A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1828 ประลองฝีมือ (ตอนกลาง)

พริบตานั้นสมบัติที่แตกต่างกันทั้งหมดสามสิบหกคู่หรือคือเจ็ดสิบสองชิ้นพลันบินออกมาจากแขนเสื้อของบุรุษชุดดำ บินว่อนไปทั่วท้องฟ้า ปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้

สมบัติต่างๆ อย่างดาบ กระบี่ สามง่าม หากไม่เปล่งแสงเย็นเยียบ ก็เงียบเชียบราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง และท่าทางดูมีประวัติความเป็นมา

บุรุษชุดดำควบคุมสมบัติจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาเดียวกันได้ จิตสัมผัสย่อมเรียกได้ว่าน่าตกตะลึงจนน่าสะพรึงกลัว ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ธรรมดาๆ จะเทียบเทียมได้

หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยชมว่าสุดยอดในใจ

ในขณะนั้นเองบุรุษชุดดำพลันส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สมบัติทั้งเจ็ดสิบสองชิ้นกลายเป็นหมอกลำแสงทั่วทั้งท้องฟ้าม้วนไปหาหานลี่อย่างไม่อาจต้านทานได้

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็เลิกคิ้ว สะบัดแขนเสื้อ

กระบี่เล่มเล็กสีเขียวยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นสายรุ้งเจ็ดสิบสองสายพุ่งไปหมอกลำแสงฝั่งตรงข้าม

เสียง “เคร้ง” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระบี่บินสีเขียวโจมตีเข้ากับสมบัติจำนวนมาก และต่างโรมพันเข้าหากันอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน

แม้ว่าสมบัติทั้งเจ็ดสิบสองชิ้น บ้างจะพ่นไอสีดำออกมา บ้างจะกลายเป็นสายฟ้า แต่ท่ามกลางลำแสงสีเขียวที่กำลังเปล่งแสงสว่างวาบ เหล่ากระบี่บินสีเขียวเหล่านี้กลับดูราวกับไร้รูปร่าง ให้ความรู้สึกปลอดภัยไร้กังวล กำลังพัวพันกับสมบัติเหล่านี้ไม่ปล่อยราวกับอสรพิษวิญญาณ ท่าทางไม่ตกเป็นรองเลยสักนิด

บุรุษชุดดำเห็นเช่นนี้ก็ประหลาดใจไปเล็กน้อย จากนั้นก็กระตุ้นสมบัติเหล่านี้ให้อานุภาพเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุด แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีผลเท่าใดนัก ยังคงยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่ม

บุรุษชุดดำมีสีหน้าเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วสาวเท้าไปข้างหน้า มือตะปบไปยังฝั่งตรงข้าม

เสียง “ปัง” ดังขึ้น พลังปราณฟ้าดินเกิดเดือดปุดๆ ขึ้นมาท่ามกลางม่านลำแสงที่ห่อหุ้มลงมา จากนั้นเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันสั่นเทาแล้วกลายเป็นลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป

ทุกแห่งที่ลำแสงสีดำกวาดผ่านไป ทั่วทั้งท้องฟ้าพลันมืดมน เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่

“มาได้จังหวะ!”

หานลี่มีสีหน้าไม่สับสน กลับร้องตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำออกมา มือหนึ่งกวาดไปด้านหน้า หมอกลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น แล้วผนึกรวมตัวกันกลายเป็นกำแพงลำแสงสีเทา

ลำแสงสีดำพุ่งเข้าไปในกำแพงลำแสงราวกับพายุฝนกระหน่ำ แล้วทยอยกันแข็งตัวหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น

หานลี่เลิกคิ้ว ฝ่ามือสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกข้างหนึ่งกดไปบนกำแพงลำแสง

แค่กะพริบวาบ กำแพงลำแสงก็มีสีเทาพวยพุ่งขึ้นมา

เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น!

เส้นไหมสีดำที่ถูกตรึงเอาไว้ในกำแพงลำแสงทยอยกันระเบิดออก กลายเป็นควันสีดำถูกหมอกลำแสงม้วนวนจนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ลำแสงเทวะดูดปราณ!” บุรุษสวมชุดคลุมสีดำเห็นสถานการณ์เช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง อดที่จะร้องอุทานเสียงหลงออกมาไม่ได้

แต่ครู่ต่อมาเขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมพลางหยักไหล่ หมอกสีดำสนิทพ่นออกมาจากแผ่นหลัง

ทุกแห่งที่หมอกแข็งตัว คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีดำขนาดใหญ่อยู่เหนือศีรษะของเขา

ส่วนปลายของกระบี่แข็งตัวราวกับของจริง ส่วนด้ามกลับรางเลือนมองไม่ชัดเจน

แต่แค่ปลายแหลมของกระบี่ยักษ์สั่นเทาเล็กน้อย ดวงแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นทันที เปล่งเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ออกมา

“ไป”

สองมือของบุรุษชุดดำร่ายอาคม ชี้ไปที่กระบี่ยักษ์กลางอากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ชั่วขณะนั้นดวงแสงสีดำพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปลายแหลมของกระบี่พุ่งออกไป แรกเริ่มมีขนาดแค่เท่ากำปั้น แต่หลังจากกะพริบวาบๆ ก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง กำลังสับลงมาที่หานลี่ราวกับศิลายักษ์สีดำก้อนหนึ่ง

ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป อากาศตรงนั้นจะบิดเบี้ยวและมีรอยสีดำปรากฏออกมา

คาดไม่ถึงว่าดวงแสงสีดำนี้จะมีอิทธิฤทธิ์ด้านการฉีกทึ้งห้วงเวลา

สิ่งที่ทำให้น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ ดวงแสงสีดำพุ่งออกมาจากกระบี่ยักษ์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ชั่วพริบตานั้นก็เรียงตัวกันเป็นแถวเจ็ดแปดลูก

“คู่ควรกับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นกลาง อิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดาดังคาด!” หานลี่เห็นฉากนี้ ไม่เพียงไม่ตกตะลึงแต่กลับหัวเราะร่า

เขายกมือขึ้น ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะอีกข้างยื่นออกมาจากแขนเสื้อ และปะทะกับฝ่ามือสีดำที่หน้าอกอย่างรวดเร็ว

หลังจากเสียงปะทะกันราวกับทองคำกระทบกันดังขึ้น ชั่วขณะนั้นภูเขาขนาดย่อมสีดำและเขียวสองลูกก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นแค่หมุนคว้างและเปล่งเสียง “พรึ่บๆ” ออกมา

วงแหวนสีเขียวและไอสีดำปรากฏขึ้นเหนือยอดเขา มันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพัวพันเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวงแหวนยักษ์สีดำเขียว ห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้

ยามนี้ดวงแสงสีเขียวลูกหนึ่งพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโจมตีไปที่วงแหวนยักษ์

เสียงดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีเขียวและดำสองสีระเบิดออก

จากนั้นตรงจุดที่ระเบิดก็กลายเป็นหลุมสีดำขนาดใหญ่ ราวกับทรุดลง

และจากนั้นดวงแสงลูกที่สอง ลูกที่สามก็จมหายเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ชั่วพริบตานั้นหลุมดำก็ขยายใหญ่ขึ้นสิบกว่าเท่า กลืนทั้งแท่นบูชา หานลี่ รวมทั้งวงแหวนยักษ์เข้าสู่ความมืดมิด

ทั้งแท่นหมื่นวิญญาณถูกหลุมดำยักษ์กดลงมา เปล่งเสียงกึกๆ และเริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง

ผู้บำเพ็ญเพียรที่มองเห็นทุกอย่างอยู่นอกม่านลำแสง อดที่จะสูดลมหายใจอย่างเย็นเยียบเข้าไปไม่ได้

บรรพชนตระกูลหล่งเอาสองมือไพล่หลัง มองสถานการณ์ในม่านลำแสง สีหน้ายังคงไร้ซึ่งความรู้สึก แต่หากมองให้ละเอียดก็จะพบว่าสายตาของเขาเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเยือกเย็นนัก

หญิงสาวสวมชุดขนนกตระกูลเยี่ยผู้นั้น กะพริบดวงตาสีดำขลับปริบๆ คาดไม่ถึงว่าถอนหายใจราวกับคนแก่ออกมาไม่หยุด

ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลจิตวิญญาณเที่ยงแท้คนอื่นๆ ย่อมมีสีหน้าแตกต่างกันไป

เซียนเสี่ยวเฟิงและอาวุโสเซียวย่อมมีสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

โชคดีที่กระบี่บินที่กำลังพัวพันกับสมบัติทั้งเจ็ดสิบสองชิ้นเหล่านั้น ยังคงเริงระบำไปมาไม่หยุด และไม่ได้มีท่าทีเสียการควบคุม เช่นนั้นก็หมายความว่าหานลี่ไม่ได้อยู่ในขั้นที่ไม่อาจตอบโต้กลับได้ ทำให้พวกเขายังคงรู้สึกวางใจอยู่ลึกๆ

เห็นได้ชัดว่าบุรุษชุดดำที่กระตุ้นลำแสงสีดำจำนวนมากออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก

เขาในยามนี้ไม่เพียงดวงตามืดมน กลิ่นอายในร่างยังอ่อนแอลง แม้แต่รอยบาดสีม่วงบนหน้าผากก็บิดเบี้ยว ราวกับใหญ่ขึ้นกว่าก่อนหน้าหลายส่วน

แต่ในยามที่เขาผ่อนคลายลมหายใจ ก็พลันอ้าปากออกพ่นตราประทับสีฟ้าออกมา ก็ดูเหมือนว่าจะทำการโจมตีครั้งสุดท้าย ฉับพลันนั้นเสียงราบเรียบก็ดังออมกาจากหลุมดำ

“นี่คืออิทธิฤทธิ์ที่พี่ฮุยเชี่ยวชาญที่สุดหรือ? หากเป็นเช่นนั้นก็รู้จักวางตัวดีนี่! ทว่าหากใช้แค่สิ่งนี้คิดจะทำให้ข้าน้อยพ่ายแพ้ ก็ยังไม่พอหรอก”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงแหลมสูงจนเสียดแก้วหูก็ดังขึ้นจากหลุมดำ จากนั้นหลุมดำก็ส่งเสียงอึกทึกออกมา เงาทรงสูงสีเงินความยาวเจ็ดแปดจั้งแยกลำแสงสีดำออก จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสายหนึ่งบินออกมาจากด้านใน

บุรุษชุดดำพลันตกตะลึงไปแล้ว ชั่วขณะนั้นพลันร่ายอาคมกระตุ้นอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นตราประทับสีเงินพลันสั่นไหวขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าภูเขา แล้วพุ่งไปกดอยู่เหนือเงาร่างคน

แต่หานลี่ที่บินออกมาจากหลุมดำกลับหัวเราะน้อยๆ ออกมา ความไวเท่ากับความคิด ยอดเขาสองลูกที่โคจรอยู่เหนือศีรษะ ลูกหนึ่งรางเลือน หายวับไปท่ามกลางลำแสงสีเขียว

อีกลูกหนึ่งพลิ้วไหวเปล่งแสงสีดำออกมา ชั่วครู่ก็มีขนาดร้อยจั้งเศษ อักขระยันต์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากด้านใน แล้วร่อนลงไปหาตราประทับสีฟ้า

สิ่งของมหึมาสองสิ่งปะทะกัน ยามแรกยังเงียบเชียบ ไม่มีสุ้มเสียงเลยสักนิด

ครู่ต่อมาระลอกคลื่นสีเทาพลันระเบิดออกกลางอากาศ แล้วม้วนไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านราวกับระลอกคลื่น

บุรุษชุดดำมีสีหน้าเคร่งขรึม สะบัดแขนเสื้อไปทางระลอกคลื่น แล้วแยกมันออกอย่างง่ายดาย จากนั้นก็หรี่ตาทั้งสองข้างลง พิจารณาคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงข้ามอย่างละเอียดอีกครั้ง

และในยามนั้นเองฉับพลันนั้นเขาก็พลิ้วกายด้วยหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นเสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น ไอกระบี่ไร้รูปร่างสายหนึ่งแทบจะแฉลบผ่านหัวไหล่ของเขาไป

คาดไม่ถึงว่าไอวิญญาณที่คุ้มครองร่างของเขาจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะเขามีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เกรงว่าคงจะถูกพุ่งทะลุหัวไหล่ไปตรงๆ แล้ว

บุรุษชุดดำรู้สึกตกตะลึง ขณะที่กำลังคิดจะหันไปมองว่าไอกระบี่ไร้รูปร่างคือสิ่งใดกันแน่ เสียงเช่นเดียวกันกลับดังขึ้นที่ข้างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็ระเบิดออกมาราวกับพายุฝน

บุรุษพลันตะลึงงัน ร่างกายหมุนคว้างไปจากที่เดิมอย่างไม่ต้องขบคิด ชั่วขณะนั้นโล่สีดำ และกระจกโบราณสีทองพลันพุ่งออกมาจากเรือนร่างพร้อมกัน พากันกลายเป็นม่านลำแสงสีทองและลำแสงสีดำคุ้มกันเรือนร่างของเขาเอาไว้

แทบจะในเวลาเดียวกัน กระบี่ยักษ์สีดำเหนือศีรษะก็ระเบิดออก กลายเป็นหมอกสีดำกลืนกินร่างของเขาเข้าไป

แต่ทันใดนั้นจิตสัมผัสจำนวนนับไม่ถ้วนและตาเนื้อก็ไม่อาจมองเห็นไอกระบี่ไร้รูปร่างได้ ทยอยกันจมหายเข้าไปในหมอกสีดำ

คราแรกเป็นเสียงตึงๆ แต่ทันใดนั้นก็กลายเป็นเสียงแหลมสูงราวกับทองคำปะทะกัน

ยามนี้กลางอากาศที่มีหมอกสีดำสนิทพลันมีหมอกลำแสงสีเขียวม้วนวนออกมา ภูเขาสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบพลางปรากฏขึ้น และหมุนวนอย่างรวดเร็ว

ทุกการหมุนวน หมอกลำแสงสีเขียวก็จะม้วนวนออกมา แต่เมื่อออกห่างจากภูเขา หมอกลำแสงก็กลายเป็นไอกระบี่ไร้รูปร่าง จมหายเข้าไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ยามนี้หานลี่พลันร่างกายพลิ้วไหว หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาสีเขียว

เขาใช้เท้าข้างหนึ่งย่ำลงไป ยืนสูงตระหง่านอยู่ตรงนั้น และใช้สายตาราบเรียบมองลงมาด้านล่าง

ไอหมอกสีดำด้านล่างถูกไอกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนทะลุผ่าน จึงร่วงกราวลงมา มองเห็นบุรุษชุดดำไม่อาจซ่อนตัวอยู่ในนั้นได้อีก

ในพริบตานั้นเสาลำแสงสีทองสายหนึ่งพลันพ่นออกมาจากม่านหมอก แล้วชี้ตำแหน่งไปที่ยอดเขาสีเขียว

หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็เลิกคิ้วน้อยๆ เท้าข้างหนึ่งย่ำลงไป

ยอดเขาสีเขียวที่หมุนวนพลันหยุดชะงัก ในเวลาเดียวกันหมอกสีเขียวก็ม้วนวนออกมา กลายเป็นโล่สีสันแวววาว ห่อหุ้มยอดเขาเอาไว้

แต่ด้วยเหตุนี้ ไอกระบี่ที่แหวกผ่านอากาศก็หยุดชะงัก

ส่วนพริบตาที่เสาลำแสงสีทองและโล่ลำแสงสัมผัสกัน โล่ก็พลิ้วไหวเล็กน้อย ส่วนเสาลำแสงสีทองก็สั่นเทาแล้วแตกไปส่วนหนึ่ง หลังจากที่ส่วนใหญ่สั่นไหวแล้วก็ดีดกลับมาที่เดิม

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายไปในหมอกสีดำ

หลังจากเสียงระเบิดดังอึกทึกขึ้น บุรุษชุดดำด้านในก็ส่งเสียงร้องตะโกนต่ำๆ ด้วยความตกตะลึงระคนโกรธขึ้งออกมา!

ในที่สุดหมอกสีดำก็แตกสลายออก

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset