ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 493 ชายผู้กล้าหาญ

ชายผู้กล้าหาญ

 

ผู้บำเพ็ญจำนวนมากมายจับกลุ่มกันมาที่คฤหาสน์ภายในไม่ถึงสองนาทีหลังจากหลี่ว์ซู่จากไป

 

แท้จริงแล้วเขาเอาเปรียบพวกเขา ในครั้งก่อน แม้แต่ตัวเนี่ยถิงเองก็ไม่ได้ไปที่คฤหาสน์ทวยเทพเพราะทุกคนรู้ว่ามันเป็นแค่รังเปล่าที่ไร้ความหมาย

 

แม้กระนั้นก็ยังมีคนระดับ C ประจำการอยู่ในกองกำลังรักษาความปลอดภัยของพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากมากในช่วงเวลาที่มีคนระดับ A อยู่น้อยกว่าสิบคนและคนระดับ B ก็ยังถูกถือว่าเป็นหัวกะทิของผู้บำเพ็ญได้ด้วย เพราะอย่างไรเสียจะมีคนระดับ C สักกี่คนที่จะพอใจงานตำแหน่งผู้รักษาความปลอดภัยบ้าง

 

ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาไม่มีทางจ้างคนระดับ B มาทำงานนี้ได้แน่ นอกเหนือจากนั้น มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนระดับ B คนใดมาก่อปัญหาที่นั่นทั้งที่รู้ว่าทำไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย

 

ข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างปลอดภัยในบ้านของผู้บังคับบัญชาระดับ B ฉะนั้นจะมีคนระดับ B คนใดที่ว่างและเบื่อมากพอที่จะเล็งเป้าหมายมาที่คฤหาสน์นี้บ้างล่ะ

 

อย่างไรก็ตาม หลี่ว์ซู่นั้นทั้งว่างและเบื่อ และที่สำคัญเขาจะได้รับผลประโยชน์จากการทำแบบนี้มากมายซึ่งยังเป็นความลับที่คนทั้งโลกไม่รู้

 

คนเหล่านั้นเริ่มเดือดพล่านด้วยความโกรธแค้นเมื่อเห็นศพที่นอนอยู่ คนของพวกเขาถูกสังหารอยู่ตรงหน้าสำนักงานใหญ่ของตัวเอง ช่างน่าละอาย!

 

ผู้บังคับบัญชาระดับ B คนหนึ่งเข้ามายืนอยู่ตรงทางเข้าเงียบๆ ใบหน้าของเขาเฉยเมยแม้จะเดือดดาลอยู่ข้างใน

 

[ได้แต้มจากทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ +499! ]

 

[ได้แต้มจาก…]

 

[ได้แต้มจาก…]

 

มีชายคนหนึ่งเข้ามารายงาน “ท่านครับ ศัตรูไม่ได้ทิ้งเบาะแสเอาไว้เลย ผู้มีพลังสายธาตุดินของเราได้ออกไล่ล่าทางใต้ดินแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววการหลบหนีของเขาทางใต้ดินเลย”

 

“คนระดับ D สิบเอ็ดนายและคนระดับ C หนึ่งนายถูกฆ่าตายด้วยมือเปล่าในระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้” ทาคาชิมะถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก “และเขาไม่ได้ใช้แม้กระทั่งกระบี่บินของเขาด้วยซ้ำ ต้องเป็นเขาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ราชันฟ้าคนที่เก้า เขาคงจะโกรธเรื่องหมายจับของเจ้านักเรียนห้องเต้าหยวน”

 

การแก้แค้นของเครือข่ายฟ้าดินนั้นอยู่ในความคาดหมายของพวกเขาอยู่แล้ว แต่ประสิทธิภาพในการลงมือนั้นกลับอยู่เหนือความคาดหมาย แค่สองวันก่อนนี้เอง มีข่าวมาจากอาณาจักรมืดเกี่ยวกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตายของหลี่ว์ซู่และการอ้างสิทธิ์ทรายขาวทะเลน้ำลึกจากนักฆ่าที่ใช้ชื่อรหัส โยว

 

“สถานการณ์ของเรานั้นไม่ค่อยจะมีหวังเสียเท่าไร ผู้มีพลังสายธาตุดินเป็นเครื่องมือลอบสังหารที่มีประสิทธิภาพในการแทรกซึมของสายลับเสมอมา แล้วตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินก็ดันผลิตพวกเขาในระดับ B ออกมาอีก”

 

ในช่วงของการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณยุคต้นๆ ศักยภาพและความสามารถของผู้มีพลังสายธาตุดินนั้นโดนดูถูกไว้ จนกระทั่งแอนโทนีได้เดินทางหลายพันกิโลเมตรเพียงเพื่อจะไปฆ่าเฉินไป่หลี่ โลกจึงได้เห็นจุดแข็งอันเหลือเชื่อในการแทรกซึมของพวกเขาในที่สุด

 

เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวที่หาที่เปรียบไม่ได้ของสายธาตุดินแล้ว สายธาตุไฟมีความสามารถที่สุดในด้านการโจมตีซึ่งๆ หน้า

 

“ปิดทางเข้าออกเมืองทั้งหมดและตรวจสอบผู้ต้องสงสัยทุกคนทีละคน เขาไม่มีทางหลบอยู่ใต้ดินได้ตลอดเวลาหรอก” ทาคาชิมะสั่งการ

 

ในตอนนั้นก็มีใครบางคนถามขึ้นว่า “ดูสิ! อะไรอยู่บนประตูแก้วน่ะ”

 

ก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกดึงความสนใจไปที่ศพทั้งหลายซึ่งทำให้พวกเขาไม่สนใจประตู เมื่อเข้าตรวจสอบ พวกเขาก็ได้เห็นวงกลมสีแดงขนาดใหญ่พร้อมคำภาษาอังกฤษที่เขียนว่า ‘รื้อถอน’ อยู่ด้านใน

 

“มันหมายความว่าอะไร”

 

“งานรื้อถอนอาคาร…”

 

“อะไรนะ”

 

“คำนั้นหมายความว่า อาคารนี้จะถูกรื้อถอน…”

 

บุคคลที่มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศจีนอธิบายอย่างรวดเร็วว่ามันเป็นเครื่องหมายสำหรับการรื้อถอนบ้านเรือนในประเทศจีน อาคารที่ทาสีแบบนั้นเอาไว้จะถูกรื้อถอนในระยะเวลาที่กำหนด ฉะนั้นเครือข่ายฟ้าดินต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน…

 

ทุกคนสะดุ้งตกใจ มันเป็นใครกัน กล้าขนาดนี้เลยเหรอ!

 

มิหนำซ้ำ ทำไมต้องทำให้องค์กรที่พูดภาษาอังกฤษแห่งอื่นเสียชื่อเสียงไปกับอะไรบางอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะของประเทศนายด้วย!

 

[ได้แต้มจากทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ +999!]

 

[ได้แต้มจาก…]

 

[ได้แต้มจาก…]

 

พวกเขาพากันตะลึงในตรรกะของหลี่ว์ซู่ คงจะไม่มีใครจากประเทศอื่นวาดภาพแบบนี้บนกำแพงสาธารณะหรอก!

 

เขาเป็นอัจฉริยะประเภทไหนกันที่ดันมีพรสวรรค์ในการทำให้คนเกลียดชังได้ขนาดนี้ แล้วเขาต้องการอะไรเหรอ!

 

ในไม่ช้า ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็กระจายออกไปทั่ว จนถึงกระทั่งไปถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ

 

ผลที่ตามมาก็คือ จากที่ดาวดวงที่หกของหลี่ว์ซู่สว่างเพียงครึ่งเดียว มันก็กลับสว่างจนเกือบสมบูรณ์ภายในชั่วข้ามคืน การจุดประกายของดาวดวงนั้นอยู่แค่เอื้อมด้วยการสนับสนุนจากทวยเทพในเวลาต่อมา…

 

และเขาเชื่อว่ามันก็ทำได้ไม่ยาก ฉันนี่อัจฉริยะจริงๆ ! หลี่ว์ซู่คิดในใจ

 

กล่าวกันว่าส่วนที่ยากที่สุดในการเดินไต่เชือกนั้นอยู่ที่สามก้าวสุดท้ายก่อนที่นักกายกรรมจะไปถึงแท่น

 

นั่นเป็นเพราะจิตใจที่มีความเป็นผู้ใหญ่น้อยอาจพยายามน้อยลงเมื่อใกล้จบการแสดง ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดถึงตายได้

 

และสำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว สิ่งสุดท้ายที่อยู่ในรายการต้องทำของเขาคือการเดินสามก้าวสุดท้ายอย่างระมัดระวังและปลอดภัย

 

ในระหว่างนั้น เมื่อผู้อาวุโสทั้งหมดถูกเรียกตัวมาที่คฤหาสน์ หลี่ว์ซู่จึงรีบฉวยโอกาสในการวาดสัญลักษณ์รื้อถอนเอาไว้ที่บ้านของสมาชิกตัวยงของทวยเทพทั้งหมด…

 

เนื่องจากไม่อาจได้มาซึ่งมรดกหรือสมบัติล้ำค่าใดๆ ในครั้งนี้เป้าหมายเดียวของหลี่ว์ซู่จึงเป็นพลังการบำเพ็ญ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาเพื่อนสมาชิกทวยเทพสำหรับการเลื่อนขั้นขึ้นสู่ระดับ B ของเขา

 

เมื่อเขามาถึงประตูบ้านของคิตะมุระ จู่ๆ ก็มีดาบสั้นพุ่งใส่เขาจากเงาที่อยู่ด้านหน้า หลี่ว์ซู่แปลกใจในความเร็วที่น่าทึ่งของมัน

 

เมื่อล่าถอยไปข้างทางด้วยความเร็วสูงสุดของเขา หลี่ว์ซู่จึงรอดพ้นจากการโจมตีถึงตายนั้นอย่างหวุดหวิด!

 

ก่อนที่เขาจะหายตกอกตกใจ เขาก็มองเห็นผู้ที่โจมตีคนนั้นค่อยๆ ก้าวออกมาจากเงามืดอย่างเชื่องช้า เธอสวยมากและซากุระก็ผลิดอกงามอยู่บนกิโมโนของเธอ…เดี๋ยว! นั่นมันซากุราอิ ยาเอโกะไม่ใช่เหรอ!

 

เสียงของยาเอโกะเย็นชาราวกับหิมะในฤดูหนาว “คิตะมุระ ฮิโรโนะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่แกมีชีวิต”

 

“???”

 

ปรากฏว่านี่น่ะเหรอคือเหตุผลที่เธอเจ้าอารมณ์นัก!

 

จนมาฆ่าฉันในวันนี้! เฮ้ย! น้องสาว ฉันไม่ใช่คนที่เธอตามหาอยู่หรอกนะ!

 

หลี่ว์ซู่ทำอะไรไม่ถูกเพราะมันคงจะไม่ดีแน่หากเขาจะเปลี่ยนกลับไปหน้าเดิมต่อหน้ายาเอโกะ แม้ว่าเขาจะมีบุคลิกที่ไม่เสมอต้นเสมอปลายตามบทที่วางเอาไว้ แต่เขาก็ไม่อาจเสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาได้…

 

หลี่ว์ซู่ก่นด่าอยู่ในใจเงียบๆ ตอนนี้เขาต้องมารับกรรมแทนคิตะมุระ ฮิโรโนะ! เวรกรรมตามทันจริงๆ!

 

และประเด็นก็คือ ตอนนี้เขาไม่อาจอธิบายตัวเองได้ชัดๆ! ซากุราอิ! ขอร้องเถอะ!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset