ตอนที่ 47 ตกลงกัน
“ฮ่าฮ่า! ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเถ้าแก่จะจำผู้น้อยคนนี้ได้” เซียวเฉินผู่ที่ใส่ชุดคลุมทั้งตัวใบหน้าถูกเงาบดบัง ไม่มีใครสามารถเห็นสีหน้าของเขา
หนานกงหยานหยิบปึกเงินออกมา เขาพูดขึ้นพร้อมกับส่งมาให้เซียวเฉิน “นี่เป็นเงินจากการประมูลครั้งก่อน ทั้งหมดเป็นหนึ่งล้านเหรียญเงิน”
พอคิดว่าเขาเพิ่งจะได้รับเงินหนึ่งล้านมา นี่มันเกินความคาดหมายของเซียวเฉิน เขาไม่ได้พูดอะไรและรับเงินมาก่อนจะพูดขึ้น “เพียงแค่เม็ดยาอดอาหารไม่กี่เม็ดแต่ประมูลได้ถึงหนึ่งล้าน สมชื่อเสียงของศาลาหลินหลาง”
หนานกงหยานยิ้ม “เม็ดยาอดอาหารเป็นของใหม่ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนและผลของมันช่างน่าอัศจรรย์ และด้วยความช่วยเหลือจากศาลาหลินหลางไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้ราคาเป็นล้าน”
“หากเป็นศาลาหลินหลางสาขาในเมืองหลวงราคาอาจจะเพิ่มเป็นสองเท่า ข้าสงสัยว่าสหายน้อยจะนำอะไรมาประมูลในวันนี้”
เซียวเฉินได้ยินดังนั้นก็หยิบเม็ดยาหวนคืนโลหิตหนึ่งเม็ด เม็ดยาฟื้นฟูพลังฉีหนึ่งเม็ดและเม็ดยาบำรุงลมปราณออกมาอีกหนึ่งเม็ด ก่อนจะวางเรียงบนโต๊ะและแนะนำพวกมัน
“ข้าอยากจะขอราคาเริ่มต้นของเม็ดยาสามชนิดนี้”
หนานกงหยานกลายเป็นตื่นเต้นเมื่อได้เห็นพวกมัน เม็ดยาสามเม็ดนี้ไม่เคยมีมาก่อนเป็นแน่ แม้ว่าจะมีเม็ดยาที่ส่งผลคล้ายกันอยู่บ้างแต่เขามั่นใจว่าสูตรของเม็ดยานี้ต้องต่างจากทั่วไปแน่นอน
นี่มันทำให้นักปรุงยาระดับ 7 ที่ไร้ความความคืบหน้ามาหลายปีรู้สึกเป็นสุข ครั้งนี้เซียวเฉินนำเม็ดยามาถึงสามชนิด ทักษะการปรุงยาของเขาจะต้องเริ่มก้าวหน้าอีกครั้ง
“แค่อย่างละเม็ด?” หนานกงหยานสับสนเมื่อเห็นว่าเซียวเฉินไม่มีความตั้งใจจะหยิบอะไรออกมาแสดงอีก
หากมีเพียงชนิดละหนึ่งเม็ดนั้นจะต้องเป็นปัญหาแน่ เมื่อเขาพยายามจะศึกษามันหากเขาพลาดทำมันเสียหายขึ้นมามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
อันที่จริงเซียวเฉินนั้นแต่เดิมไม่ได้อยากจะหยิบออกมาแสดงสักเม็ดเดียว แต่เมื่อเขาคิดดูแล้วเขายังต้องการความช่วยเหลือจากที่นี้อีกจึงหยิบยาสามตัวนี้มาประมูล
เขาไม่ได้ต้องการเงินทองอะไรมากมาย ถ้าหากมันไม่ได้จำเป็นต้องใช้จริงๆ เป็นการดีกว่าถ้าเขาจะเก็บยาพวกนี้ไว้ใช้คนเดียว
หลังจากคิดมาสักพักหนึ่งเซียวเฉินตัดสินใจพูดไปตามตรง “เถ้าแก่.. อันที่จริงข้าไม่ได้สนใจจะวางประมูล หากเถ้าแก่ต้องการข้ายกเม็ดยาสามชนิดนี้ให้ท่านได้”
หนานกงหยานส่ายหัวของเขาพร้อมกับยิ้มขึ้น “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ด้วยระดับขอบเขตของข้าเม็ดยาพวกนี้ไม่ได้มีผลมากมาย”
“เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้มีอะไร”
“วันนี้มีอะไร?” เซียวเฉินอยากจะรู้คำตอบ หากหนานกงหยานไม่เข้ามาก่อนผู้ช่วยคนนั้นคงบอกเขาไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สายที่หนานกงหยานจะเป็นคนบอกเขาเอง
หนานกงหยานยิ้มเบาๆ “ข้าเชื่อว่าเจ้าคงสังเกตเห็นแล้วว่ามีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่ศาลาหลินหลางวันนี้ ในวันนี้ช่วงบ่ายศาลาหลินหลางจะทำการประมูลครั้งใหญ่ประจำปีก่อนกำหนด”
เป็นเช่นนั้นนี้เองไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนมารวมตัวกันเยอะเพียงนี้ เซียวเฉินคิดในใจ นั้นเป็นงานประมูลใหญ่ของศาลาหลินหลางที่จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งหน
อย่างไรก็ตามเซียวเฉินจำได้ว่าการประมูลใหญ่นั้นจะจัดขึ้นในช่วงสิ้นปี นี่ยังไม่ถึงกลางปีด้วยซ้ำทำไมพวกเขาถึงจัดงานประมูลใหญ่กันแล้ว?
หนานกงหยานบอกได้เลยว่าเซียวเฉินกำลังงุนงงเรื่องอะไร เขาจึงอธิบาย “เป็นเพราะว่าข้ากำลังจะไปที่หลวงในตอนสิ้นเดือนนี้ ดังนั้นข้าอยากจะจัดมันก่อนที่ข้าจะจากไป”
เมืองหลวง? ตาเฒ่าคนนี้ไม่ได้มีพื้นเพธรรมดาเซียวเฉินคิดในใจ ในครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากเขา
แรงกดดันนั้นรุนแรงกว่าของหลิวเฟิงหยินเสียอีก ต่อหน้าของหนานกงหยานเซียวเฉินรู้สึกราวกับว่าตาเฒ่าผู้นี้มองทะลุผ่านตัวเขา
ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะมีตำแหน่งสำคัญในตระกูลหนานกง เซียวเฉินไม่รู้ว่าเขาจะไปเมืองหลวงทำไมแต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซียวเฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เก็บไปใส่ใจนัก
แต่เสียใจด้วยชีวิตมันช่างแปลกประหลาด มันมิอาจคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ เซียวเฉินไม่รู้ตัวเลยว่าธุระของตาเฒ่าที่เมืองเหลวงนั้นไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเซียวเฉินแต่เป็นเรื่องของเขาโดยตรง
ใบหน้าของเซียวเฉินถูกปิดบังไว้ทั้งหมด หนานกงหยานไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาได้เลย เขาผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้และพูดต่อ “ดังนั้นข้าอยากจะถามเจ้าว่ายินดีจะลงประมูลเพิ่มเพื่อเป็นตัวชูโรงในงานเพื่อให้ข้าได้มีหน้ามีตา”
เมื่อเซียวเฉินได้ยินดังนั้นก็พบว่ามันตลกดี หากคนอื่นมาพูดอยากได้เม็ดยาของเขาเพื่อไปเป็นหน้าชูตาเขาอาจจะเชื่อ
หากบุคคลสำคัญของตระกูลหนานกงบอกว่าเขานั้นอยากได้เม็ดยาพวกนี้เพื่อไปเอาหน้าเอาตา เขาตีค่าเซียวเฉินสูงเกินไปแล้ว เซียวเฉินนั้นรู้ดีว่าเม็ดยาพวกนี้คุณค่าขนาดไหน
ตระกูลหนานกงนั้นเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของอาณาจักรต้าฉิน ผู้นำตระกูลหนานกงหลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตราชันจากหนึ่งในสิบคนที่มีอำนาจสั่นคลอนอาณาจักร เขาเป็นลำดับ 2 จากใน 10 คนนั้น
เม็ดยาพวกนี้เขาให้ค่ามันสูงไปแล้ว พวกมันเทียบเท่าได้กับเม็ดยาระดับ 4 ของโลกนี้เท่านั้นเอง ในตระกูลหนานกงเม็ดยาพวกนี้แทบไม่มีค่า
ชายชราข้างหน้าเขาเห็นได้ชัดว่ามีตำแหน่งสำคัญในตระกูลหนานกง มีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนในมือ เขาจะไปขาดแคลนเม็ดยาระดับ 4 ได้เช่นไร?
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเม็ดยาพวกนี้เพื่อตัวเอง ชายชราผู้นี้จะต้องเป็นนักปรุงยาเช่นกัน เซียวเฉินรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณนักปรุงยา
นอกจากนั้นระดับของเขาจะต้องสูงไม่ใช่น้อย หนานกงหยานนั้นบอกได้ทันทีว่าเม็ดยาที่เซียวเฉินสกัดออกมานั้นสกัดขึ้นมาด้วยวิธีที่ต่างจากทั่วไป เหตุผลของเขานั้นคือต้องการนำมันไปศึกษา
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจนักที่เซียวเฉินยื่นเม็ดยาออกมาเพียงสามเม็ด อาจจะเป็นไปได้อีกว่าเม็ดยาจากการประมูลครั้งก่อนเขาเป็นคนกวาดซื้อไปทั้งหมด
เซียวเฉินไม่ได้พูดอะไรอีก เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบขวดยาสามขวดออกมา จากนั้นเขาก็เปิดจุกขวดออก
กลิ่นหอมของเม็ดยาหวนคืนโลหิต เม็ดยาฟื้นฟูพลังฉี เม็ดยาบำรุงลมปราณกระจายออกมาเต็มห้อง เซียวเฉินพูดขึ้น “เถ้าแก่หนานกง ขอกล่าวตรงๆ ท่านอยากได้เม็ดยาเหล่านี้เพื่อตัวเองใช่ไหม?”
“ในแต่ละขวดมีเม็ดยาอยู่ยี่สิบเม็ด ทำไมไม่บอกมาว่ามีอะไรมาแลกกับพวกมัน?”
เซียวเฉินไม่ได้ขัดสนเงินทองแต่เขาคาดว่าหนานกงหยานนั้นจะต้องมีสมบัติบางชิ้นที่เข้าตาเขา จะต้องใช้โอกาสนี้เพื่อปอกลอกเขาสักหน่อย
หนานกงหยานสีหน้าเปลี่ยน ความประหลาดใจออกมาจากดวงตาของเขา สายตาคมราวใบมีดมองมาที่เซียวเฉิน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล่อยพลังออกมาแต่อย่างใด เพียงแค่สายตาที่จ้องมองเซียวเฉินก็ทำให้เขาอึดอัด
ภายใต้ผ้าคลุมนั้นเซียวเฉินพยายามอย่างหนักเพื่อทำใจให้สงบ เขาพยายามข่มร่างกายที่กำลังสั่นแต่เหงื่อก็ยังไหลออกมาเต็มหลังของเขา
“ฮ่าฮ่า! ช่างเป็นคนหนุ่มที่กล้าหาญ เจ้าไม่เกรงว่าข้าจะสังหารเจ้าซะแล้วฉกของทุกอย่างไป? ” หนานกงหยานยิ้มขึ้นพร้อมกับแรงกดดันที่หายไป
“ท่านไม่ทำหรอก ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงรังสีฆ่าฟันจากท่านสักนิดเดียว นอกจากนั้นในครั้งก่อนที่เราเจอกันท่านก็ไม่ได้ส่งคนมาสะกดรอยข้า นั้นเป็นเหตุผลที่ข้ายังกล้ากลับมา” เซียวเฉินใจเย็นลง
เมื่อหนานกงหยานได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้น “เจ้าทั้งฉลาดและกล้าหาญ ถูกต้องแล้ว ชายชราผู้นี้อยากจะได้เม็ดยาพวกนั้น ความตรงไปตรงมาของเจ้าถูกใจข้าจริง”
เซียวเฉินพยักหน้าและไม่ได้ปฏิเสธมัน เขายิ้มพร้อมพูดขึ้น “เถ้าแก่หนานกง เห็นได้ชัดว่าท่านรู้เรื่องการปรุงยา ข้าสงสัยว่าท่านจะเสนอราคาได้สูงเพียงใด”
หนานกงหยานยิ้ม “เจ้าเด็กเหลือขอ อย่ามาเล่นคำกับข้า แม้ว่าข้าอาจจะต้องการเม็ดยาพวกนี้แต่ข้าก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าข้าจะได้อะไรจากการศึกษาพวกมัน พวกมันอาจจะไม่มีประโยชน์กับข้า”
“สหายน้อย ข้าอยากจะให้เจ้าแนะนำอาจารย์ของเจ้ากับข้าหน่อย?”
เมื่อเห็นหนานกงหยานเปลี่ยนเรื่อง เซียวเฉินก็หน้าบูดทันที “อาจารย์ของข้ารักความสงบสุข เขาไม่พบคนนอกทั้งนั้น ข้าเคยบอกไปแล้ว”
“หากเถ้าแก่ไม่มีความสนใจในเม็ดยาพวกนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน”
หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบเขาก็ลุกตรงไปที่ประตู นี่เป็นเส้นขีดสุดท้ายของเซียวเฉิน เขาไม่ได้มีอาจารย์แต่อย่างใดเม็ดยาทั้งหมดนั้นเขาสกัดออกมาด้วยตัวเอง หากความจริงนี้ถูกเปิดเผยหนานกงหยานอาจจะเป็นคนแรกที่จะส่งคนมาลักพาตัวเขา
หนานกงหยานลุกขึ้นพร้อมกับหยุดเซียวเฉินไว้ “ข้าแค่พูดขึ้นลอยๆ ไม่ต้องห่วงข้าต้องการเม็ดยาพวกนี้แน่นอน”
“เอาอย่างนี้เป็นไง? ข้าจะไม่เสนออะไรมากแต่ก็จะไม่เอารัดเอาเปรียบเจ้า เจ้าสามารถเลือกของจากการประมูลสามชิ้นในช่วงบ่ายวันนี้ ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องราคาศาลาหลินหลางจะเป็นคนจัดการเอง”
หนานกงหยานกล่าวเช่นนี้เพราะเห็นได้ว่าเซียวเฉินไม่ได้สนใจในเงินทอง มิเช่นนั้นเขาคงจะเอาเม็ดยาลงประมูลไปแล้ว
แต่หนานกงหยานก็ไม่เต็มใจหยิบสมบัติของเขาออกไปแลก ถึงยังไงมันก็เป็นเพียงเม็ดยาระดับ 4
ในที่สุดมันก็ออกมาเป็นวิธีนี้ เซียวเฉินพอใจและก็ไม่ต้องเข้าเนื้อของเขามากนัก อาจจะต้องใช้เงินมาถมบ้าง
นอกจากนั้นเขารู้ทุกรายการประมูล แม้มันอาจจะมีของดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เข้าตาเขาเท่าไหรดังนั้นเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร
เซียวเฉินพิจารณาคำพูดของหนานกงหยาน ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ถึงเจตนาของหนานกงหยาน เขาด่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ในใจอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ตอบโต้กลับทันที “ข้าอยากจะขอดูรายการประมูลก่อนได้ไหม?”
คำขอนี้ไม่ได้ไร้เหตุผล การประมูลส่วนใหญ่จะปล่อยรายการของออกมาให้ดูก่อนการประมูลเสมอ โดยพวกเขาจะไม่ลงรายการของที่จะเป็นตัวชูงาน เหตุผลหลักๆก็คือต้องการดึงคนให้มาเข้าร่วมงานประมูล
แม้ว่าหนานกงหยานจะไม่ค่อยจะเต็มใจนักแต่ก็ส่งสำเนารายการประมูลไปให้เซียวเฉิน “ในการประมูลใหญ่นั้นมีของดีมากมาย ข้ารับรองไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”
เซียวเฉินรับสมุดรายการมาเปิดดูอย่างละเอียด หลังจากดูจนหมดเขาก็ตัดสินใจได้ เข้ายิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น “เป็นอันตกลง ข้าเลือกสามอย่างจากงานประมูลส่วนท่านก็ได้เม็ดยาสามขวด”