A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1924 แผนการ

“แย่งชิงได้? จริงหรือ! หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ สมบัติสองชิ้นนี้ดูเหมือนจะหลอมรวมเข้ากับร่างของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงผู้นี้ จะชิงไปได้อย่างไร” หานลี่พลันตกตะลึง แต่หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ใบหน้าก็เผยสีหน้าไม่เชื่อถือออกมา

“ข้าเคยบอกสหายหรือไม่ สมบัติวิเศษสองชิ้นนั้น หม้อคำพูดสีม่วงเดิมเป็นของตาเฒ่า” ชายชราลูบเคราแล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย

“อันใดนะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วย!” หานลี่ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“หึ ตอนแรกที่ตาเฒ่าพบกับแผนร้ายของเซวี่ยกวง ก็ถูกบีบให้เอาจิตวิญญาณดั้งเดิมไปขังไว้ในป้อมผนึกมาร สุดท้ายถึงได้หลบเลี่ยงหูตาของเจ้าทรยศนั่น แต่หม้อคำพูดสีม่วงกลับตกอยู่ในมือของเจ้าเด็กนั่นพร้อมกับกายเนื้อ แม้ว่าเขาจะเสียเวลาร้อยกว่าปีหลอมจิตสัมผัสที่ข้าทิ้งไว้ในหม้อ จากนั้นค่อยบวงสรวงใหม่เพื่อใช้งาน แต่จิตสัมผัสที่ตาเฒ่าทิ้งไว้ในหม้อตั้งแต่แรกนั้นความจริงแล้วมีทั้งที่เปิดเผยและหลบซ่อน แบ่งออกเป็นสองชนิด ขอแค่เจ้าทรยศนั่นไม่พบจิตวิญญาณส่วนที่สอง ย่อมยังมีโอกาสช่วยสหายชิงสมบัติชิ้นนั้นกลับคืนมาได้” ชายชราลูบเคราแล้วเผยสีหน้าเคร่งขรึมขณะเอ่ย

“ในเมื่อท่านอาวุโสมีไพ่ตาย ก็อาจจะสำเร็จได้จริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจิตสัมผัสที่อยู่ในสมบัติแข็งแกร่งเท่าไหร่ ท่านอาวุโสมั่นใจกี่ส่วนหรือ” หานลี่ได้ยินแล้วพลันใจเต้นโครมคราม แต่ยังคงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“เศษเสี้ยวจิตสัมผัสของตาเฒ่าหลอมขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อเอาไว้ใช้ต่อกรกับเรื่องเช่นนี้ ขอแค่ไม่ถูกเซวี่ยกวงพบเข้า ข้าก็มั่นใจห้าส่วนว่าจะทำให้สมบัติชิ้นนี้หลุดการควบคุม และยิ่งไปกว่านั้นจากการคาดการณ์ของตาเฒ่า ต่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่อาจแย่งชิงสมบัติกลับมาได้ แต่ก็เพียงพอจะทำให้สมบัติชิ้นนี้ลดอานุภาพลงเมื่ออยู่ต่อหน้าสหายหาน ไม่อาจสร้างความคุกคามอันใดได้” เชอฉีกงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ

“มั่นใจครึ่งหนึ่ง ก็เพียงพอให้ลองเสี่ยงดูแล้ว ในเมื่อไม่ต้องกังวลกับหม้อคำพูดสีม่วง เช่นนั้นหอคอยหลากสีไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมีวิธีรับมือหรือไม่ เทียบกับหม้อคำพูดสีม่วงแล้ว สมบัติชิ้นนี้มีอิทธิฤทธิ์การดูดสิ่งมีชีวิตที่เหนือชั้นมาก” หานลี่พยักหน้า แล้วพลันเอ่ยถาม

“แม้ว่าหอคอยหลากสีจะไม่ใช่ของเตาเฒ่า แต่ก็เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬชำรุดที่มีชื่อเสียงมากในแดนศักดิ์สิทธิ์ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กเซวี่ยกวงนั่นไปได้มาจากผู้ใด สมบัติชิ้นนี้ข้าเคยพบอยู่สองสามครั้ง อานุภาพน่าตกตะลึง ต่อให้เป็นข้าเอง ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำลายได้” เชอฉีกงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาขณะเอ่ย

“เช่นนั้นสมบัติชิ้นนี้ก็ไม่อาจรับมือได้แล้ว?” หานลี่พลันรู้สึกจิตใจหนักอึ้งแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

