A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1860 อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ

เมื่อได้ยินคำนี้ ไม่ใช่แค่จินเยี่ยนโหวและชิงหยวนจื่อที่มองสบตากันแล้วหัวเราะอย่างขมขื่นไม่หยุด หานลี่ได้ยินก็หางตากระตุกถี่ๆ รู้สึกตกตะลึง

“ที่ข้ามาหาพวกเจ้ายามนี้ ไปนั่งคุยกันด้านล่างดีกว่า สุราหมักของจินเยี่ยนนั้นไม่เลว เอามาให้ตาเฒ่าสักเจ็ดแปดไหสิ” ชายชรากลอกตาไปมา แล้วเบะปากขณะเอ่ย

“เจ็ดแปดไห! พี่ซวีหลิงล้อเล่นแล้ว สุราวิญญาณมรกตนั้นสามร้อยปีถึงจะหมักได้ไหหนึ่ง ประกอบกับวัตถุดิบที่หายาก ในมือของข้าก็มีอยู่แค่สามสี่ไหเท่านั้น ไหนเลยจะมีให้สหายดื่มเจ็ดแปดไห!” จินเยี่ยนโหวได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุก แล้วรู้สึกหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้

“ฮ่าๆ สามสี่ไหก็ได้ ก็เพียงพอให้ตาเฒ่าดื่มแล้ว” ชายชราหัวเราะร่าขณะเอ่ย

จากนั้นเขาเองก็ไม่รอให้จินเยี่ยนโหวและชิงหยวนจื่อเอ่ยอันใดอีก ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม แมลงเกราะยักษ์ใต้ร่างส่งเสียง “สวบ” กลายเป็นควันสีดำสลายหายไป

ส่วนควันสีดำก็ม้วนวน แล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอยราวกับอสรพิษ

จากนั้นชายชราก็พลิ้วกาย กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งลงไปยังตำหนักด้านล่าง

จินเยี่ยนโหวมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจนปัญญา มือข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ

ผู้คุ้มกันชุดเกราะสีทองทั้งสามคนที่ลอยอยู่กลางอากาศหยุดหมุนวน เส้นไหมสีขาวบนร่างฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ

แม้ว่าผู้คุ้มกันทั้งสามจะรู้สึกวิงเวียน แต่หลังจากที่ฝืนให้ร่างกายกลับมามั่นคงได้แล้ว ก็รีบร้อนคารวะจินเยี่ยนโหว และเอ่ยด้วยสีหน้าละอายใจ

“ขอบพระคุณนายท่านที่ช่วยชีวิต! พวกเราไร้ความสามารถ ทำให้นายท่านอับอายแล้ว!”

“โทษพวกเจ้าไม่ได้หรอก ผู้ที่มาเยือนมีอิทธิฤทธิ์นัก แม้แต่ข้าก็ต้องถอยไปสามฉื่อ พวกเจ้าไปซ่อมแซมเขตอาคมเถิด” จินเยี่ยนโหวสั่นศีรษะ จากนั้นเปลวเพลิงสีทองก็หมุนวนทั่วเรือนร่าง กลายเป็นลำแสงหลีกหนีพุ่งลงไป

“สหายน้อยหาน เจ้าเองก็มาเถิด ตัวประหลาดเฒ่าผู้นี้รับมือยากจริงๆ อีกเดี๋ยวเจ้าก็ระวังตัวหน่อย” ชิงหยวนจื่อถอนหายใจขณะเอ่ย หลังจากที่ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบที่ฝ่าเท้า ก็เปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่ลูบใต้คาง หลังจากครุ่นคิด ก็บินลงไปด้านล่างเช่นกัน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หานลี่และพวกก็มาปรากฏตัวในห้องโถงเดิม แล้วนั่งลงอีกครั้ง

แต่แค่ฝั่งตรงข้ามของชิงหยวนจื่อมีชายชรานามว่าซวีหลิงเพิ่มขึ้นมาอีกคน

จินเยี่ยนโหวเองก็ไม่พูดมาก ยกสองมือขึ้นปรบมือ สาวใช้หน้าตางดงามสวมผ้าโปร่งบางสีทองสี่คนเดินถือผลไม้วิญญาณหายากเข้ามา แล้ววางไว้ตรงหน้าทุกคน

“สุราวิญญาณมรกตล่ะ! จินเยี่ยน เจ้าคงไม่ได้เอาแค่ของเหล่านี้มาตบตาตาเฒ่าหรอกนะ” ชายชรากวาดตามองผลไม้วิญญาณตรงหน้า พลางค้อนสายตาไปมาขณะเอ่ย

“พี่ซวีหลิงอย่าเพิ่งใจร้อน สุราวิญญาณมรกตวางอยู่ในน้ำแข็งทมิฬหมื่นปีถึงจะยิ่งกลมกล่อม ศิษย์น้องให้คนไปที่ถ้ำน้ำแข็งแล้ว” จินเยี่ยนโหวฝืนระงับความโกรธแล้วอธิบาย

“เช่นนี้ค่อยว่าไปอย่าง!” ชายชราพยักหน้าคว้าผลไม้วิญญาณสีแดงสดที่ดูเหมือนลูกท้อเข้ามาในมือแล้วกลืนลงไป

คาดไม่ถึงว่าแม้แต่แกนผลไม้ก็ยังไม่พ่นออกมา

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกหมดคำพูด

ในยามนั้นเองสายตาของชายชราก็ตกไปอยู่ที่เรือนร่างของหานลี่ หลังจากกวาดมองสองสามแวบก็ร้องอุทานออกมาว่า “เอ๋” เบาๆ

“เจ้าเด็กน้อย กระดูกของเจ้าเพิ่งจะอายุสองพันกว่าปี อายุแค่นี้ก็มีพลังยุทธ์เช่นนี้คุณสมบัติไม่เลวจริงๆ เจ้าเป็นชนรุ่นหลังเผ่าเดียวกันกับชิงหยวนจื่อสินะ?” ชายชราเอ่ยถามอย่างสนใจ

“ชนรุ่นหลังท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังเป็นคนในเผ่าของท่านอาวุโสเจียงจริงๆ” หานลี่ได้ฟังอีกฝ่ายเอ่ยชื่นชม ในใจไม่เพียงจะรู้สึกตกใจและยังรู้สึกขนลุกรีบร้อนลุกขึ้นทำความเคารพขณะเอ่ย

ผู้นี้ที่ทำให้แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับมหายานอย่างชิงหยวนจื่อก็ยังต้องปวดหัว เขาย่อมเคารพนับถือด้วยใจ

และยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายใช้แค่ตาเนื้อก็มองอายุที่แท้จริงของเขาออก นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง หวังเพียงว่าคำพูดเมื่อครู่ของอีกฝ่ายจะเป็นแค่การถามไปงั้นๆ เท่านั้น ทว่าความคิดของหานลี่กลับเผยออกมาแล้ว ชายชราได้ยินคำพูดของหานลี่ก็ดวงตาเปล่งประกาย คาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงจุ๊ๆ และเอ่ยถามว่า

“ไม่เลวๆ จากคุณสมบัติของเจ้าพบเห็นได้น้อยมากในแดนวิญญาณ ชิงหยวนจื่อข้าจำได้ว่าเผ่าของเจ้าดูไม่ค่อยสะดุดตา เป็นแค่เผ่าเล็กๆ สินะ แต่ไม่เพียงมีสิ่งมีชีวิตระดับมหายานอย่างเจ้าและยังมีชนรุ่นหลังที่มีอนาคตไกลอย่างเจ้าเด็กน้อยหานผู้นี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หรือว่าเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าจงใจปิดบังกำลังที่แท้จริง?”

“พี่ซวีหลิงล้อเล่นแล้ว! เผ่ามนุษย์ของเราเป็นแค่เผ่าเล็กๆ เท่านั้น แม้ข้าน้อยจะมีต้นกำเนิดมาจากเผ่ามนุษย์ แต่ต่อมาได้มีวาสนามิเช่นนั้นคงไม่อาจฝึกฝนมาจนถึงระดับนี้ได้ แต่ด้วยเหตุนี้กลับไม่นับว่าเป็นชนเผ่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ ส่วนเจ้าเด็กน้อยหานพัฒนาระดับขั้นได้น่าตกตะลึงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร ไม่ว่าเผ่าใดก็อาจจะมีอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นสักคนสองคนอยู่แล้ว แต่แค่บังเอิญมาพบกับพี่ซวีหลิงเข้าพอดีจะเทียบกับเผ่าของท่านได้อย่างไร” ชิงหยวนจื่อหน้าเปลี่ยนสีหัวเราะแห้งๆ ออกมาขณะเอ่ย

“งั้นหรือ? แต่แม้ว่าเผ่าแมลงเม่าของพวกเราจะไม่ใช่เผ่าเล็กๆ ข้าก็ยังไม่เคยเห็นผู้ใดบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายได้โดยมีอายุน้อยเพียงนี้ เป็นอย่างไรบ้างเด็กเอ๋ยสนใจจะเข้าร่วมเผ่าแมลงเม่าของพวกเราหรือไม่ ขอแค่ยอมเป็นอาวุโสผู้มีเกียรติของข้า วันข้างหน้าก็มีสมุนไพรให้เจ้าได้ฝึกฝนครบครันแน่” ชายชราแค่นเสียงหึกวาดตามองชิงหยวนจื่อแล้วอมยิ้มขณะเอ่ยกับหานลี่

ชิงหยวนจื่อได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี ริมฝีปากขยับดูเหมือนคิดจะเอ่ยอันใดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

ส่วนหานลี่ก็รู้สึกคาดไม่ถึงแต่เมื่อคิดอีกทีก็ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลออกไปโดยไม่ลังเล

“ขอบพระคุณท่านอาวุโส แต่เผ่าของข้ากำลังประสบหายนะใหญ่ แม้ว่าชนรุ่นหลังจะมีพลังปราณตื้นเขินแต่ก็ต้องกลับไปร่วมผ่านหายนะนี้ที่เผ่า ไม่อาจเข้าร่วมเผ่าของท่านอาวุโสได้”

“หายนะใหญ่ หายนะใหญ่อันใด! หึ หรือว่าเจ้าจงใจหาข้ออ้างมาปฏิเสธตาเฒ่า!” ชายชราได้ยินใบหน้าที่แต่เดิมกำลังอมยิ้มก็เคร่งขรึม คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนเป็นเสียงเหี้ยมเกรียม

ในเวลาเดียวกันเสียง “ตูม” ก็ดังขึ้น พลังแรงกดไร้รูปร่างแผ่ออกมาจากร่างของชายชรากดลงมาที่หานลี่อย่างรุนแรง

“ชนรุ่นหลังไม่มีเจตนาเช่นนั้น!”

แม้ว่าหานลี่จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยแปลกประหลาดแต่ก็คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะลงมือกับตนเองอย่างไม่หวาดเกรงเช่นนี้ ทันใดนั้นก็ร้องว่าแย่แล้วในใจพลางอธิบายพลางปล่อยลำแสงวิญญาณออกมาคุ้มครองร่างทันที

เสียง “ตูม” ดังขึ้น เขารู้สึกเพียงว่าพลังมหาศาลกดไปที่ไหล่ ร่างกายหดเล็กลง ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างเปล่งแสงสว่างวาบดูเหมือนจะแหลกสลายอย่างไรอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันในร่างก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นข้อต่อต่างๆ สั่นเทาอย่างหนักพร้อมกัน

นี่เป็นเพราะหานลี่มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติ มิเช่นนั้นภายใต้พลังแรงกดอันแข็งแกร่งของชายชราแม้ว่าจะไม่จบชีวิตในทันที แต่ก็ต้องกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บ

“เอ๋ น่าสนใจนี่!”

ชายชราเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ร้องอุทานออกมาอีกครั้ง ใบหน้าโหดเหี้ยมหายวับไปเผยสีหน้าสนอกสนใจออกมา แต่จากนั้นร่างที่นั่งอยู่ก็ขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายสูงกว่าหนึ่งช่วงหัวข่มหานลี่เอาไว้ไม่น้อย

เสียง “ปัง” ดังขึ้น!

ไหล่ทั้งสองของหานลี่สั่นเทา ใบหน้าซีดขาวแต่ก็ยังคงนั่งนิ่ง ทว่าเก้าอี้ไม้ใต้ร่างกลับกลายเป็นผุยผง

“พี่ซวีหลิงปรานีด้วย!” ชิงหยวนจื่อขมวดคิ้วหลังจากสะบัดแขนเสื้อไปทางหานลี่ หมอกสีทองก็ทะลักออกมาในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้น

เสียงอึกทึกดังขึ้น พลังมหาศาลสองกลุ่มโจมตีอยู่ตรงหน้าหานลี่ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปพร้อมกัน

หานลี่รู้สึกว่าพลังมหาศาลที่หัวไหล่สลายหายไป ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันเบาขึ้น

เขารู้สึกผ่อนคลายลงและรู้สึกตกตะลึงพลังอันน่ากลัวของชายชรานามว่าซวีหลิง!

