ประวีร์สั่งอาหาร จากนั้นก็เล่าเรื่องน่าสนใจตอนที่ตนไปต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ให้มุกดาฟัง มุกดาฟังแล้วก็หัวเราะลั่น เธอไม่ได้หัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว
“ขอโทษนะคะ พี่ประวีร์ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยว” จู่ๆ มุกดาก็รู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมากะทันหัน เธอจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอได้ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ออกมาจากห้องน้ำชาย เธอรีบกล่าวขอโทษขอโพยผู้ชายคนนั้น แต่เธอกลับรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวของเธอลดลงอย่างรวดเร็ว
คนที่อยู่เหนือศีรษะของเธอไม่พูดอะไร เธอตัวสั่นเทาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แอร์ในร้านอาหารอุณหภูมิต่ำเกินไป?
มุกดาเงยหน้าขึ้นมองบุคคลนั้น เมื่อเธอได้เห็นชายคนนั้นชัดๆ เธอก็ยกเท้าเตรียมจะปลีกตัวออกไปทันที
แต่กลับถูกชลธีคว้าเอาไว้ก่อน ผู้หญิงคนนี้ตอบสนองเร็วดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะตนมือไว คงปล่อยเธอหนีไปได้จริงๆ แน่
วันพรุ่งนี้พ่อของเธอต้องไปผ่าตัดที่ต่างประเทศ แล้วคืนนี้เธอมาทำอะไรที่นี่? เธอต้องไม่ได้มาคนเดียวแน่ ร้านอาหารร้านนี้ดูออกจะธรรมดามาก แต่เป็นสถานที่ที่คนมีแต่คนร่ำรวยมีเงินเท่านั้นถึงจะมา
“มุกดา เธอมาทำอะไรที่นี่?” ความหมายของชลธีคือจะถามมุกดาว่าทำไมถึงมาอยู่ที่ร้านอาหารนี้ได้
“นี่คือห้องน้ำ คุณมาทำอะไรฉันก็มาทำแบบนั้นแหละค่ะ” มุกดารู้สึกว่าท่านประธานบริษัทฮอนดากรุ๊ปคนนี้วิญญาณไม่สลายไปสักที ตนไปที่ไหนก็บังเอิญเจอเขาตลอดเลย
“จริงสิ ประธานชลธีตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้ว ฉันอยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ดูเหมือนว่าคุณจะยุ่งด้วยไม่ได้มั้งคะ?” มุกดาดิ้นรนขัดขืน แต่กลับไม่สามารถดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการของชลธีได้
“ฉันยุ่งไม่ได้ แต่วันพรุ่งนี้เธอยังต้องไปทำงาน ถ้าเธอไม่รีบกลับบ้าน วันพรุ่งนี้ไปทำงานสายขึ้นมาฉันคงต้องหักเงินเธอนะ” ชลธีก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรไป พอเห็นมุกดาเอ้อระเหยลอยชายอยู่ข้างนอกแบบนี้แล้ว เขาไม่ชอบใจเลย
“ฉันรู้ค่ะ แต่คุณปล่อยมือก่อนสิคะ คนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดี ฉันกินข้าวเสร็จก็จะกลับแล้วค่ะ คุณเองก็รีบกลับนะคะ เผื่อถ้าพรุ่งนี้คุณไปช้ากว่าฉัน แบบนั้นคงแย่เอา” ในที่สุดมุกดาก็ดิ้นหลุดจากมือใหญ่ของชลธีได้
ชลธีไม่พูดอะไร และเดินออกไปเลย
มุกดาลูบแขนของตัวเองเบาๆ ก่อนจะกลับไปที่ห้องส่วนตัวของประวีร์
“ทำไมถึงไปนานขนาดนี้ล่ะ?” ประวีร์ตักข้าวให้มุกดาเรียบร้อยแล้ว
“อ้อ ฉันบังเอิญเจอโรคจิตน่ะค่ะ โชคดีที่ฉันหนีออกมาได้” มุกดายกถ้วยข้าวขึ้นแล้วเริ่มทานอาหาร
มองดูอาหารที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อใส่เข้าไปในปากมุกดาก็รู้ทันทีว่าทำไมกิจการของที่นี่ถึงดีขนาดนี้ นี่มันคือรสชาติแสนอร่อยของโลกมนุษย์เลย
เธอทานข้าวไปถึงสามถ้วยด้วยความโมโห กระทั่งอิ่มจนพุงป่องถึงได้หยุดมือ
อาหารที่ประวีร์สั่งมา แทบจะถูกมุกดาทานจนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแค่น้ำซุปเอาไว้เล็กน้อยเท่านั้น
“พี่ประวีร์ ทำไมพี่ยังไม่กินอีกล่ะคะ?” มาถึงตอนนี้มุกดาเพิ่งจะพบว่าข้าวหนึ่งถ้วยของประวีร์ยังถือไว้ในมืออยู่เลย ตอนนี้เขากำลังทานซุปผักที่เหลือจากมุกที่กินเหลือ
“ถ้าอย่างนั้นสั่งอาหารเพิ่งอีกสักอย่างสองอย่างไหมคะ?” มุกดาพูดอย่างเขินอาย ตอนแรกเธอมาเพื่อทานข้าวเป็นเพื่อนประวีร์ แต่ตนเองกลับกินจนเกลี้ยงหมดเลย
“ไม่ต้องหรอก แบบนี้ก็ดีแล้ว โภชนาการล้วนอยู่ในซุปผักทั้งนั้น” แม้แต่กำลังทานอาหารเหลือ การเคลื่อนไหวของประวีร์ก็ยังสง่างามอยู่เช่นเดิม
มุกดามองอย่างใจลอย เธอเองก็เป็นลูกสาวตระกูลผู้ดี แต่เวลาเธอทานอาหารกลับไม่เคยดูสง่าแบบนี้เลย เธอทานอาหารรวดเร็วมาก ราวกับกำลังแย่งอยู่กับใคร
ประวีร์เห็นมุกดามือเท้าคางมองมาที่ตนเองอย่างใจลอยแบบนั้น หน้าของเขาก็แดงขึ้น ตั้งแต่เด็ก มุกดาชอบมองเขาด้วยท่าทางแบบนี้ตลอด
ไม่ว่าจะกำลังทำการบ้านหรือทานอาหาร เธอก็มักจะมองตนแบบนี้ตลอด จากนั้นก็จะพูดอย่างน่ารักออกมาว่า “พี่ประวีร์ พี่ดูดีมากเลย โตแล้วพี่มาขอฉันแต่งงานเถอะ!”
แล้วก็เป็นเพราะประโยคนี้ ที่ทำให้เขากลับมาประเทศจีนอย่างไม่คิดว่ามันห่างไกล แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เธอแต่งงานไปแล้ว
“โอเค พี่กินเสร็จแล้ว พวกเราไปกันเถอะ เธอกลับช้าเกินไปเดี๋ยวมันจะไม่ดี” ประวีร์วางตะเกียบลงและหยิบกระดาษทิชชูขึ้นเช็ดปาก
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ” มุกดาลุกขึ้นยืน หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังของตัวเองขึ้นมา
ตั้งแต่เดินออกจากร้านอาหารจนกระทั่งขึ้นรถของประวีร์ ชลธีจับตามองอยู่ตลอด ใบหน้าของเขามืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ มืดกระทั่งคนรอบข้างไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ชล ทำไมเดี๋ยวนี้จู่ๆ นายมักจะผิดปกติอยู่บ่อยๆ แถมยังให้ฉันไปตามสืบเรื่องแปลกๆ พวกนี้ด้วย” ทศพรเยาะเย้ยชลธี
ชลธีไม่สนใจเขาเลย เอาแต่จ้องมองรถคันนั้นขับออกไป เขาถึงได้หันกลับมา
“นายว่าอะไรนะ?” ชลธีถามทศพร
“ช่างมันเถอะ ถือซะว่าฉันไม่ได้พูดแล้วกัน วิญญาณของนายหลุดจากร่างหรือไง ฉันได้ยินมาว่านายสนใจพนักงานใหม่ที่บริษัทคนหนึ่งมากๆ” ทศพรเขย่าแก้วไวน์แดงในมือ จ้องไปที่ชลธีอย่างติดตลก
“ไม่จริงมั้ง เขามองผู้หญิงคนอื่นด้วยเหรอ ผู้หญิงคนนั้นต้องสวยขนาดไหนอ่ะ?” ไตรภพกำลังโอบผู้หญิงคนหนึ่ง พลางจูบไปหนึ่งที
ชลธีกลับไม่มีอารมณ์จะพูดเรื่องไร้สาระกับคนพวกนี้อีกแล้ว เขาอยากจะกลับไปดูว่ามุกดากลับไปแล้วหรือยัง
“ฉันไปแล้วนะ พวกนายดื่มต่อเถอะ” ชลธีหยิบเสื้อสูทของตัวเอง เดินออกนอกประตูไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนทั้งโต๊ะ
“ถ้าในอนาคตฉันแต่งงานกับคนอื่น คุณจะปวดใจไหม?” คำพูดของมุกดาเมื่อคืนวานนี้ดังก้องอยู่ในหัวของชลธี ตอนนั้นเขาตอบกลับไปว่าไม่ แต่ว่า วันนี้หลังจากคิดมาตลอดทั้งวันว่าเขาจะปวดใจไหม? คำตอบคือแน่นอน เขาคงจะทุกข์ใจมาก
อย่างในตอนนี้ แค่มุกดามาทานอาหารกับผู้ชายคนอื่น เขาก็รู้สึกถึงไฟโกรธที่สุมอยู่ในอกแล้ว
“ฉันตกหลุมรักเธอแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ก็แค่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉัน เป็นภรรยาของฉันก็ควรจะมีมาตรฐานในการเป็นภรรยาของฉัน” ชลธีปลอบใจตัวเอง เขาไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นแน่นอน
แต่ความเร็วของรถกลับไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ตรงกันข้ามมันกลับเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะรีบกลับไปกอดร่างกายอ่อนนุ่มหอมหวนของมุกดา ได้อยู่ด้วยกันกับเธอ เขาถึงรู้สึกสบายใจ
ชลธีกลับมาถึงบ้านอย่างรวดเร็ว แต่มุกดากลับยังไม่กลับมาเลย
ผู้หญิงคนนี้ เธอไปไหนของเธออีก ดึกดื่นเที่ยงคืนอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนอื่น ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย? ใบหน้าสวยๆ นั้นของเธอ ใครเห็นต่างก็อยากเข้าไปจูบไปหอมสักที
ขณะที่ชลธีกำลังครุ่นคิดในใจ เขาก็ได้ยินเสียงรถดังมาจากด้านนอก จึงรีบไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที
“แล้วเจอกันใหม่นะคะพี่ประวีร์ ขอบคุณพี่มากนะคะที่มาส่งฉัน” มุกดาบอกลาประวีร์ แล้วก็เข้าไปภายในคฤหาสน์
วันนี้ค่อนข้างดึกมาก ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว เพื่อไม่ให้ส่งเสียรบกวนคนอื่น มุกดาจึงรีบเปิดประตูและเดินเข้าไป
ห้องรับแขกว่างเปล่า คนรับใช้เข้านอนกันหมดแล้ว มุกดาขึ้นไปชั้นบน
อยากจะอาบน้ำ และรีบเข้านอนเร็วๆ ไม่อย่างนั้นถ้าพรุ่งนี้ไปสายจริงๆ คงได้ถูกอีตาโรคจิตนั่นหักเงินเอา
มุกดาคิดในใจ เธอเพิ่งจะเดินขึ้นบันได ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกใครคนหนึ่งกดเข้ากับผนังและจูบลงมาท่ามกลางความมืด