“แม้ว่าหอคอยหลากสีสันจะไม่อาจทำลายได้ แต่หากช่วยเจ้ายื้อเวลากลับไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี ขอแค่เจ้าถือโอกาสนี้เก็บหม้อคำพูดสีม่วงมา แล้วใช้หม้อนี้ต่อกรกับสมบัติชิ้นนั้น สมบัติชำรุดก็จะปกป้องชีวิตของตนเองในเวลาเดียวกัน” ชายชราเอ่ยด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

“มีวิธีต้านทานก็เพียงพอแล้ว หวังว่าท่านอาวุโสจะชี้แนะวิธีสักหน่อย” หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา แล้วประสานมือคารวะขณะเอ่ย

“หึๆ ชี้แนะตาเฒ่าย่อมมิกล้า สหายอย่าคิดว่าตาเฒ่าจะดึงเคล็ดวิชาลับเรียกจิตสัมผัสและบอกวิธีการรับมือกับหอคอยหลากสีกับสหายอย่างเปล่าประโยชน์หรอกนะ” ชายชราค้อนสายตา แล้วเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ

“อ๋อ เช่นนั้นท่านอาวุโสคิดอย่างไร” หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าจะคาดเดาได้ตั้งนานแล้ว

“ง่ายมาก การแลกเปลี่ยนที่ตกลงกับตาเฒ่าไว้ตอนแรก ตาเฒ่าจะบอกเคล็ดวิชาลับและวิธีให้เจ้าตามความจริง!” เชอฉีกงเอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

หานลี่ได้ยินพลันหรี่ตาทั้งสองข้างลง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยอย่างราบเรียบ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอาวุโสก็ลองบอกเงื่อนไขมาดู ครั้งที่แล้วชนรุ่นหลังจากไปอย่างฉุกละหุกไปหน่อย จึงไม่ได้ฟังให้ละเอียด”

“วางใจ ตาเฒ่าไม่ใช่คนน่ารังเกียจที่ละโมบโลภมาก เงื่อนไขของข้ามีประโยชน์ต่อนายท่านเช่นกัน” เชอฉีกงเผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาก่อน แล้วพลันเอ่ยอย่างแช่มช้า

“เช่นนั้นชนรุ่นหลังก็จะลองฟังดู” หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางคิดว่าคำพูดของอีกฝ่ายเป็นความจริง แต่ก็ยังมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

“เงื่อนไขแรกก็คือหลังจากที่สหายติดอยู่ในนั้น ให้ไปที่เพลิงธรณีน้ำพุเหลือง อาศัยเพลิงหยินดูดซับไอหุ้นตุ้นเข้าไปในป้อมผนึกมาร ถึงยามนั้นข้าจะบอกวิธีดูดซับกับเจ้า แต่ไอหุ้นตุ้นที่ดูดซับมานั้น ต้องแบ่งให้ข้าหนึ่งในสามส่วน” เชอฉีกงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“ยามนี้ท่านอาวุโสติดอยู่ที่นี่ จะรับไอหุ้นตุ้นได้อย่างไร!” หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี อดที่จะเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้

“เรื่องนี้ไม่ต้องให้สหายเป็นกังวล แม้ว่าข้าจะถูกกักขังอยู่ในป้อมผนึกมาร แต่ก็มีวิธีทำเรื่องนี้ได้ ขอแค่สหายตกลงหรือไม่ก็พอแล้ว” ชายชราเลิกคิ้วทั้งสองข้างขณะเอ่ย

“ท่านอาวุโสขอแค่หนึ่งในสามส่วน ก็ไม่นับว่ามากเกินไป ได้ เงื่อนไขนี้ผู้แซ่หานยอมรับได้” หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ในที่สุดก็พยักหน้าตอบตกลง

“ในเมื่อยอมตอบรับเงื่อนไขแรก เงื่อนไขที่สองก็ง่ายยิ่งกว่า และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ตาเฒ่าเห็นว่าเจ้าดูเหมือนจะดวงดีไม่น้อย จากนี้ไม่แน่ว่าอาจจะบรรลุระดับมหายานได้สักวันหนึ่ง ดังนั้นตาเฒ่าจึงอยากให้รับปากกับข้าเท่านั้น หากวันหนึ่งที่เจ้ามีพละกำลังพอ จะช่วยตาเฒ่าสังหารเซวี่ยกวงผู้นั้น” ชายชราหัวเราะ แล้วเอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกอย่าง

“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว! ชนรุ่นหลังจะสังหารสิ่งมีชีวิตระดับมหายานได้อย่างไร ต่อให้สักวันหนึ่ง บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงก็อยู่ในแดนมารของพวกท่าน ชนรุ่นหลังจะกล้าข้ามแดนไปได้อย่างไร” หานลี่สั่นศีรษะราวกับตีกลอง แล้วปฏิเสธทันที

“สหายอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธเงื่อนไขนี้! เงื่อนไขนี้ตาเฒ่าไม่ได้บังคับสหายให้ทำ และไม่ได้ขอให้สหายไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ตาเฒ่าแค่หวังเอาไว้เท่านั้น หากสหายไม่อาจทำได้ ย่อมไม่ต้องสนใจเงื่อนไขนี้” เชอฉีกงแววตาเคร่งขรึม แล้วหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

“หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็รับปากได้ ข้าน้อยขอสาบานกับจิตมาร วันข้างหน้าหากผู้แซ่หานมีวิธีบรรลุความสำเร็จ แล้วสังหารบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงได้อย่างง่ายดาย ข้าน้อยจะต้องช่วยสหาย…” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเนิ่นนานถึงได้ตอบรับอย่างเชื่องช้า และใช้การสาบานกับจิตมารรอบหนึ่ง

การสาบานกับจิตมารเช่นนี้ ย่อมเป็นคำสัญญาที่มีพลังต่อสิ่งมีชีวิตระดับสูงมาก

ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่อยากถึงวันที่ทะลวงจุดคอขวดแล้วถูกมารแว้งกัดจนทำให้ตนที่เกือบจะประสบความสำเร็จแล้วต้องล้มเหลว

ชายชราเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา แต่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันใด แล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“วิธีการดึงจิตสัมผัสและวิธีการต่อกรกับหอคอยหลากสี ตาเฒ่าจะบอกเจ้าก่อน แต่จะดูดซับไอหุ้นตุ้นอย่างไร กลับต้องให้สหายไปที่เพลิงธรณีน้ำพุเหลืองก่อนถึงจะบอกได้ และรอให้ข้าน้อยได้รับไอหุ้นตุ้นที่ควรได้ส่วนนั้น ตาเฒ่าถึงจะบอกวิธีหลอมไอหุ้นตุ้น จุดนี้สหายหานคงไม่มีความเห็นสินะ”

“อันใด การหลอมไอหุ้นตุ้นมีความพิเศษอย่างไรหรือ?” หานลี่ได้ยินพลันใจหายวาบ แล้วอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“ไอหุ้นตุ้นในป้อมผนึกมารคือไอวิญญาณระดับใด วิธีการหลอมปกติจะมีผลได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าตาเฒ่าโอ้อวด แม้ว่าในบรรดาบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รู้เคล็ดวิชาการหลอมไอนี้ก็มีแค่ไม่ถึงสามคน” เชอฉีกงสั่นศีรษะ แล้วเอ่ยอย่างทระนงองอาจ

หลังจากที่หานลี่ได้ยินแล้วก็เงียบขรึมไปเนิ่นนาน สุดท้ายถึงได้พยักหน้าอย่างจนปัญญา

“ตามคำพูดของท่านอาวุโสก็แล้วกัน ร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงผู้นั้นอยู่ห่างจากข้าไม่มากนัก รอให้ข้าน้อยไล่เจ้านี้ไป ก็จะพาท่านอาวุโสไปที่เพลิงธรณีน้ำพุเหลืองทันที”

“หึๆ สหายหานเลือกเช่นนี้เป็นการกระทำที่ชาญฉลาดมาก ข้ามีคัมภีร์หยกที่คัดลอกมาม้วนหนึ่ง เคล็ดวิชาลับและวิธีการถูกบันทึกเอาไว้ในนั้นแล้ว สิ่งนี้ไม่อาจเอาออกมาจากป้อมผนึกมารได้ สหายจดจำมันไปก็แล้วกัน” เชอฉีกงหัวเราะน้อยๆ ออกมา สะบัดแขนเสื้อ คัมภีร์หยกสีดำพุ่งออกไป

“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่กรุณา”

หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ มือหนึ่งกวักเรียกดูดคัมภีร์หยกเข้ามาในมือ และแตะอยู่ที่หน้าผาก สีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

ชายชรายืนนิ่งอยู่ที่เดิม

หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา ก็พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาแล้วเลื่อนคัมภีร์ออกจากหน้าผาก จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็ออกแรง ชั่วขณะนั้นลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วระเบิดออก

“ชนรุ่นหลังจำเคล็ดวิชาลับและวิธีได้ขึ้นใจแล้ว ที่แท้การต่อกรกับหอคอยหลากสีคาดไม่ถึงว่าจะต้องใช้สมบัติประเภทห้วงเวลาเช่นเดียวกัน ทว่าสมบัติประเภทนี้มีไม่มากนัก แม้ว่าในมือของชนรุ่นหลังจะมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่สองสามชิ้น แต่ไม่รู้ว่าจะสมบัติระดับนี้มีเงื่อนไขอย่างไร ยันต์วิเศษประเภทเดียวกันจะมีผลหรือไม่” หานลี่เอ่ยถามอย่างมีแผนการ

“หอคอยหลากสีคือสมบัติสวรรค์ทมิฬชำรุด ใช้สร้างผลกระทบต่อสมบัติประเภทห้วงเวลา แน่นอนว่ายิ่งอานุภาพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทว่าในเมื่อแค่อยากยื้อเวลา ไม่ว่าสมบัติจะระดับต่ำหรือสูง ขอแค่พวกมันระเบิดตัวเองออก ล้วนมีผลกระทบต่อการสำแดงของเขาไม่น้อย หากมียันต์ที่มีผลกระทบกับห้วงเวลา ย่อมมีผลเช่นกัน” เชอฉีกงหัวเราะหึๆ ขณะเอ่ย

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ชนรุ่นหลังก็วางใจแล้ว อย่าเสียเวลาเลย ข้าน้อยจะกลับไปข้างนอกแล้วบีบให้ร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงถอยออกไปแล้วค่อยว่ากัน ใช่แล้ว เกือบจะลืมไป ร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงและร่างแยกที่สิงร่างนั้นไม่เหมือนกัน หลังจากสิงร่างแล้ว ไม่เพียงพลังปราณจะเพิ่มขึ้น แม้แต่อานุภาพของสมบัติสองชิ้นก็ดูเหมือนจะกระตุ้นได้จนถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าจิตสัมผัสลงมาจุติโดยทั่วไปแล้วจะไม่อาจทำเรื่องนี้ได้สินะ และยิ่งไปกว่านั้นคาดไม่ถึงว่าร่างแยกนี้จะแบ่งเป็นสามสร้างร่างแยกอีกสองตนขึ้นได้ ท่านอาวุโสรู้หรือไม่ว่ามันคืออิทธิฤทธิ์ใด?” หานลี่พลันนึกอันใดขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยถามชายชรา

“อันใด มีเรื่องเช่นนี้ด้วย แถมยังสร้างร่างแยกอื่น มันเป็นไปไม่ได้! หากจิตสัมผัสข้ามแดนลงมาจุติก็ไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้” เชอฉีกงหุบยิ้มบนใบหน้า แล้วเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

“ชนรุ่นหลังเองก็รู้สึกว่ามีลับลมคมใน เพราะว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซวี่ยกวงมีร่างแยกที่อยู่ใกล้กับกองทัพบัญชาการของเผ่ามารแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมีจิตสัมผัสลงมาจุติอีก และยังมีอิทธิฤทธิ์ร้ายกาจเช่นนี้ หากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์แดนมารของพวกท่านมีอิทธิฤทธิ์มากมายเช่นนี้ เกรงว่าเผ่าต่างๆ ของพวกเราในละแวกนี้คงถูกเผ่ามารของพวกท่านโจมตีจนพ่ายแพ้แล้ว” หานลี่เอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าจะงงงวยเช่นกัน

“หึ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ตนอื่นๆ ไม่มีเคล็ดวิชานี้ ให้ตาเฒ่าคิดให้ละเอียด ข้าเหมือนจะเคยได้ยินอิทธิฤทธิ์เช่นนี้มาจากที่ใด แต่เวลามันนานมาแล้วจึงไม่อาจนึกได้ในทันที” เชอฉีกงมีสีหน้าตกตะลึง ดวงตาทั้งสองข้างพลันหรี่ลงเป็นเส้นตรงขณะเอ่ย

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset