ชายร่างใหญ่เรือนกายมีลำแสงสีดำ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นจักรพรรดิเสวียนอู่ป้า เผ่าปีศาจอีกคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าหลีหั่ว ย่อมเป็นราชามังกรวารีหลีหั่วหนึ่งในเจ็ดราชาปีศาจ
งานประมูลครั้งนี้คาดไม่ถึงว่าจะให้ทั้งสองคนเป็นผู้ประกาศเริ่มงาน ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนไม่น้อยเลยจริงๆ
ทว่าเมื่อจักรพรรดิเสวียนอู่ป้าและราชามังกรหลีหั่วเดินลงจากแท่นสูงแล้ว ชายชราผมสีเงินสวมชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งก็เดินขึ้นไปบนแท่น
ด้านหลังของเขาคือเด็กยืนเรียงกันสองแถว ต่างใช้มือประคองถาดเดินเข้ามา
ทุกคนล้วนมีสีหน้าหมดจด จานในมือถูกผ้าสีทองปิดเอาไว้อย่างมิดชิด
“ตาเฒ่าเทียนเหยียนจื่อรับหน้าที่ดูแลงานประมูลครั้งนี้ หวังว่าสหายทุกท่านจะเข้าร่วม!” ชายชราประสานมือให้ทุกคนในตำหนัก แล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ฮ่าๆ มีสหายเทียนเหยียนจื่อคอยดูแลงานประมูลครั้งนี้ พวกเราก็วางใจขึ้นแล้ว”
“ใช่แล้วๆ! ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น สายตาของพี่เทียนเหยียนจื่อนั้นมีชื่อเสียงมากในทั้งสองเผ่า!”
……
เมื่อชายชราเอ่ยปากก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านล่างขานรับ เห็นได้ชัดว่าเทียนเหยียนจื่อผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นกลางผู้นี้มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย
แน่นอนว่าชายชราสวมชุดคลุมสีขาวย่อมทำการคารวะอีกครั้งไปรอบๆ ด้านด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วเอ่ยว่า
“สหายทุกท่านมาถึงที่นี่ แน่นอนว่าคงไม่อยากได้ยินตาเฒ่าพูดพล่ามไร้สาระ งานประมูลต่อจากนี้เริ่มได้! เด็กๆ เอาสินค้าชิ้นแรกออกมา”
เทียนเหยียนจื่อเอ่ยจบ ก็กวักมือเรียกทางด้านหลังทันที
เด็กที่ยืนอยู่หน้าสุดของแถวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง สองมือยกขึ้นเหนือศีรษะ ส่งถาดให้ชายชราอย่างนอบน้อม
ชายชราชุดขาวถึงได้ขยับมือ ใช้นิ้วชี้ไปที่ผ้าสีทองจนปลิวออกมาจากถาด
ชั่วขณะนั้นผลึกศิลาเปล่งแสงสีเงินพลันปรากฏสู่สายตาของทุกคน
ผลึกศิลามีขนาดเท่ากำปั้น แต่ผิวของมันกลับมีลวดลายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติชั้นหนึ่ง ในลวดลายเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ราวกับว่าเส้นไหมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนผสมเข้าไปในผลึกศิลาก็ไม่ปาน เผยความงดงามเป็นอย่างยิ่งออกมา
“วัตถุดิบหลอมอาวุธธาตุทองระดับสุดยอด ผลึกเส้นไหมสีเงิน ผลึกเส้นไหมสีเงินนี้ผลิตขึ้นที่หุบเขาหยกขาวทางทิศตะวันออกที่สุดของเผ่ามนุษย์ โดยปกติแล้วจำนวนที่ผลิตได้ทั้งปีก็ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของก้อนๆ นี้ แสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของมัน ขอแค่ผสมเข้าไปในกระบี่บินทั่วๆ ไปเล็กน้อย ก็เปลี่ยนให้แหลมคมอย่างหาที่เปรียบได้ เหนือกว่าสมบัติในระดับเดียวกัน หากใช้วัตถุดิบนี้หลอมสิ่งใด ก็จะกลายเป็นสมบัติวิญญาณมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ดังนั้นราคาเปิดประมูลนี้สิ่งนี้จึงเริ่มที่สามล้านศิลาวิญญาณ ทุกครั้งที่ประมูลราคาจะต้องเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งแสน เริ่มได้!” เทียนเหยียนจื่อแนะนำของในถาดเสร็จก็เอ่ยด้วยเสียงอันดัง
ผลึกเส้นไหมสีเงินก้อนนี้ไม่อยู่ในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์อย่างพวกเรา แต่กลับเย้ายวนใจสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงและระดับหลอมสุญตาเป็นอย่างมาก
ถึงอย่างไรเสียหุบเขาหยกขาวก็เป็นสถานที่ในการควบคุมของเมืองเสวียนอู่ ปกติแล้วจำนวนที่ผลิตได้ก็ไม่เพียงพอกับเมืองเสวียนอู่เอง ครั้งนี้ปรากฏตัวก้อนใหญ่เพียงนี้ได้ ย่อมได้รับความสนใจตั้งไม่รู้เท่าไหร่
“สี่ล้าน”
“สี่ล้านห้า”
“ห้าล้าน”
……
เสียงเสนอราคาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชั่วพริบตาม่านลำแสงก็ปรากฏออกมาจากจานปรากฏขึ้นบนแท่นสูง
สุดท้ายก็ถูกเผ่าปีศาจนิรนามที่เรือนกายมีขนสีดำยาวปกคลุมประมูลไปด้วยราคาเจ็ดล้านสามแสนศิลาวิญญาณ
แน่นอนว่าผลลัพธ์นี้ย่อมทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์รู้สึกกลัดกลุ้มไม่น้อย!
ผู้ใดต่างก็รู้ว่าเผ่าปีศาจไม่เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธ คาดไม่ถึงว่าเผ่าปีศาจคนหนึ่งจะยอมเสียเงินประมูลผลึกเส้นไหมสีเงินด้วยราคาที่สูงลิบเช่นนี้ ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนไม่น้อยจริงๆ
ในเมื่อเริ่มประมูลก็นำวัตถุดิบในการหลอมอาวุธออกมาแล้ว ของที่จะนำออกมาประมูลต่อจากนี้ จะต้องเป็นของหาที่ยากประเภทเดียวกันแน่
หากไม่ใช่วัตถุดิบในการหลอมเกราะสงครามของเผ่าปีศาจที่หายาก ก็ต้องเป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้หลอมอาวุธชนิดอื่นๆ เป็นแน่
แต่หลังจากผ่านไปสองสามรอบ คนส่วนใหญ่ในตำหนักก็หน้าเปลี่ยนสี
ของเจ็ดถึงแปดชิ้นถูกเผ่าปีศาจขนสีดำคนแรกใช้ราคาที่สูงลิบประมูลไปทั้งหมด ท่าทางร่ำรวยมหาศาล ราวกับว่าขอแค่ได้วัตถุดิบในการหลอมอาวุธเหล่านี้ ก็ไม่สนใจว่าจะราคาเท่าไหร่
ส่วนชนเผ่าปีศาจขนสีดำผู้นี้ นอกจากแขนที่เปลือยเปล่าทั้งสองข้าง เรือนกายก็ถูกชุดหนังสีเหลืองห่อหุ้มเอาไว้อย่างมิดชิด จึงทำได้เพียงมองเห็นใบหน้าที่ดุร้ายรางๆ แต่กลับไม่อาจมองให้ชัดเจนได้
แน่นอนว่าจึงทำได้เพียงขัดขวางสิ่งมีชีวิตระดับเทพแปลงและระดับหลอมสุญตาเหล่านั้น สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์อย่างหานลี่ เสียงพลังจิตสัมผัสเล็กน้อยก็พอจะทะลวงผ่านพลังป้องกันของชุดหนังไปได้
“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจหมาป่าดำตัวหนึ่ง! และมีพลังยุทธ์แค่ระดับหลอมสุญตาขั้นต้น เหตุใดถึงลงมาอย่างใจกว้างเช่นนี้? หรือว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในเผ่าหมาป่า!” หลังจากที่แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้ากวาดผ่านไป ก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยพึมพำออกมา
แม้ว่าชี่หลิงจื่อและไห่ต้าเซ่าที่อยู่ด้านหลังจะฟังเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลอันใดได้ แน่นอนว่าจึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่กล้าตอบอันใดสักนิด
ยามนี้ผ้าไหมประหลาดๆ ที่เปล่งแสงสีแดงสดออกมา ราวกับใช้เปลวเพลิงถักทอเป็นผ้าไหมก็ไม่ปานพลันถูกเด็กคนหนึ่งเอาออกมาปรากฏตัวบนแท่น
ชั่วขณะนั้นทุกคนที่อยู่ด้านล่างพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น!
“ผลึกไหมร้อน คาดไม่ถึงว่าจะใช้ผลึกไหมร้อนทอขึ้น”
“น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
คนจำนวนไม่น้อยมองผ้าไหมสีแดงสดด้วยแววตาตกตะลึง ไม่อาจปกปิดสีหน้าละโมบไปได้ ต่างอยากที่จะคว้าสิ่งนั้นมาจากแท่นอย่างอดทนรอไม่ไหว
“ท่านอาจารย์ผลึกไหมร้อนคือสิ่งใด ดูเหมือนคนมากมายจะอยากได้เจ้าสิ่งนั้น” ไห่ต้าเซ่าเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้จักสิ่งนี้! ผลึกไหมร้อนไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในเผ่ามนุษย์ แต่เป็นวัตถุดิบวิญญาณของเผ่าหงส์ดำ ว่ากันว่าเป็นไหมวิญญาณที่พ่นออกมาจากแมลงเพลิงยามที่อยู่ในลาวา ทว่าแมลงเพลิงชนิดนี้พ่นออกมาได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ประกอบกับจะพบได้แค่ในแดนลาวาที่เผ่าหงส์ดำควบคุมอยู่ ดังนั้นจึงหายากเสียยิ่งกว่าผลึกเส้นไหมสีเงิน หากใช้สิ่งนี้หลอกอาวุธธาตุไฟ แล้วพกติดตัวฝึกบำเพ็ญเพียรไปด้วยเป็นเวลานาน ก็สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ และหากใช้สิ่งนี้หลอมอาวุธ ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพธาตุไฟเป็นอย่างมาก เกรงว่าผู้ที่นั่งอยู่ด้านล่างคงมีผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไฟเป็นเคล็ดวิชาหลักอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นผลึกไหมร้อนจึงทำให้พวกเขาใจเต้นเป็นอย่างมาก” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วอธิบายให้ฟัง
“เช่นนี้นี่เอง! มิน่าล่ะคนเหล่านั้นถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนี้” ชี่หลิงจื่อเองก็เอ่ยพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา
เทียนเหยียนจื่อที่อยู่ด้านล่างประกาศราคาเปิดประมูลของผลึกไหมร้อน ชั่วขณะนั้นก็เกิดการเสนอราคาอย่างดุเดือด มากกว่าของชิ้นแรกๆ หลายเท่าตัว
แทบจะในพริบตานั้นราคาของผลึกไหมร้อนก็พุ่งสูงขึ้นไป จนอยู่ในตัวเลขที่น่าตกตะลึงแล้ว
ทว่าด้วยเหตุนี้ในที่สุดราคาที่กำลังร้อนแรงก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น มีแค่ห้าหกคนที่ยังคงเสนอราคาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
และเผ่าปีศาจขนสีดำผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น
สุดท้ายผู้ที่เสนอราคาได้ก็ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน เผ่าปีศาจหมาป่าดำใช้ราคาที่สูงลิบลิ่วประมูลไป
เช่นนี้เผ่าปีศาจหมาป่าสีดำผู้นี้จึงยิ่งเป็นจุดสนใจมากขึ้น คนจำนวนไม่น้อยอดที่จะมองมาทางเขาถี่ๆ ไม่ได้ และแน่นอนว่าส่วนใหญ่ล้วนมีแววตาไม่เป็นมิตร
แต่ในยามนี้ชายชราชุดขาวที่อยู่บนแท่นกลับเอ่ยสิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนออกมา
“หึๆ สหายจำนวนไม่น้อยไม่ได้มาเข้าร่วมงานหมื่นสมบัติเป็นครั้งแรกสินะ แน่นอนว่าย่อมรู้ว่าลำดับงานประมูลของข้าไม่เหมือนกับงานประมูลอื่นๆ ที่นำของประมูลล้ำค่าไปไว้ชิ้นสุดท้าย แต่จะนำสิ่งของล้ำค่าออกมาช่วงแรก ช่วงกลาง และช่วงหลัง ยามนี้หนึ่งในสิ่งที่จะนำออกมา เชื่อว่าคงไม่ทำให้สหายส่วนใหญ่และท่านอาวุโสผิดหวัง”
ชายชราเอ่ยไปพลาง ฉับพลันนั้นก็ปรบมือ “แปะๆ” สองครั้ง
ชั่วขณะนั้นด้านล่างแท่นสูงพลันมีสาวใช้อายุน้อยหน้าตางดงามเดินขึ้นมาคนหนึ่ง ในมือถือถาดที่วางกล่องไม้สีเขียวมรกตขนาดครึ่งฉื่อเอาไว้ เดินมาอยู่ข้างเทียนเหยียนจื่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ชายชราชุดขาวเผยความหนักแน่นออกมา และรับกล่องไม้มาจากมือของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านล่างอย่างแช่มช้าอีกครั้ง
“แม้ว่าจะมีสหายบางคนที่เคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่ทราบว่ามีกี่คนที่เคยเห็นพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตด้วยตาตัวเอง! ในกล่องมีอยู่ท่อนหนึ่ง สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากมายนัก ทั้งเป็นวัตถุดิบเสริมอิทธิฤทธิ์ ยังสามารถหลอมหุ่นเชิดร่างแยกและหุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์ได้ และเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมสมบัติที่มีชื่อเสียงอย่าง ‘ไข่มุกหยาดน้ำตาโลหิต’ ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนเหยียนจื่อ คนส่วนใหญ่กลับเผยสีหน้างุนงงออกมา มีแค่คนส่วนน้อยที่ได้ยินแล้วเผยสีหน้ายินดีเป็นอย่างมากออกมา
“พฤกษาหยาดน้ำตาโลหิต นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณให้ความสำคัญหรือ!”
“สิ่งนี้มาปรากฏในงานประมูลของสองเผ่าเราได้อย่างไร?”
ผู้บำเพ็ญเพียรที่รู้ประวัติความเป็นมาของเจ้าสิ่งนี้ อดที่จะร้องอุทานออกมาจากด้านล่างแท่นไม่ได้
หานลี่เองก็หน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นจิตสัมผัสจำนวนไม่น้อยที่แผ่ออกมาจากห้องเล็กๆ บนชั้นสาม แน่นอนว่าย่อมมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์จำนวนไม่น้อยที่สนใจพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิต
“หึ ที่มาของพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตนี้ ตาเฒ่าย่อมไม่แน่ใจนัก ทำได้เพียงรับประกันกับสหายทุกท่านว่าพฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตนี้เป็นของจริง” ชายชราเอ่ยเสร็จ ก็เปิดฝากล่องออก
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายโลหิตคละคลุ้งก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นหมอกโลหิตหนาแน่นหมุนวนออกมากลางอากาศ ราวกับอสรพิษประหลาดสีโลหิตก็ไม่ปาน
เทียนเหยียนจื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งแสงสีทอง นิ้วทั้งห้ากางออก แล้วตะปบของที่อยู่ในกล่องเอาไว้
ครู่ต่อมาพฤกษาประหลาดขนาดครึ่งฉื่อก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกคน ขนาดหนาเท่าหัวแม่มือ มีสีดำแดง
พฤกษานี้หม่นหมองไร้แสง แต่กลับแผ่หมอกโลหิตออกมาไม่หยุด ส่วนหมอกโลหิตที่หมุนวนโคจรไปมานั้น ก็พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ราวกับมีชีวิตก็ไม่ปาน
“หุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์” หานลี่มองสิ่งนี้ แววตาอดที่จะหรี่ลงไม่ได้
พฤกษาหยาดน้ำตาโลหิตนี้ก็เคยได้ยินมาบ้าง ความจริงแล้วเป็นการเปลี่ยนแปลงของซากไม่สมบูรณ์ของเผ่าวิญญาณธาตุไม้ แม้ว่าจะอยู่ในแดนวิญญาณก็พบได้ยากยิ่ง
ร่างแยกที่สองและ ‘ไข่มุกหยาดน้ำตาโลหิต’ ล้วนมีชื่อเสียงเกรียงไกร แต่สิ่งที่ทำให้เขาใจเต้นแน่นอนว่าย่อมเป็นหุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์
แม้ว่าเขาจะหลอมยันต์แปลงวิญญาณที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนเคราะห์เช่นเดียวกันออกมา แต่ยันต์นี้ก็จะพัฒนาขึ้นตามระดับพลังยุทธ์ของเขา ประสิทธิภาพเวลาเผชิญหน้าจึงอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะฝึกฝนเป็นเวลานาน ก็ไม่อาจกระตุ้นอิทธิฤทธิ์เปลี่ยนเคราะห์ของมันได้เท่าไรนัก
หุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์นี้กลับเป็นสมบัติวิเศษที่มีชื่อเสียงในเผ่ามนุษย์มาอย่างเนิ่นนาน มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนเคราะห์ร้ายของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์เช่นกัน
ทว่าหุ่นเชิดเปลี่ยนเคราะห์นี้เป็นของที่ใช้แล้วทิ้ง ยามสำแดงออกมาต้องให้เจ้าของหาเวลากระตุ้นที่เหมาะสม ไม่ว่ากระตุ้นเร็วไปหรือช้าไปก็อาจจะเสียเปล่าได้