หวังเป่าเล่อชั่งใจเพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นกับดักหรือไม่!
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าผีแก่รู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่ตัวเขามีต่อสำนักแห่งความมืดหรือไม่ และนี่เป็นเหตุให้เขาลังเล!
แม้จะชั่งใจและมีความรู้สึกหลากหลายปะปน หวังเป่าเล่อก็ยังมองเห็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพียงแค่ว่า สิ่งยวนใจตรงหน้านั้นช่างยิ่งใหญ่นัก จึงทำให้ช่องโหว่จำนวนมากถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย
เพราะอย่างไรเสีย…หากหวังเป่าเล่อต้องการ เขาก็สามารถดูดกินวิญญาณทุกดวงได้อย่างง่ายดาย หลังจากใช้เวลาในการย่อยวิญญาณเหล่านั้นสักหน่อย ชายหนุ่มก็สามารถบรรลุขั้นไปสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะหรือกระทั่งไปถึงขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นกลางได้เลยทีเดียว!
ต้องมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ไม่มีทางเลยที่เจ้าผีแก่ตนนี้จะไม่รู้ว่าข้ามาจากสำนักแห่งความมืด เพราะถึงอย่างไร สำนักแห่งความมืดก็เป็นผู้ดัดแปลงวิชาดวงเนตรปีศาจ ต่อให้สำนักแห่งความมืดจะล่มสลายไปแล้วและเคล็ดวิชาฝึกปราณทั้งหมดกระจัดกระจายไปทั่วจักรวาล…สถานการณ์นี้ก็มีผลกับการสิงร่างและการคืนชีพของเขา ไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่ตรวจตราซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งแน่ใจว่าข้อมูลที่มีนั้นสมเหตุสมผล
นอกจากนั้น…เจ้าผีแก่ยังทั้งเจ้าเล่ห์และแสนกล ไม่มีทางเลยที่จะไม่รู้ความจริง อีกอย่างหนึ่ง…หากข้าดูดกลืนวิญญาณเหล่านี้เข้าไป ข้าก็คงไม่บรรลุขั้นในทันที คงคล้ายการกลืนโอสถ ข้าต้องใช้เวลาย่อยสลายพวกมันสักหน่อย…หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่เจ้าผีแก่ต้องการกัน เขาต้องการซื้อเวลาอย่างนั้นหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อแดงก่ำ ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดอย่างหนักในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจนี้ ในที่สุดมังกรวิญญาณทั้งสิบสองก็เข้ารวมกับปราณของวิญญาณคนตายนับล้านและล่องลอยอยู่ระหว่างตัวเขาและจักรพรรดิชรา ใบหน้าของอีกฝ่ายฉาบเคลือบไปด้วยความกังวล ในขณะที่นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อทอประกายด้วยความแน่วแน่
“ข้าไม่ต้องการวิญญาณเหล่านี้!” หวังเป่าเล่อคำรามก่อนจะล่าถอย ละทิ้งความคิดที่จะใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดในการยึดดวงวิญญาณมาทั้งหมด ขณะที่เขายอมปล่อยวิญญาณเหล่านั้นไปและถอยหลัง ปราณของวิญญาณนับล้านบวกกับมังกรวิญญาณทั้งสิบสองก็กระดอนถอยหลังไปเหมือนถูกเชือกกระตุกก่อนจะพุ่งเข้าไปหาผีแก่!
ดวงวิญญาณรายล้อมผีแก่เอาไว้ท่ามกลางเสียงสนั่นก่อนจะพวยพุ่งเข้าสู่ร่างของเขา ดูเหมือนว่าพวกมันจะมาจากสายโลหิตหรือต้นกำเนิดเดียวกับผีแก่ ส่งผลให้ผีแก่ไม่จำเป็นต้องรอให้วิญญาณเหล่านั้นย่อยไป พลังปราณของเขาพุ่งทะยานขึ้นทันที
เขาบรรลุขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์โดยพลัน ไม่เพียงเท่านั้น ระดับปราณของเขายังไต่ขึ้นไปอีก ก่อนจะบรรลุสู่ขั้นจิตวิญญาณอมตะในพริบตา และเพราะสารอาหารจากวิญญาณเหล่านั้น พลังปราณของเขาจึงยังขึ้นไปไม่สิ้นสุด ทว่า…หวังเป่าเล่อไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสะใจจากผีแก่ขณะกำลังล่าถอย ชายหนุ่มกลับได้ยินเพียงแค่เสียงคำรามที่เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังและเสียใจแทน
นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายเพราะเสียงนั้น ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเขาทำถูกแล้ว เจ้าผีแก่…วางกับดักเอาไว้จริงๆ!
ชายหนุ่มสะบัดมือไปมา แผ่นหยกของเซี่ยไห่หยางมาปรากฏอยู่ในมือซ้ายของเขาในพริบตา และแผ่นหยกของปรมาจารย์แห่งไฟก็มาปรากฏในมือขวา เขาไม่ได้ส่งข้อความเสียงออกไป เพียงแต่หยิบออกมาเผื่อไว้ก่อนเท่านั้น
หวังเป่าเล่อเริ่มท่องบทสวดแห่งเต๋าอยู่เงียบๆ มือทั้งสองกำแผ่นหยกสองแผ่นเอาไว้แน่น!
พลังปราณของผีแก่ยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุด แม้ว่าเครื่องหน้าของเขาจะบิดเบี้ยวจนกลายเป็นใบหน้าที่น่าเกลียด ความสูญเสียที่ชายชรารู้สึกอยู่นั้นพุ่งกระแทกตัวเองราวกับเป็นคลื่นยักษ์ ความบ้าคลั่งก็ไหลบ่าท่วมจิตใจอย่างยากจะควบคุม
“บัดซบ… หวังเป่าเล่อ ข้าไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะไม่ใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดกลืนกินวิญญาณเข้าไป!”
เสียงคำรามของเขาดังก้องไปทั่ว ผีแก่ไม่ได้ต้องการจะกลืนวิญญาณเหล่านี้แม้แต่น้อย แม้ว่าพวกมันจะช่วยให้เขาได้พลังปราณกลับคืนมาระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้น หากเทียบกันแล้ว เขาอยากยึดร่างและคืนชีพมากกว่า ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขานั่นเอง
จักรพรรดิรู้ดีว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนของสำนักแห่งความมืด แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ เพราะจะได้ปลดปล่อยพลังของวิญญาณคนตายเพื่อล่อให้ชายหนุ่มติดกับ หวังจะให้หวังเป่าเล่อสูญเสียการควบคุมตนเองไปเพราะความยั่วยวนอันยิ่งใหญ่นี้ หากหวังเป่าเล่อตัดสินใจพลาด…หากหวังเป่าเล่อตัดสินใจทำตามใจและดูดกลืนวิญญาณเหล่านั้นเข้าไป…
หวังเป่าเล่อก็คงติดกับ วิญญาณเหล่านั้นจะไม่กลายเป็นพลังปราณทันที ต้องใช้เวลาค่อยๆ ย่อยสลายพวกมัน และระหว่างนั้น…เพราะวิญญาณจำนวนมากมีต้นกำเนิดเดียวกับจักรพรรดิชรา ดังนั้นก่อนที่ชายหนุ่มจะย่อยสลายพวกมันจดหมด ร่างกายของเขาก็จะกลายมาเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่เหมาะอย่างยิ่งในการเข้าสิงร่าง!
วิญญาณที่ยังย่อยไม่เสร็จในร่างของหวังเป่าเล่อจะคอยช่วยเหลือจักรพรรดิชรา หากมีพวกมันคอยช่วย เขาก็จะสามารถยึดครองร่างของหวังเป่าเล่อได้อย่างง่ายดายและคืนชีพกลับมาโดยสมบูรณ์!
เพื่อให้มั่นใจว่าแผนนี้จะสำเร็จ เขาต้องแสร้งทำเป็นกังวลอย่างหนัก เมื่อหวังเป่าเล่อร่ำๆ จะกลืนกินวิญญาณเหล่านั้นเข้าไปเต็มแก่ จักรพรรดิชราก็ยิ่งกังวลว่าอีกฝ่ายจะมองการแสดงของเขาออก เป็นเหตุให้ต้องลากมังกรวิญญาณทั้งสิบสองออกมาด้วย ผีแก่ต้องการให้หวังเป่าเล่อเข้าใจว่าเขาได้ใช้ลูกไม้ทั้งหมดไปแล้ว และกำลังพยายามอย่างยากลำบากที่จะแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้พ่ายแพ้
แม้จะเตรียมการและคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนเพียงใด ผีแก่ก็ยังล้มเหลว ความโศกเศร้าและเคียดแค้นปะทุขึ้นมาในใจก่อนจะแปรสภาพเป็นโทสะอันรุนแรง แหล่งเพาะพันธุ์ของเขาก็สูญสิ้นไปแล้ว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องบังคับเข้าสิงหวังเป่าเล่อด้วยกำลัง ซึ่งทั้งยากและเสี่ยงกว่าเป็นอย่างมาก
“หวังเป่าเล่อ!” แม้ว่าจะยากและเสี่ยง แต่ผีชราก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด โทสะของเขาเติบโตขึ้นพร้อมระดับปราณที่สูงถึงขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นกลาง จักรพรรดิไม่อาจรอได้อีกต่อไป เขาพลันขยับร่างก่อนจะหายตัวไป
แต่เดิมนั้น ผีแก่อยู่ภายในวิชาดวงเนตรปีศาจที่หวังเป่าเล่อได้ฝึกฝนมาหลายปี เป็นเหตุให้ เมื่อชายชรามาปรากฏตัวอีกครั้ง เขาจึงมาปรากฏอยู่ในกายของหวังเป่าเล่อ ภายในวิญญาณของชายหนุ่ม โดยหลบเลี่ยงเปลวเพลิงดารานิรันดร์ที่หลับไหลอยู่ในใจของหวังเป่าเล่อและฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ไปพร้อมกัน!
เขาพยายามใช้กำลังเข้าสิงร่างหวังเป่าเล่อ!
ประกายของความบ้าคลั่งฉายวาบขึ้นในแววตาของหวังเป่าเล่อทันทีที่ผีชรามาปรากฏตัวในวิญญาณของเขา หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังของบทสวดแห่งเต๋าที่เขาแอบท่องอยู่เมื่อครู่นี้ แต่แทนที่จะปล่อยแรงกดดันมหาศาลใส่สิ่งรอบข้าง ชายหนุ่มกลับส่งมันเข้าไปด้านใน…เขาใช้พลังนั้นใส่ตนเอง!
อัสนีคำรามราวกับว่าสายฟ้าฟาดจำนวนมหาศาลถูกปล่อยเข้าไปในวิญญาณของหวังเป่าเล่อ วิญญาณของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงท่ามกลางคลื่นพลังสายฟ้าเสียงดังสนั่น ผีชแก่เองก็รับแรงกระแทกที่เท่าเทียมกันเพราะเขาพยายามเกาะกินวิญญาณของชายหนุ่มอยู่
เจ้าพยายามจะสิงข้าและข้า…ก็พยายามล่าเจ้าเช่นกัน ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเป็นตั๋วทองคำไปสู่การบรรลุขั้นปราณของข้าเสียเลย! วิญญาณของหวังเป่าเล่อปล่อยพลังคลื่นวิญญาณเข้มข้นออกมา ณ จุดนี้ ชายหนุ่มรู้แล้วว่าเหตุใดสุสานหลวงจึงเป็นโอกาสทองในการบรรลุขั้นปราณของเขา หากเขาไล่ล่าและจับผีแก่ที่ภายนอก จักรพรรดิชราคงจะอ่อนแอกว่านี้มา และหวังเป่าเล่อก็คงจะไม่ได้ประโยชน์มากนักหากจับเขาได้
ภายในสุสานนี้ ผีแก่ได้โอกาสในการพัฒนาขั้นปราณอย่างก้าวกระโดดผ่านการกลืนวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน หวังเป่าเล่อต้องเจอความเสี่ยงเพราะต้องเผชิญวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่หากชายหนุ่มทำสำเร็จ…ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็เรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น การต่อสู้ระหว่างการเข้าสิงกับการไล่ล่าในวิญญาณของหวังเป่าเล่อก็เริ่มต้นขึ้น!
หวังเป่าเล่อยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆ แปรสภาพเป็นหมอกก่อนจะมารวมตัวกันเป็นกายเนื้ออีกครั้ง ทุกๆ อย่างดูปกติดี หากไม่นับการต่อสู้อันดุเดือดและอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นภายในวิญญาณของเขา!
วิญญาณผีดิบนับล้านยังคงคุกเข่าอยู่ รวมไปถึงจักรพรรดิผู้เงียบงันทั้งสิบสองในวังที่ห่างไกล จักรพรรดิบนบัลลังก์ที่อยู่สูงสุด ผู้ไร้ใบหน้าและมีเงาที่พร่าเลือนก็ยังคงนั่งนิ่งสนิทอยู่เช่นเดิม
แต่หากมองดูใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่าสิ่งหนึ่งที่จักรพรรดิองค์แรกต่างจากวิญญาณดวงอื่นๆ คือ เขาไม่ได้เป็นศพเช่นเดียวกันคนพวกนั้น แต่เป็น…เกราะรูปร่างมนุษย์…ที่เฝ้ารอกลับคืนสู่เจ้าของ!
ในจักรวาลที่ห่างไกลออกไป ห่างจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ในตลาดที่ครั้งหนึ่งหวังเป่าเล่อเคยไปเยือน มีร้านตระกูลเซี่ยอยู่ร้านหนึ่ง เซี่ยไห่หยางยืนอยู่ในตำหนักของเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเกรี้ยวกราดขณะที่จ้องมองไปยังภาพดำมืดซึ่งถูกฉายออกมาจากแผ่นหยกบนโต๊ะอย่างเงียบงัน
ชายหนุ่มไม่ได้รับภาพอีกเลยตั้งแต่หวังเป่าเล่อเข้าไปยังห้องภายในสุสานหลวง แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะมีอิทธิพลเพียงใด แต่ก็ยังมีหลายที่ในจักรวาลที่พวกเขาไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้
และในรูปปั้นของจักรพรรดิองค์แรกแห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในนั้น!
อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อันลี้ลับสามารถร่วมมือกับอารยธรรมครามทองคำและเรียกความสนใจของเซี่ยไห่หยางได้ เห็นได้ชัดว่ารูปปั้นนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย
หรือว่าความลับของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์…จะมี…ส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่ในตำนานนั้นจริงๆ หวังเป่าเล่อ ทำไมเจ้าถึงดื้ออย่างนี้นะ ทำไมเจ้าไม่ขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าจะได้เห็นข้างในชัดๆ… เซี่ยไห่หยางขณะนี้ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกอันยากจะเข้าใจ ชายชราที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาทอดถอนใจ ก่อนจะหยิบแผ่นหยกขึ้นมา แล้วมองไปทางเซี่ยไห่หยาง
“นายน้อยขอรับ อารยธรรมครามทองคำเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ราชวงศ์อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์กำลังเริ่มพิธีกรรมสังเวย ข้าคาดการณ์ว่าผู้ฝึกตนกลุ่มแรกจากอารยธรรมครามทองคำจะถูกเคลื่อนย้ายผ่านดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นสงครามในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็จะเริ่มขึ้นทันที มีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์สามคนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย!”
…………………………..