“ข้าคิดว่าข้าพอจะรู้แล้ว ว่าหลงเฉินจะนำของขวัญไปให้แก่ผู้ใด” ถังหว่านเอ๋อกล่าวออกมาอย่างนึกขึ้นได้
“เหอะ เหอะ อย่าได้คาดเดาให้วุ่นวายเลย”
หลงเฉินไม่คิดจะถกบทสนทนานี้ต่อ เขารู้สึกว่าถังหว่านเอ๋อเริ่มจะสังเกตอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว จนเขาเองก็ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้เลยว่า หญิงสาวผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว
หลงเฉินเปลี่ยนบทสนทนา เขาเอ่ยถามถังหว่านเอ๋อว่า “หลังจากที่สำเร็จเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต มีความรู้สึกอะไรที่พิเศษเกิดขึ้นมาบ้างหรือเปล่า ? การโจมตีเมื่อครู่ของเจ้า เหมือนกับแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงเลยนะ ! ”
เมื่อกล่าวถึงผู้อยู่เหนือขอบเขต ถังหว่านเอ๋อก็แสดงสีหน้ายินดี นางบอกกับหลงเฉินว่า หลังจากตนเองได้ดูดกลืนพลังจากต้นตระกูลแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะมีพลังลี้ลับชนิดหนึ่งเพิ่มเข้ามา
คมวายุของนางก็เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดขึ้นมาด้วย การควบคุมพลังแห่งวายุเข้าไปถึงระดับสูงสุด รอยอักขระพลังแห่งวายุก็ชัดเจนขึ้นมายิ่งกว่าเดิม พลังทำลายนั้นเมื่อเทียบกับที่ผ่านมาแล้ว เรียกได้ว่ามากมายขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า
กล่าวกันว่าพลังจากต้นตระกูลของผู้อยู่เหนือขอบเขต ถือเป็นพลังพลังแห่งธรรมชาติ อยู่เหนือกว่าที่จะจินตนาการได้ ทั้งยังมีความเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด การจะมีวาสนาเช่นนี้ได้นั้น แทบจะนับว่าเป็นเรื่องปฎิหาริย์
เมื่อในยามที่ทารกถือกำเนิดขึ้น ถ้าหากมีวาสนาเพียงพอ ก็จะสามารถยอมรับเอาพลังแห่งธรรมชาติ ไว้ได้ พลังนั้นจะเข้าสถิตย์ตามร่างกายของเขา จนกลายเป็นเพิ่มพูนวาสนาให้มีมากมายขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ทว่าพลังแห่งธรรมชาติชนิดนี้ กลับมิใช่สิ่งที่มีความมั่นคงแน่นอน ถ้าหากโชควาสนาเดิมของทารกผู้นั้นหดหายไปจนหมด พลังแห่งธรรมชาติก็มีแต่จะจากเขาไป เพื่อทำการแสวงหาเจ้าของคนใหม่ หรือไม่ก็สลายหายไปในทันที
ดังนั้นในยามที่ผู้อยู่เหนือขอบเขตถูกสังหารไปแล้ว พลังจากต้นตระกูลของเขา ก็จะหลุดออกมาจากร่าง ล่องลอยไปตามวิถีของมันเอง
ในเวลาเช่นนี้ผู้อื่นก็จะสามารถช่วงชิงพลังนั้นได้ ทว่าการจะทำสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของคนผู้นั้น และต่อให้ช่วงชิงมาได้เป็นผลสำเร็จแล้ว หากแต่ไม่สามารถกักเก็บพลังอันยิ่งใหญ่นั้นเอาไว้ได้ ก็ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด เช่นนั้นแล้วจึงขึ้นอยู่กับโชควาสนาของแต่ละคนด้วย
ในการต่อสู้ครั้งนั้น ทั่วทั้งสนามมีคนที่สามารถช่วงชิงพลังจากต้นตระกูลมาได้ถึงสามคน แต่กลับมีแค่เพียงถังหว่านเอ๋อเท่านั้นที่สามารถครอบครองพลังนั้นได้สำเร็จ นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดแล้ว
เพราะเล่าขานกันว่า การช่วงชิงพลังจากต้นตระกูลจากผู้อยู่เหนือขอบเขต โอกาสความสำเร็จนั้นมีแทบจะไม่ถึงหนึ่งในสิบเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าหากแย่งชิงมาครองครองได้สำเร็จครั้งหนึ่ง โชควาสนาวิถีแห่งสวรรค์ก็จะเพิ่มเข้ามา อนาคตที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ก็คงจะไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
ดังนั้นถังหว่านเอ๋อจึงทั้งเกิดความตื่นเต้น ทั้งเกิดความตื้นตัน จนเผลอดึงมือของหลงเฉินเข้ามาหาด้วยความอบอุ่นที่ยากนักจะพบเห็นได้ กล่าวขึ้นมาด้วยความปลาบปลื้มว่า “ขอบคุณเจ้ามากนะหลงเฉิน ตัวเจ้าเองก็ยังไม่ใช่ผู้อยู่เหนือขอบเขต แต่กลับยังหยิบยื่นโอกาสนี้มาให้แก่ข้าอีก”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้หลงเฉินก็เกิดอาการปั่นป่วนในท้องขึ้นมา ในเวลานั้นผู้อาวุโสถู่ฟาง ได้ให้เขาทำการช่วงชิงพลังจากต้นตระกูล แต่เขากลับรู้สึกว่าของสิ่งนี้ ไม่มีวาสนากับตนเองมากถึงแปดเก้าส่วน
ฉู่เหยาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า พลังจากต้นตระกูลนี้จะช่วยทำการเสริมเส้นรากปราณของจุดตันเถียน ถ้าหากเปรียบเส้นรากปราณเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ พลังนั้นก็คือพลังลมปราณที่ช่วยทำให้ผลที่อยู่บนต้นสุกงอมเร็วขึ้นนั่นเอง
เช่นนั้นพลังจากต้นตระกูลแห่งธรรมชาติ นอกเสียจากจะช่วยเสริมวาสนาแล้ว ยังช่วยเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติได้อีกด้วย ทำให้สามารถที่จะเพิ่มพลังขึ้นมาได้อีกหลายเท่า อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเพิ่มพูนพลังฝีมือให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนับหลายสิบเท่าได้เลยทีเดียว
ก็คล้ายกับที่ฉู่เหยาถึงแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้ ที่ตามปกติผู้ฝึกยุทธ์ธาตุไม้นั้นมิใช่ยอดฝีมือที่มีพลังการต่อสู้ที่เปี่ยมล้น แต่พวกเขาเป็นยอดฝีมือในสายสนับสนุน และมีพลังความสามารถในการเยียวยารักษาผู้คนได้
แต่ว่าฉู่เหยาเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต พลังแห่งธาตุไม้ของนางนั้น หลังจากที่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ก็จะเปลี่ยนคุณสมบัติกลายเป็นทอง
ทองและไม้นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถผสานรวมกันได้ แต่ว่าด้วยพลังความสามารถของผู้อยู่เหนือขอบเขต สิ่งนี้จึงเกิดขึ้นได้ และกลายเป็นไม้ตายที่ไม่อาจใช้หลักเหตุและผลมาเพื่อประเมินรูปแบบพลังนั้นได้ ดังนั้นพลังการต่อสู้ของผู้อยู่เหนือขอบเขต จึงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่ถังหว่านเอ๋อแย่งชิงพลังจากต้นตระกูลมาได้แล้ว พลังแห่งวายุของนางในขณะนี้ จึงเกิดความพิสดารขึ้นมาจากภายใน และมิได้อยู่ในสภาวะที่เป็นไปตามแบบแผน
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ถังหว่านเอ๋อเพียงแค่ออกกระบวนท่าใช้คมวายุสายหนึ่งอย่างง่ายๆ ก็มีพลังทำลายที่รุนแรงยิ่งกว่าการทุ่มพลังทั้งหมดปล่อยออกไปในกระบวนท่าเดียว อย่างเช่นที่เคยทำก่อนหน้านี้ โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถังหว่านเอ๋อยิ่งรู้สึกขอบคุณหลงเฉินมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินคอยเฝ้าระวังผู้อยู่เหนือขอบเขตให้แก่ถังหว่านเอ๋อ นางเองยังไม่ทราบแม้กระทั่งว่า ผู้อยู่เหนือขอบเขตนั้นคืออะไร แต่เมื่อหลงเฉินบอกให้ทำ นางก็มีแต่ต้องทำเท่านั้น
หลังจากที่ได้ดูดซับพลังจากต้นตระกูลไปแล้ว นางจึงได้เข้าใจขึ้นมา หลงเฉินเสียสละสิ่งที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ เพื่อที่จะหยิบยื่นโอกาสที่ยิ่งใหญ่นั้นให้แก่นาง
เพราะเช่นนี้เอง ฉู่เหยาจึงได้รู้ว่าหลงเฉินกับถังหว่านเอ๋อนั้นแตกต่างกัน ในระหว่างที่อยู่ร่วมกันกับนาง ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะทำผิดก็ยังคงแล้วกันไปดีเสียกว่า
จุดตันเถียนที่ว่างเปล่าของเขา มีอย่างที่ไหนที่พอจะสามารถแฝงพลังจากต้นตระกูลเข้าไปได้กัน มิสู้หยิบยื่นให้แก่ถังหว่านเอ๋อถือเป็นเรื่องที่สมควรกว่า
ทันใดนั้นหลงเฉินก็วางมือทับไว้บนมือของถังหว่านเอ๋อ ก็รู้สึกได้ว่ามือของถังหว่านเอ๋อ ละเอียดนุ่มเนียน ขาวราวกับนมวัว หลงเฉินถึงกับไม่อาจจะปล่อยมือออกได้
ถังหว่านเอ๋อนั้น ครั้นเมื่อหลงเฉินจับมือนางตอบ ก็เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา เดิมทีคิดจะสลัดมือขาวผ่องออกจากหลงเฉิน ทว่าก็ยังคงทำใจไม่ได้ที่จะต้องดึงมือกลับมา
หลงเฉินเมื่อได้ลูบคล้ำไปที่มืออันขาวผ่อง เย้ายวน ของถังหว่านเอ๋อ ก็กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มว่า “ใช้ผู้อยู่เหนือขอบเขตเพียงแค่คนเดียว ก็สามารถซื้อใจหญิงสาวผู้หนึ่งมาได้ เช่นนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ข้าคงจะต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วละ”
ถังหว่านเอ๋อ หลังจากได้ฟังวาจาของหลงเฉินจบแล้ว ทั้งยังได้เห็นหน้าตาเคลิบเคลิ้มของหลงเฉิน บนใบหน้าก็หาได้บังเกิดความอบอุ่นต่อไปไม่ “ใช่คิดที่จะเตรียมทำการฆ่าผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกซักหลายคน เพื่อเจ้าจะได้ซื้อใจของสาวงามอีกซักหลายคนอย่างนั้นหรือ ? ”
“ใช่แล้วใช่แล้ว……โอ๊ย”
หลงเฉินที่กำลังลูบคล้ำมือขาวผ่อง ด้วยสัมผัสที่เนียนนุ่มนั้น ทำให้ผู้คนตกอยู่ในความเคลิบเคลิ้ม จึงแทบจะไม่ทันสังเกตว่าคำพูดของถังหว่านเอ๋อเปลี่ยนไป และตอบกลับไปโดยไม่คิด ทันใดนั้นก็ได้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาที่สีข้าง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลงเฉินก็พบว่า ตนเองไม่อาจขยับตัวได้ รอบตัวเต็มไปด้วยเสียมไม้ปลายแหลมผุดขึ้นมาขังเอาไว้ และถังหว่านเอ๋อก็ยังคงใช้มืออีกข้างหนึ่ง หยิกเข้าไปที่เอวของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่
“เหว่ยเหว่ย กำลังสทนากันอยู่ดีดี เหตุใดถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือแบบนี้กัน”หลงเฉินร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
ฉู่เหยาที่ยังคงส่งพลังสร้างเสียมไม้อยู่ บนใบหน้าปรากฏเป็นความซุกซน มองไปที่หลงเฉินพร้อมกับหัวเราะคิกคักขึ้น แต่ไม่กล่าววาจาออกมา
ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยโทสะ “ก็รู้กันอยู่ว่าเจ้านั้นเป็นไอ้เจ้าชู้ตัวพ่อ คนเจ้าชู้อย่างเจ้า มีหรือที่จะตอบแทนความอบอุ่นที่เหยาเอ๋อเจี่ยเจียมีต่อเจ้าได้กัน ? ”
“เหว่ยเหว่ยเหว่ย เมื่อครู่ข้าก็เพียงแค่กล่าววุ่นวายไปตามน้ำเท่านั้นเอง หาได้คิดที่จะทำจริงๆไม่ อันที่จริงก็เห็นๆอยู่ ว่าเป็นเจ้าที่หลอกล่อข้า ทำให้เขาตกอยู่ในความลุ่มหลง นี่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า ย่อมต้องเป็นกับดักของเจ้า”หลงเฉินพยายามกล่าวอธิบาย รอบกายของเขาในตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยเสียมไม้ขังอยู่ จึงไม่อาจที่จะขยับเขยื้อนได้เลย
“หลอกล่ออะไรกัน ไม่น่าฟังเอาซะเลย หลงเฉินเจ้ามันเลวร้ายเกินไปแล้ว ! ” ถังหว่านเอ๋อใบหน้าร้อนผ่าว วาจาที่พึ่งจะอ่อนลง ก็กล่าวขึ้นมาด้วยโทสะอีกครั้ง
“เมื่อครู่นั้นเป็นความเข้าใจผิดแล้ว หรือต่อให้ข้าต้องถูกลงโทษ ก็สมควรเป็นเหยาเอ๋อมาลงโทษข้าสิ เหยาเอ๋อ ข้าผิดไปแล้ว เจ้ายกโทษให้แก่ข้าเถอะนะ ครั้งต่อไปจะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว” หลงเฉินทราบว่าฉู่เหยาเป็นคนมากน้ำใจ จึงโอนอ่อนผ่อนตามได้ง่าย
แท้จริงแล้ว หลงเฉินก็เพียงแค่แสร้งทำให้ดูน่าสงสารเท่านั้น ฉู่เหยาในเมื่อถูกจี้ถูกจุดอ่อน ก็ได้แต่ปล่อยหลงเฉินไป
“เหยาเอ๋อเจี่ยเจียอย่าได้ใจอ่อน เจ้านี่น่ะชอบเล่นละครที่สุด เจ้าอย่าได้ถูกเขาหลอกเป็นอันขาด” ถังหว่านเอ๋อที่รู้ทันหลงเฉิน กล่าวเตือนขึ้นมา
เมื่อพบว่าความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้น จู่ๆก็ถูกทำลายลงไปในพริบตา หลงเฉินจึงได้โมโหยกใหญ่ “เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี้เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเหยาเอ๋อสองเรา เจ้าเข้ามายุ่งอะไรด้วย ? ”
เมื่อได้ยินคำว่า “สองเรา” ฉู่เหยาเอียงอายใบหน้าแดง ในจิตใจก็เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น หลงเฉินยังคงมีนางอยู่ในจุดเดิมมาโดยตลอด
ถังหว่านเอ๋อหยิกไปที่เอวหลงเฉินอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “เหยาเอ๋อเจี่ยเจียบอกไว้ว่า ในยามที่นางไม่อยู่ จะให้ข้าดูเจ้าแทน ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจที่จะเที่ยวไปเด็ดบุษผาไปทั่วได้อีกแล้ว”
“อา เจ้ามอบข้าให้แก่นางงั้นหรือ ? เจ้าไม่กลัวว่านางจะเก็บเอาไว้คนเดียวหรือ ? เหยาเอ๋อ ข้าจะบอกให้รู้ นางมีความปรารถนาต่อข้ามาตั้งนานแล้ว……โอ๊ย” หลงเฉินพึ่งจะกล่าวกับฉู่เหยาได้เพียงครึ่งเดียว เอวก็ถูกบิดขึ้นมาอีกแล้ว
“ตัวบัดซบ ผู้ใดรอคอยเจ้ามานานกัน……ผู้ใดหวังที่จะครอบครองเจ้ากัน……ข้ามีหรือที่จะเก็บเจ้าเอาไว้คนเดียวกัน……” ถังหว่านเอ๋อโมโหจนแทบทนไม่ไหว กล่าวออกมาคำหนึ่ง ก็หยิกไปที่เอวของหลงเฉินคราหนึ่ง
ฉู่เหยามองคนตรงหน้าทั้งสอง แล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ นางทราบว่าหลงเฉินเพียงแสร้งทำเป็นร่ำร้องเท่านั้น เขาจงใจที่จะทำให้พวกนางเบิกบานใจ
ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งน่ากลัวของหลงเฉิน ต่อให้ใช้คีมหนีบไปที่เนื้อหนังตรงๆ ก็ใช่ว่าจะเจ็บปวด มีหรือถังหว่านเอ๋อจะสามาระหยิกเขาจนเจ็บขึ้นมาได้ ?
เมื่อได้เห็นหลงเฉินให้ความร่วมมือเช่นนี้ ฉู่เหยาเองก็ไม่อยากจะกักตัวหลงเฉินต่อไปอีกแล้ว จึงได้คลายมือลง เสียมไม้แข็งดุจเหล็กกล้าที่กักขังร่างกายหลงเฉินเอาไว้นั้น เพียงครู่เดียวก็ได้หักลงไป ค่อยๆจมกลับสู่ผืนดิน หายลับไปจนมองไม่เห็น
เมื่อเห็นว่าหยอกล้อกันพอสมควรแล้ว หลงเฉินก็ดึงมือของฉู่เหยาเข้ามาหา แสดงสีหน้าจริงจังแล้วกล่าวกับนางว่า “เหยาเอ๋อ เจ้าต้องรีบกลับไปที่ตำหนักป่าสวรรค์เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ไม่คิดจะไปพักที่หมู่ตึกพลิกสวรรค์กับข้าซักระยะหนึ่งก่อนหรือ พึ่งจะได้พบหน้ากัน ก็ต้องแยกจากกันแล้ว ข้าไม่อยากแยกจากเจ้าเลย”
ฉู่เหยา ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย มือเรียวขาวผ่องลูบไล้ใบหน้าของหลงเฉิน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ข้าเองก็ไม่อยากแยกจากเจ้าเหมือนกัน แต่ว่าที่ผ่านมาต้องคอยแต่ให้เจ้าปกป้องคุ้มครอง เช่นนั้นก็มิอาจจะพัฒนาพลังของตัวเองได้
หลังจากได้ผ่านประสบการณ์การต่อสู้นี้แล้ว กลับไปตำหนักป่าสวรรค์ครั้งนี้ ท่านอาจารย์สัญญาว่า จะมอบคัมภีร์ปราชญ์พฤษาสวรรค์ม้วนแรกให้ เพื่อเป็นการถ่ายทอดวิชาให้แก่ข้า
นั้นถือว่าเป็นวิชาลับของตำหนักป่าสวรรค์ที่จะไม่ถ่ายทอดให้ใคร หากคนผู้น้นยังไม่มีแข็งแกร่งเพียงพอ ท่านอาจารย์กับข้าเอาไว้ว่าถ้าหากสามารถร่ำเรียนคัมภีร์ปราชญ์พฤษาสวรรค์ได้ ก็จะทำให้พลังการต่อสู้ของข้าเปลี่ยนจากว่างเปล่ากลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ ! ”
หลงเฉินได้แต่เพียงพยักหน้ารับ อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ วิถีแห่งยุทธ์ถือได้ว่าเป็นดั่งสนามรบฉากหนึ่ง จึงมีแต่ต้องใช้เวลาทั้งหมดเพื่อพัฒนาพลังของตนเองให้มากขึ้นโดยเร็ว ไม่เช่นนี้ก็คงจะต้องถูกผู้อื่นฉุดลงน้ำแล้ว
“ใช่แล้ว เกี่ยวกับขอบเขตแดนลับนพเก้า เหยาเอ๋อเจ้ารู้อะไรมาบ้าง ? ”หลงเฉินถามขึ้น หลงเฉินเพียงแต่เคยได้ยินว่ามีขอบเขตแดนลับนพเก้า แต่ว่ากลับไม่ทราบถึงรายละเอียดอะไรเลย
ถังหว่านเอ๋อเองก็รู้สึกงสัยเช่นกัน กล่าวถามขึ้นว่า “ได้ยินว่าขอบเขตแดนนพเก้านั้น ร้อยปีจึงจะเปิดขึ้นครั้งหนึ่ง อีกทั้งทางเข้านั้นก็มีอยู่จำกัด และว่ากันว่ามีเพียงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นหรือต่ำกว่า จึงจะสามารถเข้าไปได้ ยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกหากคิดที่จะฝืนเข้าไป ก็จะถูกพลังแห่งดินแดนฆ่าตายไปในที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ! ”
ฉู่เหยาแสดงสีหน้าจริงจังกล่าวขึ้นมาว่า “กล่าวกันว่าโลกที่เรียกขานกันว่าเป็นขอบเขตแดนลับนพเก้าถือได้ว่าน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า หากหาญกล้าที่จะวิ่งเข้าไปตรงๆ ก็มีแต่ต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย
ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า ตำนานเล่าลือเรื่องราวของขอบเขตแดนลับนพเก้านั้นมีอยู่มากมาย บางคนเล่าว่าเป็นสิ่งที่มาจากต่างแดน เกิดขึ้นภายในช่องว่าง ถูกสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นโลกอีกใบ
มีคนกล่าวเอาไว้ว่า นั่นเป็นโลกที่สร้างขึ้นมาโดยเหล่ามหาเทพโบราณ เต็มไปด้วยห้วงมิติภาย ซ่อนเร้นเอาไว้ในนั้นอีกมากมาย
บางคนกล่าวว่า นั่นเป็นส่วนหนึ่งจากร่างของมหาเทพ แต่บางคนกลับบอกว่า ขอบเขตแดนลับนพเก้าถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เกิดสงครามของเหล่าทวยเทพ เก้าสวรรค์แตกออกเป็นเสี่ยงๆจนเหลือเพียงแค่ส่วนเดียว
คงได้แต่บอกว่าความคิดเห็นของผู้คนมากมายต่างก็แตกต่างกัน ทั้งลี้ลับกว่าในเร้นลับ แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบถึงที่มาที่แท้จริงของขอบเขตแดนลับนพเก้าได้ แม้แต่นามของมันเอง ก็ยังเป็นการเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น
คำถามที่ว่าเหตุใดจึงถูกเรียกขานว่าขอบเขตแดนลับนพเก้านั้น ต่างก็ไม่มีผู้ใดทราบถึงเหตุผลที่แท้จริง ทว่าก็มีความเป็นจริงอยู่ข้อหนึ่ง ท่านอาจารย์กล่าวเอาไว้ว่า ขอบเขตแดนลับนพเก้านี้มีการคงอยู่มาอย่างยาวนาน ภายในนั้นแฝงเอาไว้ด้วยโลกของมันเอง และมีตำนานเล่าว่ามีการกำเนิดสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ด้วย
ได้ยินท่านอาจารย์กล่าวมาว่า ภายในนั้นมีโชควาสนารออยู่นับไม่ถ้วน ถ้าหากมีชีวิตที่แข็งกล้าพอ ก็อาจจะถึงขั้นที่จะได้ครอบครองสมบัติที่สะท้านไปทั้งฟ้าได้เลย ก็ว่าได้
ที่แล้วมา ศิษย์มากมายที่ได้เข้าสู่ภายในขอบเขตแดนลับนพเก้านี้ ต่างก็กอบโกยผลประโยชน์กลับมาได้มากมายนัก น่าจะเรียกได้ว่า ขอบเขตแดนลับนพเก้านั้นถือเป็นสถานที่แย่งชิงของทั้งธรรมะและอธรรมอย่างแท้จริงแล้ว”
หลงเฉินได้ฟังก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าความเป็นมาของขอบเขตแดนลับนพเก้านี้ จะเร้นลับได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ทุกครั้งที่ได้ยินนามของขอบเขตแดนลับนพเก้า จุดดารากักวายุของเขา ก็จะเกิดพลังไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง
“หลงเฉิน ดังนั้นครั้งนี้เจ้าต้องพยายามมากขึ้นอีกหน่อยแล้ว สุดยอดฝีมือของทั้งเจ็ดรัฐแปดแดนต่างก็จะมารวมตัวกันที่ขอบเขตแดนลับนพเก้า ที่นั่นจะเต็มไปด้วยยอดฝีมือสูงส่งทุกหย่อมหญ้า ทั้งต่างก็ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์อีกนับไม่ถ้วน
ภายในขอบเขตแดนลับนพเก้านั้น จะเต็มไปด้วยศิษย์ธรรมะและอธรรม ศิษย์ทั้งสองสายนั้น ต่อให้ไม่แย่งชิงสมบัติกัน ก็ย่อมต้องเกิดศึกขึ้นมาอย่างแน่อน และอาจเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่น่าตกใจมากด้วย
และเจ้าเองก็คงทราบดี ภายในฝ่ายธรรมะเองก็ใช่ว่าทุกคนจะรักใคร่ปรองดองกัน ถึงเวลานั้นคงจะมิใช่แค่เตรียมการป้องกันฝ่ายอธรรมเท่านั้น ยังต้องเตรียมตัวรับมือกับคนของฝ่ายที่อาจจะลอบแทงข้างหลังอีกด้วย”
หลงเฉินพยักหน้ารับคำ เขาทราบดีว่าฉู่เหยานั้น มีจิตใจแสนเมตตา ดังนั้นคำพูดสุดท้ายคงมิใช่สิ่งที่นางคิดเอาเอง แต่จะต้องเป็นอาจารย์ของนางได้กำชับเอาไว้
“เพื่อที่จะทำให้เจ้าสามารถฝึกปรือได้อย่างวางใจ ข้าจะบอกความลับข้อหนึ่งให้แก่เจ้าก็แล้วกัน” ทันใดนั้นดวงตาคู่งามของฉู่เหยา ก็ฉายแววซุกซนออกมา
.