอบแรกเข้ามาได้แล้ว พวกเขาเพิ่งจะกลับเข้ามาที่เมืองลั่วได้ไม่นานนี้เอง พวกเขาจินตนาการว่าภาพลักษณ์ของหลี่ว์ซู่จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหมือนหลี่อีเสี้ยว

 

 

แต่พอพวกเขาได้เห็นหลี่ว์ซู่วันนี้ก็ตกใจมาก เขาดูสง่าและหน้าตาดี ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นคนเก่งกาจ เขาดูเหมือนเด็กม.ปลายปีสองทั่วไปเท่านั้น หลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นก็พูดไม่ออก ทำไมคนพวกนี้ดูไม่ง่วงซึมในตอนเช้าแบบนี้เลยนะ เขากระแอมไอ

 

 

“ไหนๆ ทุกคนก็ให้การต้อนรับอย่างดี งั้นฉันจะขอพูดสามเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องจะมีประเด็นย่อยอีกประเด็นละสิบหัวข้อ…”

 

 

[ได้แต้มจากซีเฟ่ย +666…]

 

 

[ได้แต้มจาก…]

 

 

“เดี๋ยวๆ ไม่ต้องพูดก็ได้…” ซีเฟ่ยพยายามหยุดหลี่ว์ซู่ เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่ชอบพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา ถ้าไม่มีใครหยุดเขา เขาอาจจะทำให้ทุกคนป่วยจิตไปตั้งแต่เช้ายันมืดเลยก็ได้

 

 

หลี่ว์ซู่ดึงซีเฟ่ยออกมาที่มุมหนึ่ง “ถามอะไรหน่อยสิ ฉันได้ยินว่าฉันไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ แต่แค่ต้องอยู่ในฐานเท่านั้นใช่ไหม”

 

 

ซีเฟ่ยส่ายหัว “ไม่ต้องอยู่ประจำฐานก็ได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวจะมีแจ้งเตือนสมาชิกทุกคนในหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ไปดูในที่เกิดเหตุ”

 

 

“อ้อ…” หลี่ว์ซู่สลดไปนิดหน่อยที่เขายังต้องไปเข้าเรียนอยู่

 

 

เอาจริงๆ แล้วซีเฟ่ยไม่อยากให้หลี่ว์ซู่อยู่แต่ในฐานเลยเพราะเขารู้สึกกดดันที่ต้องอยู่กับเจ้าพายุลูกใหญ่อย่างหลี่ว์ซู่ที่คาดว่าตอนนี้น่าจะมีพลังอยู่ระดับ B แล้ว

 

 

“สมาชิกห้องเต้าหยวนทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป” ซีเฟ่ยบอก “เนื่องจากทุกคนในเครือข่ายฟ้าดินได้เข้ารับการฝึกกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การฝึกนี้จะไม่ใช่การฝึกทักษะสำหรับอาชีพใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกที่สำคัญอยู่ดี การฝึกนี้ใช้เวลาราวสามเดือน”

 

 

“ผมไม่ไปนะ” หลี่ว์ซู่รีบปฏิเสธทั้งๆ ที่ซีเฟ่ยยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ “ผมฝึกของผมจบแล้ว”

 

 

ในตอนนั้นที่พวกหัวกะทิทั้งหมดเข้ารับการฝึกกัน เขาก็ไปร่วมฝึกด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปเจอความลำบากหรอก แต่เขานี่ล่ะที่จะสร้างความลำบากให้ทุกคน นอกจากนี้เขายังต้องไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าด้วย

 

 

ซีเฟ่ยรำคาญขึ้นมาเล็กน้อย พูดกับไอ้เจ้าพายุนี่เหนื่อยหน่ายใจชะมัด ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่อยากไปแล้วซีเฟ่ยจะทำอะไรได้ ขนาดจงอวี้ถังยังไม่อยากยุ่งด้วยเลย พวกเขาคงต้องไปขอให้ราชันฟ้าเนี่ยถิงมาคุยกับหลี่ว์ซู่เป็นการส่วนตัวเองแล้วละมั้ง…

 

 

แต่ซีเฟ่ยไม่รู้ว่ากระทั่งราชันฟ้าเนี่ยถิงเอง ตอนนี้ก็หลบหน้าหลี่ว์ซู่อยู่…

 

 

สถานการณ์ตอนนี้สำคัญมาก ทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง หลี่ว์ซู่กคิดค้นการฝึกสำหรับตัวเองขึ้นมาและไม่มีใครสามารถไปโต้แย้งกับเขาได้ในจุดนี้

 

 

หลี่ว์ซู่หมุนตัวเดินออกไปช้าๆ พยายามฆ่าเวลาไปเรื่อย พอถึงเวลาบ่าย เขาก็ตัดสินใจไปเข้าเรียนในที่สุด

 

 

อย่างที่เสี่ยวอวี๋บอกว่าการศึกษาไม่ใช่เพื่อคนอื่นหรือเพื่อเอาใบประกาศนียบัตร แต่มันคือการเปลี่ยนความคิดของตัวเอง คนที่เข้าเรียนแบบเป็นทางการกับคนที่ไม่ได้เข้าเรียนช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว

 

 

หลี่ว์ซู่ต่างจากตอนที่เขามาโรงเรียนแล้วโชว์สกิลบาสเกตบอลแล้ว ในคราวนี้ เขาพยายามทำตัวให้กลมกลืน เขากลัวว่าจะมีคนสังเกตเห็นเขาเข้า

 

 

เขาค่อยๆ เดินเข้ามาในพื้นที่โรงเรียน ทุกๆ อย่างทำให้เขาคิดถึงเวลาตอนมาเรียนขึ้นมา ตอนที่เขาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนในญี่ปุ่นนั่นก็มีความหมายกับเขาเหมือนกัน ความทรงจำในสมัยเรียนนั้นดูจะเป็นความทรงจำที่เรียกเสียงหัวเราะออกมาได้

 

 

หลี่ว์ซู่รายงานเรื่องที่เขาไม่ได้มาเข้าเรียนกับอาจารย์สือชิงเหยียนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องพักครู ครูทุกคนต่างก็อึ้งจนพูดไม่ออก

 

 

“คนที่เพิ่งมารายงานตัวหลังจากหายไปนั่น…ใช่หลี่ว์ซู่ฮีโร่ของชาติรึเปล่า! เขาเพิ่งจะเสียสละชีวิตตัวเองไปนี่” ครูคนที่เคยสอนภาษาจีนให้เสี่ยวอวี๋พูดออกมาอย่างประหลาดใจ เธอถึงกับไปแสดงความเสียใจกับเสี่ยวอวี๋หลังจากเกิดเรื่องขึ้น

 

 

“ใช่ เขานั่นล่ะ แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตายนะ…” สือชิงเหยียนด้วยท่าทีซับซ้อน

 

 

อาจารย์ประจำห้องเต้าหยวนทุกคนรู้สึกเจ็บปวดใจ นักเรียนในความดูแลของเขานั้นแปลกและแตกต่างกันออกไป ถ้าจู่ๆ นักเรียนก็พ่นไฟออกมาตอนพวกเขาทะเลาะกัน คุณจะไม่กลัวเหรอ ถ้านักเรียนเลื่อนระดับเป็นระดับ C แล้วเล่นมีดบินกันในห้องขณะสอน คุณจะกลัวไหม

 

 

แต่หลี่ว์ซู่นี่เป็นอะไรมากกว่านั้น มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแจ้งว่าเขาตายแล้ว แต่เขาก็ยังกลับมายืนอยู่ตรงหน้าบรรดาอาจารย์ นี่ผีกำลังหลอกพวกเขาอยู่หรือเปล่า!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset