ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 511 จอมโจรควบเพชรฆาต หลี่ว์เสี่ยวซู่

จอมโจรควบเพชรฆาต หลี่ว์เสี่ยวซู่

 

หลี่ว์ซู่นั่งพาดขาบนโต๊ะทำงานขณะมองไปที่โกดังเก็บของ

 

ศิลาวิญญาณพวกนี้เคยเป็นแรงบันดาลใจที่ดีในการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาจนกว่าจะหาทางจัดการเรื่องนี้ได้ แต่มันก็ปวดใจเหลือแสน

 

เพราะศิลาวิญญาณที่นี่มีอยู่ราวแสนเม็ดได้! หลี่ว์ซู่อยากจะกวาดมันลงกระเป๋าง่ายๆ เสียอย่างนั้นจริงๆ เขาคงรู้สึกดีมาก

 

ที่เครือข่ายฟ้าดินผลิตศิลาวิญญาณได้แค่เพียงสองแสนเม็ดต่อปีเท่านั้นเอง ถ้าหลี่ว์ซู่เอาศิลาพวกนี้กลับไปได้ พวกทวยเทพคงหน้าหงายไปตามๆ กันเลยทีเดียว ในที่สุดหลี่ว์ซู่ก็ค้นพบเหตุผลของตัวเองแล้ว

 

จริงอยู่ว่าการฉกศิลาวิญญาณคงทำให้ภาพลักษณ์ของยามาดะ อาคิระถูกเปิดโปง แต่ถ้าหลี่ว์ซู่เอาศิลากลับไปไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเขาว่าหลี่ว์ซู่อีกต่อไปเลย!

 

หลี่ว์ซู่พบว่ายังไงความสุขก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์อยู่วันยังค่ำละนะ

 

เขามานั่งครุ่นคิด ในหนึ่งเดือนพวกเขามีวันหยุดสี่วัน เขาต้องขออนุญาตจากผู้บัญชาการออกจากฐานในช่วงนี้ให้ได้ จะได้ออกไปที่นิชิโนเกียวได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร

 

มีความเป็นไปได้ว่าพวกทวยเทพจะจับเขาได้ตอนที่เดินทางไปถึงนิชิโนเกียว เขาไม่น่าจะออกจากประเทศด้วยเส้นทางปกติได้ แม้แต่เส้นทางที่เครือข่ายฟ้าดินเตรียมไว้ให้ก็ไม่น่าใช้ได้เหมือนกัน ดีไม่ดีพวกทวยเทพอาจจะปิดนิชิโนเกียวไปเลยด้วยซ้ำถ้าเจอว่าศิลาหายไปจำนวนมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ศิลาวิญญาณมากขนาดนี้ ต่อให้ต้องว่ายน้ำกลับประเทศหลี่ว์ซู่ก็ยอม!

 

ถ้าเขาอยากทำใหสำเร็จจริงๆ เขาต้องวางแผนให้รัดกุมที่สุด หลี่ว์ซู่ตัดสินใจด้วยแววตาที่ลุกโชน

 

หลังจากนั้นไม่นานโทโมซากะก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลี่ว์ซู่พร้อมกับหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์คนก่อน หลี่ว์ซู่เงยหน้าขึ้นมองแล้วพวกเขาสองคนแล้วเอ่ยถามเสียงเนือย “มีอะไร”

 

หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ตอบเสียงหยัน “เคารพกันหน่อย ฉันไม่ใช่ลูกน้องนาย นายได้เงินจากฉันไปแล้ว จากนี้ก็ขอให้ทำตามที่สั่งด้วย”

 

หลี่ว์ซู่มองกลับไปที่หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ จู่ๆ สายตาของเขาก็สดใสขึ้นมา “แน่นอนๆ ผมบอกไปตอนไหนว่าจะไม่ช่วย แต่คุณก็รู้ว่าการไปคุยกับท่านคุริยามะมันไม่ง่ายเลยนี่ ขอเวลาหน่อยได้ไหมล่ะ ทุกวันนี้เราทำงานกันอยู่สามกะ คนทำงานอีกสองกะข้างหน้าก็ยังหาไม่ได้เลย ผมกำลังหาคนทำงานให้ครบสามกะให้ได้ก่อนที่จะไปคุยกับพวกระดับสูง นี่พอจะฟังขึ้นมั้ย ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนท่านคุริยามะบ่อยๆ โดยใช่เหตุน่ะ”

 

หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์อึ้งไปเลย เขาหันไปมองโทโมซากะที่ก็งงไปไม่แพ้กัน ไหนบอกว่าเจ้านี่มันนิสัยเสียไง ไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้เลยนี่นา เจ้านี่ดูทัศนคติดีแถมยังมีเหตุผลอีกต่างหากถึงจะรู้ว่าอาจจะโดนท่านคุริยามะด่าถ้าไปกวนท่านหลายๆ รอบ เขารู้กันทั้งนั้นแหละว่าถ้าไปรายงานเรื่องกะกลับไปกลับมาได้ ท่านได้ด่าเปิงแน่

 

โทโมซากะที่งงเป็นไก่ตาแตกอยู่กล่าวขอโทษในที่สุด “ต้องขออภัยจริงๆ ครับท่านยามาดะ ผมเข้าใจผิดไป”

 

“ไม่เป็นไรน่า” หลี่ว์ซู่ทำใจดี “เดี๋ยวถ้าหาคนทำงานอีกสองกะต่อไปได้ ฉันจะไปคุยกับท่านคุริยามะให้แล้วกัน”

 

โทโมซากะออกจากห้องไป หลังจากนั้นสองชั่วโมงก็มีคนสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับถือกล่องมาคนละใบ คนหนึ่งยิ้มประจบสอพลอแบบเดิม

 

“ท่านยามาดะครับ ผมได้ยินว่าท่านกำลังหาคนทำงานอีกสองกะถัดไป ผมนี่แหละถนัดงานนี้มากแถมผมยังจงรักภักดีสุดๆ เลยนะครับ ผมสัญญาว่าจะติดตามท่านไปทุกที่เลยครับ!”

 

หลี่ว์ซู่เปิดกล่องแล้วดูของข้างใน เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ “โอเค เข้าใจล่ะ นายไปได้”

 

หลังจากคุยเสร็จก็ไม่มีใครอยู่ในห้องทำงานเขาแล้ว เขาถือโอกาสนี้เอากล่องพวกนี้เข้าไปในตราแผ่นดิน เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหนีออกไปที่นี่ ต้องค่อยๆ ดำเนินการไปทีละขั้นตอน!

 

หลี่ว์ซู่ว่าจะเดินไปถามผู้บำเพ็ญระดับ E ร้อยยี่สิบคนพวกนั้นว่ามีใครอยากเป็นหัวหน้าบ้าง แต่ทำแบบนั้นมีหวังถูกเปิดโปงพอดี… ยังไงซะถ้าค่าตอบแทนสูงหน่อย เขาก็มั่นใจว่าหัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ต้องตอบตกลงแน่

 

เมื่อวางแผนเสร็จสรรพแล้ว หลี่ว์ซู่ก็อดทนรอที่จะกลับบ้านแทบไม่ไหว

 

หลี่ว์ซู่เดินออกไปจากห้องทำงานแล้วเดินไปที่ทางลงลิฟต์ โทโมซากะและพวกดีใจกันยกใหญ่ ท่านยามาดะนี่เป็นคนไว้ใจได้จริงๆ ใครจะไปคิดว่าพอรับเงินไปแล้วก็รีบลงไปคุยกับท่านคุริยามะเลย หลี่ว์ซู่พยักหน้าให้ทุกคนแล้วตรงดิ่งไปลงลิฟต์ เขามุ่งหน้าไปที่หอนอนก่อน ตามคาดเลย คาวาโยชิแอบมาอู้ฝึกซ้อมอยู่ที่นี่ ในมือก็ถือศิลาวิญญาณเพื่อรับพลังจากมันอยู่

 

“หือ นายลงมาได้ไงเนี่ย ไม่ต้องไปทำงานข้างบนหรอกเหรอ” คาวาโยชิเพิ่งจะได้รับศิลาวิญญาณส่วนของเขากับหลี่ว์ซู่มา พอเห็นหลี่ว์ซู่ก็เลยแอบกลัวว่าจะโดนจับได้อยู่หน่อยๆ คาวาโยชิจึงรีบปรับอารมณ์และน้ำเสียงให้เข้มขึ้นแล้วกล่าวออกไปว่า

 

“ถ้านายหนีอู้งานออกมาแบบนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันจะแจ้งท่านคุริยามะ…”

 

ย๊าก!

 

ไม่ต้องรอให้พูดจบ หลี่ว์ซู่ก็ฟาดเข้าไปที่หลังคอของคาวาโยชิทันที ทำเอาคาวาโยชิตาเหลือกแล้วหมดสติไป

 

หลี่ว์ซู่ลงไปนั่งยองๆ ดูอาการของคาวาโยชิ หลังเห็นว่าเขาแน่นิ่งไปแล้ว หลี่ว์ซู่ก็เขย่าตัวปลุกคาวาโยชิ

 

คาวาโยชิค่อยๆ มีสติขึ้นมาเล็กน้อย พยายามเพ่งสติว่ามันเพิ่งเกิดบ้าอะไรขึ้นแต่ก็คิดไม่ออก หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ “อย่าตื่นขึ้นมาเลยแบบนี้”

 

คาวาโยชิเพิ่งตระหนักได้ว่าหลี่ว์ซู่อัดเขาหมดสติ แต่เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เป็นไปได้ไงที่เขาหลบการโจมตีของหลี่ว์ซู่ไม่ได้ หมอนี่กระจอกกว่าเขาไม่ใช่เหรอ

 

หลี่ว์ซู่เริ่มคิดถึงปัญหาต่อไปแล้ว ก่อนหน้านี้ชิบะปะทุพลังหลังจากที่โดนหลี่ว์ซู่ฟาดคาราเต้ไป ยิ่งไปกว่านั้น ชิบะยังปะทุพลังไปสองรอบติดๆ กันในวันเดียว

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาคงมีพลังช่วยให้คนอื่นปะทุพลังได้จริงๆ แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่ในกรณีนี้ หรือตอนนั้นชิบะหมกมุ่นเรื่องคิริฮาระ โยสึเกะมากเกินไปกันนะ

 

น่าเสียดายจริงๆ ค่าจ้างก็ได้มาตั้งเยอะ แต่หนึ่งในแผนการของเขากลับไม่เป็นไปตามคิด

 

ว่ากันตามตรง ถ้าหลี่ว์ซู่สามารถช่วยให้คนอื่นๆ ปะทุพลังได้ด้วยการซัดให้หมอบได้จริง เขาก็คงเป็นผู้ชำนาญการในด้านนี้แล้วล่ะ เพราะทักษะนี้ไหลเวียนอยู่ในร่างเขา!

 

คาวาโยชิไม่ลังเลอีกต่อไปหลังจากที่ได้สติครบเรียบร้อยแล้ว เขาก็ฟาดดาบคาตานะตรงไปที่หลี่ว์ซู่ ถึงแม้ว่าหลี่ว์ซู่จะไม่ชอบด้านอื่นๆ ของคาวาโยชิก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสู้กลับของคาวาโยชิทำให้หลี่ว์ซู่ทึ่ง เมื่อคาวาโยชิรับรู้ว่ามีอันตราย เขาพร้อมที่จะสู้กลับทันทีโดยไม่ต้องพร่ำอะไรอีกแล้ว!

 

แต่เสียงฟันดาบกลับหยุดในอากาศ หลี่ว์ซู่หยุดดาบนั้นได้ด้วยเล็บ ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก

 

คาวาโยชิรู้ทันทีว่าสถานการณ์แย่ลงแล้ว ขนาดระดับ C ยังไม่สามารถหยุดการโจมตีของเขาได้ด้วยสองนิ้วแบบนี้แน่ๆ!

 

เขานิ่งชะงักไป ไอ้หมอนี่มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +999]

 

“แกเป็นใครกันแน่วะเนี่ย” คาวาโยชิว่า แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่าตะโกนดังเท่าไหร่ก็ไม่มีใครได้ยิน เนื่องจากกำแพงที่นี่ถูกสร้างมาอย่างดี

 

“จำกันไม่ได้เหรอ” หลี่ว์ซู่หัวเราะเยาะ

 

คาวาโยชิพยายามมากที่จะข่มอารมณ์ “แก…”

 

“ฉันพ่อนายไง เรียกปะป๊าสิจ๊ะลูกชาย” หลี่ว์ซู่หัวเราะชอบใจแล้วเล็งไปที่คอของคาวาโยชิ ครั้งนี้โดนเต็มๆ ไม่พลาดเป้า

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +999]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset