“ซินเยว่ เจ้ากลับบ้านมาทำไม?” แต่ก็ยังขาดอีกประโยค อุ้มโม่หลีมาตอนกลางดึก ทำไมดูเหมือนสองสามีภรรยาทะเลาะกันแล้วหอบข้าวของหนีกลับบ้าน ลูกสาวเขากับลูกเขยที่หวานกันขนาดนั้นทะเลาะกันได้ด้วยหรือ?
“อืม ข้าคิดถึงท่านพ่อ โม่หลีก็ไม่ได้เจอท่านตานานแล้ว หรือท่านพ่อไม่ต้อนรับข้าหรือ” ประโยคสุดท้ายหลงซินเยว่ทำน้ำเสียงออดอ้อน
“ยินดีสิยินดี” เขาเพิ่งจะเจอหลานสาวคนเล็กของเขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ดูแล้วลูกสาวคงจะทะเลาะกับลูกเขยจริง ๆ
“อ้อจริงสิ นังหนูหลิวหลีล่ะ?” หลงซินเยว่ถามขึ้น
“นางน่ะหรือ กลับมาก็แขวนป้ายไว้ว่าเข้าฌานห้ามรบกวน คาดว่าคงปรุงยาอีกแล้ว” ดูทรงน่าจะเกี่ยวกับหลิวหลี หลงเหวินเซวียนคาดเดาไปต่างๆนานา
“แบบนี้นี่เอง ท่านพ่อ อย่างนั้นข้าอุ้มโม่หลีกลับเรือนข้าก่อน ท่านพ่อพักผ่อนเถอะ” หลงซินเยว่แสดงท่าทีรับรู้ แล้วอุ้มโม่หลีออกไป
วันถัดมา จ้านเฟิงอวี้ที่คิดถึงหลานสาวจึงตัดสินใจมาบ้านน้องชายเพื่อมาเยี่ยมนาง ได้ยินน้องชายบอกว่านางน่ารักขึ้นอีกแล้ว เขาไม่ได้มาเยี่ยมนางสักพักแล้ว จึงมาเยี่ยมหลานสักหน่อย
“อาหลิง ทำไมยืนอยู่ตรงนั้น” จ้านเฟิงอวี้แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง น้องชายเขายืนอยู่ตรงนั้นราวกำลังถูกทำโทษ น้องสะใภ้กับหลานสาวไม่อยู่ สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันหรือ?
“พี่ใหญ่เองหรือ ท่านมานี่มีเรื่องอะไรหรือ” จ้านเฟิงหลิงคิดทั้งคืนก็ยังคิดไม่ตก เพียงแต่จับถุงเก็บของที่เป็นของเขาแน่นขึ้น
“เมื่อวานบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าจะมาเยี่ยมหลานโม่หลี แต่ดูเหมือนนางจะไม่อยู่ น้องสะใภ้ก็ไม่อยู่” อย่าบอกนะว่าทะเลาะกันจริงๆ
“ซินเยว่พาลูกกลับบ้านไปแล้ว” จ้านเฟิงหลิงพูดพลางจับถุงเก็บของในมือให้แน่นขึ้น
“พูดเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมอยู่ๆน้องสะใภ้ก็อยากกลับบ้านนางล่ะ”
“พี่ใหญ่ ข้าทำผิดหรือ” จ้านเฟิงหลิงโพล่งถามเหมือนไม่ได้คิดอะไร
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
รอจนจ้านเฟิงหลิงพูดจบ จ้านเฟิงอวี้อยากจะผ่าสมองของน้องชายเขาออกมาดู อยากรู้ว่าวันๆหนึ่งคิดอะไรอยู่
“เจ้าบอกว่าการที่หลิวหลีเก่งเกินไปเป็นผลเสียต่อโม่หลี นางเพิ่งจะกี่ขวบ เจ้าคิดว่าการบำเพ็ญเพียรง่ายดายมากหรือ เจ้าอายุตั้งหลายร้อยปียังได้แค่นี้ นังหนูลำบากมาตั้งเท่าไหร่ พูดถึงเรื่องเพลิงอัคคี เจ้าคิดว่าของจากธรรมชาติพวกนี้หาง่ายนักหรือ นังหนูต้องทนลำบากโดยที่เราไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กว่าจะได้มาครอง พ่ออย่างเจ้าเคยเห็นอะไรบ้าง เจ้าเห็นแต่เกียรติยศรุ่งเรืองของนาง แต่ไม่เห็นด้านที่นางฝ่าฟันลำบาก พ่ออย่างเจ้า มันน่านัก มิน่าล่ะ จนถึงตอนนี้หลิวหลีถึงยังไม่ยอมเรียกเจ้าว่าพ่อ” จ้านเฟิงอวี้ใช้นิ้วจิ้มหัวจ้านเฟิงหลิงตามจังหวะที่เขาพูด
“อีกอย่างถึงแม้จนถึงตอนนี้นังหนูยังไม่เคยเรียกเจ้าว่าพ่อ ทว่าตั้งแต่เจ้าแต่งงานกับหลงซินเยว่ ยาศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าเอาไว้ฝึกฝนบำเพ็ญ หลิวหลีก็เป็นคนจัดหามาให้ตลอดใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่าเป็นหน้าที่ของนางหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่ายาศักดิ์สิทธิ์ของนังหนูข้างนอกขายอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ เจ้ามัวไปกังวลใจเรื่องอะไรกัน” จ้านเฟิงอวี้โมโหในความเลอะเลือนของน้องชายตนเอง บ้านสกุลจ้านของเขากว่าจะคืนดีกับบ้านสกุลหลงไม่ใช่ง่ายๆ
“ยิ่งไปกว่านั้น โม่หลีเพิ่งจะสามขวบ จะสามารถบำเพ็ญเพียรได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ แกนวิญญาณจะดีหรือไม่ดีก็ยังไม่รู้ โม่หลีมีหลิวหลีเป็นพี่สาวถือเป็นความโชคดี สามารถช่วยเหลือนางได้ในอนาคต หากนางสามารถบำเพ็ญเพียรได้ จุดเริ่มต้นของนางถือว่าสูงกว่าคนอื่นมาก” เมื่อพูดประโยคสุดท้าย จ้านเฟิงอวี้ตีน้องชายตนเองอย่างอดไม่ได้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทนเห็นพี่ชายอย่างเขาอยู่อย่างสงบสุขบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม
จ้านเฟิงหลิงฟังจบก็อึ้งไป มือไม้ไร้เรี่ยวแรงทันที เขายอมรับว่าเขาลำเอียง เพราะจนถึงตอนนี้หลิวหลีไม่เคยเรียกเขาว่าพ่อเลยสักครั้ง อีกอย่าง นอกจากโม่หลีจะเรียกเขาว่าพ่อ เขายังมีส่วนร่วมในการเติบโตของนาง ความรู้สึกจึงต่างกัน ซินเยว่พูดถูก เขามันแย่จริงๆ
“พี่ใหญ่ ข้าผิดไปแล้ว ไปบ้านสกุลหลงเป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะไปรับหลงซินเยว่กับลูกทั้งสองคนกลับมา” จ้านเฟิงหลิงกล่าว
“สองคน?” จ้านเฟิงอวี้เลิกคิ้ว
“ใช่สิ สองคน ข้ามันลำเอียง ตั้งแต่ข้าแต่งกับซินเยว่ ข้าก็ไม่เคยคิดให้หลิวหลีกลับมาบ้าน ข้าไม่เคยยอมรับว่าหลิวหลีเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ คิดว่าหลิวหลีอยู่ที่สกุลหลงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ข้ากลัวที่จะต้องเจอนาง เมื่อเห็นหลิวหลี ข้าก็จะนึกถึงความโง่เง่าของตนเอง นั่นเพราะตัวข้าเองกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวในอดีต ลูกเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น พูดตรงๆเลยนะท่านพี่ ข้าคิดอยู่ตลอดว่าที่หลิวหลีให้ยาศักดิ์สิทธิ์กับข้าถือเป็นสิ่งที่นางสมควรทำ ข้าไม่เคยภาคภูมิใจในตัวนางมาก่อน ความเห็นแก่ตัวของข้าทำให้ครอบครัวต้องพังทลาย ข้าคิดว่า หากตอนนี้ข้าแก้ไขน่าจะยังทัน” จ้านเฟิงหลิงกล่าว
“อาหลิง เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว” ยังดี ที่น้องชายคนนี้ของเขาไม่ได้โง่เขลามากมาย ยังมีทางรอดอยู่
ณ บ้านสกุลหลง โม่หลีตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่บ้านท่านตา เมื่อนางรู้ว่าพี่สาวที่นางชอบที่สุดก็อยู่ที่สกุลหลง โม่หลีก็ดีใจอย่างมาก แต่แล้วก็มารู้ว่าพี่สาวเข้าฌานอยู่ นางก็ยื่นปาก ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงได้ชอบเข้าฌานกันนัก ไม่กินไม่หิวหรืออย่างไร จนกระทั่งหลงซินเยว่นำน้ำผลไม้ที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้กับโม่หลี นางถึงเริ่มอารมณ์ดีขึ้น
หลงเสี่ยวเสี่ยวตั้งใจจะมาหาพี่สาวเช่นกัน นางใส่เสื้อผ้าที่ท่านแม่เตรียมให้ อายุนางยังน้อย แต่ลุกขึ้นมาแต่งตัวทำให้พอมองออกว่านางเริ่มจะรักสวยรักงามขึ้นมาบ้างแล้ว หลงเหวินชิงก็โล่งใจ หลานสาวของนางยังมีทางรอด ไม่ต้องกลายเป็นเด็กหนุ่มปลอมๆเจอเข้ากับโม่หลีโดยบังเอิญ
หลงเสี่ยวเสี่ยว
“เจ้าเป็นลูกหลานบ้านไหนหรือ น่ารักจริง ๆ” หลงเสี่ยวเสี่ยวชอบเจ้าตัวกลมนี้มาก รู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายไม่น้อย
“พี่สาว พี่เป็นใคร ท่านเหมือนพี่สาวข้าเลย” โม่หลีเอียงคอแล้วถามขึ้น
“จริงหรือ ข้าชื่อหลงเสี่ยวเสี่ยว เป็นหลานสาวของท่านผู้อาวุโสเจ็ดหลงเหวินชิง แล้วเจ้าล่ะ”
“โม่หลี พี่สาวของข้าชื่อ หลิวหลี”
หลงเสี่ยวเสี่ยวมองโม่หลีอย่างประหลาดใจ พี่สาวมีน้องสาวแล้ว ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ว่าแต่พี่สาวตอนเด็กก็เป็นเช่นนี้หรือ น่ารักเสียจริง
“พี่สาวของเจ้าคือหลิวหลีหรือ เจ้าโชคดีจริงๆ” หลงเสี่ยวเสี่ยวอิจฉาน้อย ๆ นางคิดมาตลอดว่าการได้เป็นน้องสาวของหลิวหลีเป็นเรื่องโชคดี
“จริงหรือ เพราะเรื่องนี้ข้าเลยเป็นคนโชคดีหรือ” โม่หลีเอียงคอด้วยใบหน้างุนงง มีพี่สาวเป็นหลิวหลีทำไมถึงโชคดี
“รอเจ้าโตขึ้นแล้วจะรู้เอง เข้าไปเถอะ ในเมื่อพี่สาวกำลังเข้าฌานอยู่ ถ้าอย่างนั้นข้ากลับก่อนแล้วกัน” เสียวเสี่ยวลูบหัวโม่หลีเบาๆ แล้วก็จากไป
“พี่เฟิงอวี้ ไม่ได้เจอกันเสียนาน” หลงเหวินเซวียนมองดูลูกเขยของเขากับผู้นำสกุลจ้าน
“พี่เหวินเซวียน ข้าแค่ผ่านมาเท่านั้นจริงๆ” จ้านเฟิงอวี้ออกตัวว่าเขาแค่ผ่านมาเท่านั้น
“ท่านพ่อตา ข้ามารับซินเยว่สามแม่ลูก” จ้านเฟิงหลิงบอกจุดประสงค์ของเขา
“สามคนหรือ?” สมองซื่อบื้อของลูกเขยเขาทำไมถึงคิดได้แล้วล่ะ ถึงขนาดใช้คำว่าสามคน เขานึกว่าลูกเขยของเขาจะไม่พูดถึงเรื่องนี้จนถึงหลิวหลีบรรลุเป็นเซียนเสียอีก
“ใช่ ท่านพ่อตา สามแม่ลูก ซินเยว่ โม่หลี หลิวหลี”
“หลิวหลีด้วยหรือ” หลงเหวินเซวียนมองลูกเขย ในที่สุดก็คิดได้เสียที ช่างน่าภูมิใจจริงๆ
“แน่นอน นางเป็นลูกสาวของข้าย่อมถือเป็นคนในครอบครัว” จ้านเฟิงหลิงพูดอย่างหนักแน่น
“เฟิงหลิง ในที่สุดเจ้าก็คิดได้แล้ว เอาเถอะ รับซินเยว่สองแม่ลูกกลับไปก่อน พูดกับซินเยว่ดีๆ ส่วนหลิวหลี รอนางออกจากฌานก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หลงเหวินเซวียนก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ลูกเขย
“พี่เหวิยเซวียน น้องชายของข้าโง่เขลา ได้โปรดอย่าถือสา” เมื่อเห็นจ้านเฟิงหลิงเดินไปแล้ว ผู้นำสกุลทั้งสองคนจึงเริ่มสนทนากัน
“ไม่ถือสาหรอก ถือสาไปจะทำอะไรได้ ซินเยว่มีลูกกับน้องชายของท่านตั้งสองคนแล้ว” หลงเหวินเซวียนกลอกตามองบน ตาเฒ่าจิ้งจอก
“จริงสิ ทำไมหลิวหลีกลับมาก็เข้าฌานเลยล่ะ” จ้านเฟิงอวี้ถามอย่างสงสัย นังหนูคนนี้ชอบเข้าฌานมากขนาดไหนกัน
“ใครจะไปรู้ เห็นว่าเข้าฌานเพื่อปรุงยา ข้าไม่เห็นว่าจะมีวิบากอัสนีบาต น่าจะไม่ใช่ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8”
สุดเสียงหลงเหวินเซวียน จู่ๆวิบากอัสนีบาตก็ผ่าลงมา
“ใครกำลังรับวิบากกรรม? ไม่ใช่สิ นี่คือวิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ น่าจะเป็นนังหนูหลิวหลีปรุงยา” หลงเหวินเซวียนตกใจกับวิบากอัสนีบาต นังหนูคงไม่ได้โดนฟ้าผ่าจนร่างพังไปใช่หรือไม่
ทั้งสองคนรีบเดินไปเรือนพักอาศัยของหลิวหลี จ้านเฟิงหลิงที่เพิ่งจะเดินเข้ามาและเตรียมคำพูด ก็ต้องตกใจกับเสียงวิบากอัสนีบาต จ้านเฟิงหลิงรีบอุ้มลูกสาวแล้วอุดหูซินเยว่ ใครกำลังรับวิบาก หากคนอื่นโดนไปด้วยจะทำอย่างไร
เมื่อคนสกุลหลงมาถึง ก็เห็นหลิวหลีกำลังรับวิบากอัสนีบาตด้วยท่าทีดุดัน
“เหวินเซวียน หลิวหลีเป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยาจริงหรือนี่” จ้านเฟิงอวี้เห็นความแข็งแกร่งของหลิวหลีก็อึ้งไปน้อยๆ สำหรับพวกเขาวิบากอัสนีบาตเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักๆ แต่นังหนูคนนี้กลับยังดูสดใสอยู่เลย
“ตามหลักการแล้วน่าจะใช่” เป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยาที่ต้องให้ใครมาปกป้อง แถมยังปกป้องคนอื่นได้ด้วย ดังนั้นการเป็นห่วงว่านังหนูจะโดนฟ้าผ่าตายหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย
“เอ๊ะ ทำไมคนเยอะขนาดนี้?” หลิวหลีเก็บยาศักดิ์สิทธิ์แล้วมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างสงสัย
“นังหนู เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลงเหวินเซวียนถาม โดนฟ้าผ่าไปขนาดนั้นจะเป็นอะไรไหม ถึงแม้เมื่อครู่จะคิดเช่นนั้น แต่อย่างไรก็เป็นห่วงนังหนูอยู่ดี
“ใช่ หลิวหลี ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” จ้านเฟิงอวี้พูดต่อ
“ท่านตา ท่านลุง ข้าไม่เป็นอะไร อ้อ ข้าเพิ่งจะปรุงยาเสร็จ ให้พวกท่านเอาไว้เล่น” คิดไปคิดมา หลิวหลีจึงนำยาที่เพิ่งทำเสร็จแบ่งออกมาสองเม็ด
ในหัวหลงเหวินเซวียนเต็มไปด้วยคำว่า ‘เล่น เล่น เล่น’ ส่วนในหัวจ้านเฟิงอวี้คือนังหนูยอมเรียกเขาท่านลุงแล้ว ท่านลุง ท่านลุง เขาไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่
จ้านเฟิงหลิงอุ้มลูกสาวและจูงหลงซินเยว่ออกมา แล้วเจอเข้ากับหลิวหลี
“หลิวหลี” จ้านเฟิงหลิงตะโกน
“อือ” นี่ไม่ใช่ท่านพ่อนางหรือ เขาไม่ชอบนางไม่ใช่หรือ ทำไมถึงพาแม่กับน้องสาวกลับมา
“กลับบ้านไปกับพ่อดีไหม” คำพูดของจ้านเฟิงหลิงทำให้หลงซินเยว่อึ้งไป อาหลิงคิดได้แล้วหรือ โม่หลีเอียงคอมองพี่สาวสลับกับมองจ้านเฟิงหลิง
“พี่สาว กลับบ้านกัน” โม่หลีพูดซ้ำขึ้นอีกครั้ง
“ได้” กลับบ้าน คำๆนี้ให้ความรู้สึกดีจริงๆ
…………………………………
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 150 จ้านเฟิงหลิงผู้กลับตัวกลับใจ
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!