หานลี่นั่งอยู่หนึ่งชั่วยาม ในยามนั้นมีชนต่างเผ่าจำนวนมากทะลักเข้ามาภายในหออยู่ไม่ขาดสาย
หอสามชั้นที่ดูกว้างขวางเนืองแน่นไปด้วยเงาผู้คนในทันใด
กระทั่งห้องต่าง ๆ ของชั้นบน ก็มีคนขับเคลื่อนลำแสงเข้าไปด้านใน
ชนต่างเผ่าที่เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ พลังยุทธ์ต่ำสุดอยู่ในระดับก่อกำเนิด พลังยุทธ์สูงสุดอยู่ในระดับหลอมร่าง
แค่ระดับหลอมร่างขั้นสุดยอดเท่าที่หานลี่สังเกตเห็นก็มีมากกว่าสี่ห้าคนแล้ว
ต้วนเทียนเหริ่นและเชียนจีจื่อก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนคนที่เหลือก็คงเป็นอาวุโสคนสำคัญของเผ่าต่าง ๆ เช่นกัน
และในห้องบนชั้นสาม อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะมีคนเข้าไปหกสิบเจ็ดสิบคนแล้ว
และคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในระดับหลอมร่างขึ้นไป ส่วนไฉ่หลิวอิงนั้นกลับไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่รู้ว่าเข้าไปในห้องก่อนแล้ว หรือว่าไม่คิดจะเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้กันแน่
นี่จึงทำให้หานลี่เห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจลอบถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ
แม้ว่าจะกล่าวว่าเมืองเมฆาเป็นสถานที่รวมตัวกันของทั้งสิบสามเผ่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ที่ไม่ได้สังกัดอยู่ในสิบสามเผ่า แต่เมืองเมฆาก็เป็นสถานที่รวมตัวกันของระดับหลอมร่างมากถึงเพียงนี้ ส่วนเมืองเทวะสวรรค์นั้นแม้จะมีมนุษย์และปีศาจระดับหลอมร่างรวมกันก็ยังมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น และเมืองแห่งนี้ก็เป็นสถานที่รวบรวมหัวกะทิของมนุษย์และปีศาจเช่นกัน
หลังจากรออีกครู่หนึ่ง ในหอก็แทบไม่เหลือที่ว่าง
เสียง “เกร๊ง ๆ” ของระฆังบอกเวลาดังขึ้น ท่ามกลางลำแสงห้าสีที่เปล่งแสงสว่างวาบา ประตูหอที่เดิมทีเปิดอยู่ก็ค่อย ๆ ปิดลง
หลังจากที่ประตูหอปิดสนิทแล้ว ในที่สุดงานประมูลสินค้าก็เริ่มขึ้นทันใด
ด้านหน้าสุดของห้องโถง เหมือนกับห้องโถงงานประมูลธรรมดา ๆ อย่างไรอย่างนั้น มีเวทีขนาดสิบจั้งเศษตั้งอยู่
สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คือตรงสี่มุมของเวทีมีหุ่นเชิดร่างมนุษย์สีทองสี่ตัวยืนตระหง่านอยู่ สูงสองึงสามจั้งในมือถือขวานยักษ์สีเงินเอาไว้
รูปทรงเก่าแก่โบราณ แต่แฝงไอเย็นยะเยือกที่น่าสะพรึง
แม้หุ่นเชิดเหล่านี้จะไม่ขยับตัว แต่ความรู้สึกน่ากลัวที่ส่งออกมานั้น แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา
ตรงใจกลางของเวทีมีเขตอาคมสีฟ้าสลักอยู่ ด้านในมีโต๊ะสีแดงอ่อนตัวหนึ่ง ผิวของโต๊ะมีอักขระสลักเอาไว้เต็มไปหมด ฉายแววความลึกลับออกมา
ยามที่ประตูหอปิดลงเขตอาคมสีฟ้าก็เปล่งแสงสว่างวาบ เปล่งเสียงร้องต่ำ ๆ ดังหึ่ง ๆ ออกมา
ตรงจุดต่าง ๆ ของเขตอาคมมีอักขระเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังโต๊ะ
คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมนี้จะเป็นเขตอาคมส่งตัว
เงาร่างคนผนึกตัวรวมกัน เริ่มชัดเจนขึ้น
เป็นบุรุษวัยกลางคนท่าทางสง่างามคนหนึ่ง สวมชุดผ้าไหม หน้าขาวไร้หนวดเครา ไม่ต่างกับเผ่ามนุษย์ธรรมดา
แต่หลังจากที่หานลี่แผ่จิตสัมผัสไปตรวจสอบจากไกล ๆ แล้วก็ใจหายวาบ
ชายวัยกลางคนผู้นี้อยู่ในระดับหลอมร่างขั้นกลาง ยิ่งไปกว่านั้นในร่างของเขายังมีแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวออกมา
กลิ่นอายเคร่งขรึมเป็นพิเศษ ทว่าเมื่อเสริมกับท่าทางของชายวัยกลางคนแล้ว ก็ยิ่งดูอันตรายและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
บุรุษวัยกลางคนดูเหมือนจะมีชื่อเสียงในเมืองเมฆาไม่น้อย เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นภายในหอที่เดิมทีมีเสียงดังจอแจก็เงียบลงในทันใด
หานลี่สังเกตเห็นว่ามีสายตามองไปยังบุรุษบนเวทีจำนวนไม่น้อยที่ฉายแววหวาดกลัวออกมา
หลังจากที่ชายวัยกลางคนกวาดสายตาไปด้านล่างเวที ก็เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า
“ผู้น้อยเซียวปู้อี คิดดูแล้วสหาย ณ ที่นี้คงจะรู้จักผู้น้อยกันอยู่ไม่น้อย ยังมีสหายที่ผู้น้อยคบค้าสมาคมอยู่ด้วย เช่นนั้นผู้แซ่เซียวจะไม่แนะนำอะไรมาก เข้าสู่หัวข้อหลักเลยดีกว่า งานประมูลสี่เผ่าในครั้งนี้เป็นเพราะผู้น้อยอยู่สังกัดเผ่าทราย ดังนั้นงานประมูลครั้งนี้จึงให้ข้าเป็นผู้ดูแลหลัก กฎของงานประมูล ก็คงไม่ต้องพูดอะไรแล้วเช่นกัน ไม่ต่างกับงานประมูลธรรมดาผู้ที่เข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางไม่รู้กฎต่าง ๆ นอกจากนี้ข้าจะบอกข่าวคราวสินค้าการประมูลในรอบสุดท้ายให้ทุกท่านฟังก่อน สินค้าประมูลรอบสุดท้ายในครั้งนี้ ย่อมเทียบกับงานประมูลสี่เผ่าครั้งที่แล้วไม่ได้อย่างแน่นอน และสำหรับสหายบางคนมูลค่าของสินค้าในรอบสุดท้ายนี้ยังมากกว่าราคาที่สูงที่สุดในงานประมูลครั้งที่แล้วอย่าง ’ยาลูกกลอนนำโชค’ อีก เอาล่ะ ผู้น้อยขอประกาศว่างานประมูลสี่เผ่าครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว!”
น้ำเสียงของเซียวปู้อีไม่ดังมากนัก แต่เมื่อใส่พลังปราณเข้าไป ทุกมุมของหอล้วนได้ยินอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคยังทำให้ทุกคนในนั้นเกิดความรู้สึกสนใจใคร่รู้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า จากนั้นงานประมูลก็เริ่มขึ้น
ชั่วพริบตาที่ชายวัยกลางคนหยุดชะงักคำพูด เขตอาคมสีฟ้าด้านล่างก็เปล่งเสียงร้องกึก ๆ ขึ้นอีกครั้ง บนโต๊ะที่เดิมว่างเปล่าก็มีเขตอาคมลำแสงขนาดเล็กสิบกว่าเขตเรียงรายเข้าด้วยกัน
จากนั้นลำแสงก็สว่างวาบบนโต๊ะปรากฏกล่องขนาดน้อยใหญ่แตกต่างกันสิบกว่ากล่อง พร้อมกับแผ่นป้ายหยกขนาดเท่าฝ่ามือหนึ่งแผ่น
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น คนส่วนใหญ่ในหอต่างก็เงียบกริบไม่พูดไม่จา รูม่านตาหดเล็กลงจับจ้องไปที่ของบนโต๊ะ
เซียวปู้อีก้าวมาข้างหน้า หยิบแผ่นป้ายหยกขึ้นมาดูแวบหนึ่งชั่วพริบตาจิตสัมผัสก็แผ่เข้าไปข้างใน อ่านข้อความในนั้นอย่างไม่มีตกหล่น จากนั้นก็หยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาเปิดฝาออกด้วยสีหน้าราบเรียบ
“เหมือนกับงานประมูลครั้งก่อน ๆ ของที่จะทำการประมูลอันดับแรก ยังคงเป็นวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ อันดับแรกจะเริ่มที่ศิลาหงส์ก้อนนี้ก็แล้วกัน” เซียวปู้อีใช้มือหนึ่งกวัดแกว่งกล่องไปมา ชั่วขณะนั้นของในกล่องพลันลอยขึ้นมา
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นศิลารูปทรงเหมือนวิหคยักษ์สีสันงดงามก้อนหนึ่ง
“ศิลาหงส์นั้นมีเพียงหงส์เที่ยงแท้ที่จะให้กำเนิดวัตถุดิบที่ล้ำค่านี้ได้ ไม่ว่าจะใช้หลอมอาวุธหรือว่าปรุงยา ล้วนมีมูลค่าสูงลิบ ศิลาหงส์ก้อนนี้มีน้ำหนักถึงสามชั่งสี่เหลี่ยง[1] เป็นสินค้าระดับสุดยอด ไม่มีเจือปน เปิดประมูลที่ราคาสองล้านศิลาวิญญาณ!” เซียวปู้อีพิจารณาก้อนหินห้าสีแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับผู้ที่อยู่ล่างเวทีอย่างเชื่องช้า
ศิลาหงส์ก้อนนี้มีประโยชน์หลากหลาย ยิ่งไปกว่านั้นศิลาก้อนใหญ่ขนาดนี้เปิดประมูลเพียงสองร้อยศิลาวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าต่ำมาก
แม้แต่หานลี่ที่ได้ฟังก็ยังสนใจ แม้ว่าตอนนี้วัตถุดิบชนิดนี้จะยังไม่มีประโยชน์ แต่หากประมูลได้ วันข้างหน้าย่อมได้ใช้แน่
ทว่าสถานการณ์ต่อจากนั้นก็ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไปในทันที
ในตอนที่เซียวปู้อีเพิ่งจะบอกว่าราคาต่ำสุดในการประมูลแต่ละครั้งคือห้าแสน ก็มีเสียงสองล้าน สองล้านห้าแสนดังขึ้นมาจากจุดต่าง ๆ ในหอประมูลอย่างต่อเนื่อง
“สามล้านห้าแสน”
“สี่ล้าน”
……
ไม่ต้องให้บุรุษวัยกลางคนเอ่ยคำพูดปลุกใจอะไรอีก ราคาของศิลาหงส์ก็ขึ้นไปถึงสี่ล้านห้าได้อย่างง่ายดาย มากกว่าราคาเปิดประมูลเป็นเท่าตัว
ทว่าสุดท้ายศิลาห้าสีก้อนนี้กลับถูกหญิงสาวเผ่าหมึกเขียวได้ไปด้วยราคาห้าล้านสองแสนศิลาวิญญาณ
จ่ายเป็นศิลาวิญญาณและนำของไปทันที
การแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่เช่นนี้ แม้หานลี่จะเคยไปงานประมูลมาแล้วหลายครั้ง ก็อดสูดลมหายใจเฮือกด้วยความตกตะลึงไม่ได้
ของดีมันก็ดี แต่ราคามันจะสูงเกินไปหน่อยกระมัง
หานลี่พึมพำในใจ แน่นอนว่าไม่ได้มีเจตนาจะประมูลแล้ว
“ดอกราชันย์สีทอง อายุหกพันปี ยาลูกกลอนหายากเหล่านี้เป็นยาลูกกลอนที่มีสรรพคุณยอดเยี่ยมที่สุด ราคาเปิดประมูลสามล้านศิลาวิญญาณ” หลังเซียวปู้อีเปิดกล่องหยกอีกใบหนึ่ง ก็หยิบดอกไม้สีทองเรืองรองออกมาดอกหนึ่ง
ดอกไม้ดอกนี้มีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ ภายนอกดูเหมือนสวรรค์รังสรรค์สร้างขึ้นทุก ๆ กลีบ ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น
การประมูลดอกไม้ดอกนี้ไม่เหมือนกับศิลาหงส์ในตอนแรก เมื่อปรากฏตัวออกมาทั้งหอก็เงียบกริบ คนจำนวนไม่น้อยขมวดคิ้วมุ่นเกิดความเงียบงันอย่างคาดไม่ถึง
นั่นก็ไม่แปลกสำหรับคนส่วนใหญ่ ณ ที่นี้ สิ่งที่เรียกว่า ‘ดอกราชันย์สีทอง’ เป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ทั้งยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ราคาเปิดประมูลนั้นกลับสูงกว่าศิลาหงส์ก่อนหน้าเสียอีก
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันลูบใต้คาง ความคิดในหัวแล่นเร็วจี๋ เขาเพิ่งเคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
เซียวปู้อียืนยิ้มบาง ๆ อยู่บนเวทีไม่พูดอะไร ราวกับมั่นใจในของสิ่งนี้เป็นอย่างมาก
“สามล้าน” ในที่สุดก็มีคนเรียกราคาขึ้นมา
คนจำนวนไม่น้อยมองไป แต่กลับเป็นชายชราร่างกายผ่ายผอมมีเขาสีขาวคู่หนึ่งอยู่บนศีรษะ ไม่รู้ว่าเป็นชาวเผ่าใด
“สี่ล้านสองแสน”
ทันใดนั้นก็มีอีกคนเรียกราคา
“สี่ล้านห้าแสน”
“สี่ล้านแปดแสน”
……
การเรียกราคาอย่างต่อเนื่องดังขึ้นตามจุดต่าง ๆ ของหอ
แม้ว่าจำนวนของที่เรียกราคาจะไม่สูงนัก มีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น แต่ราคาที่สูงขึ้น ไม่ด้อยไปกว่าคนก่อนหน้าเลยสักนิด
ดูแล้วคงมีเพียงคนพวกนี้ที่รู้ประโยชน์ของดอกไม้ดอกนี้ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทีต้องการมันมาก
ชายชราคนแรกกัดฟันประกาศราคาเจ็ดล้านออกไป ในที่สุดคนอื่น ๆ ก็ยอมถอยให้
เช่นนั้นเซียวปู้อีจึงหยิบสมบัติในกล่องออกมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงทั้งหมดในหอให้เขาอธิบายคุณสมบัติเพียงง่าย ๆ ของก็ทยอยถูกคนซื้อไป
เมื่อกล่องหยกสิบกว่ากล่องถูกประมูลไปจนหมด หลังจากที่เขตอาคมส่งตัวเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ขวดหยดเจ็ดแปดขวดก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะอีกครั้ง
ครั้งนี้กลับเป็นการประมูลของเหลววิญญาณชนิดต่าง ๆ
ของเหล่านี้ล้วนเป็นของหายากยิ่งกว่าเดิม ทุกขวดแทบจะมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนแย่งชิงกัน
การแลกเปลี่ยนสองสามขวดก่อนหน้า ส่วนใหญ่ล้วนมีราคาสูงกว่าราคาเปิดประมูลสามถึงสี่เท่า ราคาที่ขายออกไปก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนในหอถึงกับสูดหายใจเฮือก
นั่นก็ไม่แปลกอะไรเดิมทีงานประมูลก็เป็นเช่นนี้ ของที่เหมือนกัน บางทีอยู่ในสายตาของคนที่ไม่เหมือนกัน ราคาก็ไม่เหมือนกัน แตกต่างกันเป็นอย่างมาก!
ชั่วพริบตาของเหลวบนโต๊ะเหล่านี้ก็ถูกประมูลออกไปเจ็ดแปดส่วน เหลือเพียงขวดสีขาวนวลขวดหนึ่งเท่านั้น
เซียวปู้อีที่อยู่ด้านหน้าสุดของการประมูลมีสีหน้าเคร่งขรึมมาโดยตลอด แต่เมื่อสายตาตกไปที่ขวดใบสุดท้าย แววตาก็ระอุอขึ้นมา
หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเสียดายแล้ว ถึงได้คว้ามือหนึ่งออกไป ดึงดูดสิ่งนั้นมาอยู่ในมือ และเอ่ยอย่างแช่มช้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์ครึ่งขวด เปิดประมูลสิบแปดล้านศิลาวิญญาณ!”
“อะไรนะ ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์! ฟังไม่ผิดไปหรอกนะ งานประมูลจะมีสมบัติชนิดนี้ได้อย่างไร”
“แค่สิบแปดล้าน ของเหลวเคลือบเพลิงสวรรค์เปิดประมูลราคาต่ำเช่นนี้! เป็นความจริงหรือ”
“เหตุใดของสิ่งนี้ถึงไม่อยู่ในรายการสุดท้ายของงานประมูล มันเป็นหนึ่งในเจ็ดของเหลวของแดนวิญญาณของพวกเราเชียวนะ!”
เสียง “ตูม” ดังขึ้น ในหอเต็มไปด้วยเสียงจอกแจกจอแจ คนจำนวนไม่น้อยร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ล้วนเผยท่าทางไม่อยากจะเชื่อออกมา
และมีคนจำนวนไม่น้อย จ้องเขม็งไปยังขวดเล็ก ๆ ในมือของเซียวปู้อีเขม็งด้วยแววตาละโมบ
กระทั่งในห้องที่ชั้นสามยังมีเสียงร้องอุทานจำนวนไม่น้อย
ส่วนหานลี่ที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของหอ ได้ยินชื่อของเหลวนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่
——
[1] เหลี่ยง หมายถึงหน่วยน้ำหนักของจีน หนึ่งเหลี่ยงเท่ากับห้าสิบกรัม