มิน่าล่ะชิงหยวนจื่อและจินเยี่ยนโหวถึงมีท่าทีหวาดกลัวชายชราเช่นนี้ อิทธิฤทธิ์ของเขาเหนือกว่าทั้งสองคน

“ชิงหยวนจื่อหรือว่าเจ้าอยากจะประลองกับข้า เช่นนั้นก็ดีครั้งที่แล้วที่ลงมือกับเจ้ามันผ่านมาแล้วสองสามพันปี ได้ยินว่าช่วงนี้เจ้าฝึกฝนอิทธิฤทธิ์ใหม่ที่มหัศจรรย์มากตาเฒ่าอยากจะเรียนรู้สักหน่อย” ชายชราเห็นชิงหยวนจื่อลงมือไม่เพียงไม่โกรธกับขอประลองทันที ท่าทางเหมือนอยากจะต่อสู้เต็มที่

เขากลับวางหานลี่ไว้ด้านข้างไม่สนใจเลยสักนิด

นี่จึงทำให้หานลี่กะพริบตาปริบๆ รู้สึกงุนงง

ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นพวกคลั่งการต่อสู้หรือว่าจงใจแกล้งบ้า

ชิงหยวนจื่อเห็นชายชราซวีหลิงมีท่าทีเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หางตากระตุกถี่ๆ แล้วฝืนยิ้มโบกมือเป็นพัลวันแล้วเอ่ยว่า

“พี่ซวีหลิงล้อเล่นแล้วผู้แซ่เจียงจะกล้าประลองกับท่านได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรเสียสหายน้อยหานก็เป็นคนของเผ่าข้าน้อย หวังว่าสหายจะปรานี”

“ไม่ยอมต่อสู้เหรอ น่าเสียดายจริงๆ ช่างเถอะเห็นแก่หน้าของเจ้าข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าเด็กนั่นลำบากใจ ตาเฒ่ายังมีธุระสำคัญ” ชายชราเผยสีหน้าผิดหวังออกมา ใช้น้ำเสียงเกียจคร้านตอบกลับความกระตือรือร้นดูเหมือนจะลดลงไม่น้อย

“ศิษย์น้องเองก็ประหลาดใจ! ได้ยินว่าพี่ซวีหลิงอยู่ในขั้นที่สำคัญกักตนเพื่อเตรียมบรรลุขึ้นไปอีกแดนไม่ยอมออกมาเป็นพันปีแล้ว เหตุใดถึงมีเวลามาที่แม่น้ำยมโลกและมาเยี่ยมเยียนพวกเราหรือว่ามีเรื่องสำคัญอันใดจริงๆ?” จินเยี่ยนโหวเองก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“แน่นอนว่ามีเรื่องสำคัญมาก! มิเช่นนั้นตาเฒ่าคงไม่ว่างจนมาหาพวกเจ้าหรอก ไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้วส่งนมของแม่น้ำยมโลกมาให้ข้า ตาเฒ่านำ ‘ยาลูกกลอนห้าปราณ’ และ ‘แมลงหมื่นปฐพี’ มาแลกกับนมวิญญาณทั้งหมดของพวกเจ้า!” ชายชราเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิด

“อันใดนะ สหายต้องการนมของแม่น้ำยมโลก!”

“พี่ซวีหลิงต้องการนมวิญญาณไปทำอันใด?”

หลังจากจินเยี่ยนโหวและชิงหยวนจื่อได้ยินก็อดที่จะหน้าถอดสีไม่ได้

หานลี่ย่อมตกตะลึงไปเช่นกัน

“ตาเฒ่าแค่อยากได้นมวิญญาณ เจ้าสองคนต้องตกใจขนาดนี้เลยหรือ? หรือว่าพวกเจ้าคิดว่า ‘ยาลูกกลอนห้าปราณ’ และ ‘แมลงหมื่นปฐพี’ ของตาเฒ่าไม่คุ้มค่าให้แลก?” ชายชรากลับมีสีหน้าเคร่งขรึมน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

“แน่นอนว่าไม่ใช่! แค่นมวิญญาณของข้าน้อยเพิ่งจะถูกสหายเจียงแลกไป!” จินเยี่ยนโหวเบะปากเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset