“นี่คือยอดเขาทรายเหล็ก! ดูแล้วพิเศษจริงๆ ไอมารหนาแน่นกว่าที่อื่น เกรงว่าที่นี่คงเป็นแหล่งกำเนิดของอสูรมารจำนวนไม่น้อยสินะ” หานลี่ยืนอยู่ตรงส่วนหน้าของสำเภาเหาะ มองยอดเขาที่อยู่ไกลลิบๆ แล้วเอ่ยพึมพำด้วยท่าทีครุ่นคิด
“เดิมเผ่าหงส์มรกตก็เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาควบคุมอสูร ยอดเขาทรายเหล็กเป็นหนึ่งในที่พำนักของเผ่ามัน สามารถสร้างอสูรมารให้แก่เผ่าหงส์มรกตไม่หยุด มิเช่นนั้นคนในเผ่ามีไม่มากจะควบคุมพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร” หญิงสาวสวมชุดขนนกยืนอยู่ด้านหลังหานลี่ แล้วเอ่ยปากต่อ
“เคล็ดวิชาควบคุมอสูร เผ่าหงส์มรกตอาศัยพลังภายนอก เกรงว่าพลังยุทธ์คงไม่เท่าไหร่” หานลี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เผ่าหงส์มรกตทั่วไปอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าหลักในแผนของพวกเรา เกรงว่าคงไม่อ่อนแอ ถึงอย่างไรเสียชีพจรโลหิตหงส์มรกตก็มีชื่อเสียงไม่หลอกลวง” หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยิน กลับเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
“ในเมื่อพวกเราต่อสู้ได้แม้กระทั่งร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ชนเผ่าหลักเหล่านั้นมีฝีมืออันใดก็คงไม่มีค่าอันใด กลับเป็นวิธีการอยู่อาศัยของเผ่าหงส์มรกตที่มีปัญหา คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันเป็นหมู่บ้าน หากอยากจะหาเป้าหมายที่เหมาะสมในการลงมือก็ยุ่งยากหน่อย” หานลี่ยังคงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“เป็นเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือพวกเราไม่อาจรั้งรออยู่ที่นี่นานได้ มากสุดก็ใช้เวลาได้แค่สองสามเดือน มิเช่นนั้นจะไปรวมตัวไม่ทัน” หญิงสาวสวมชุดขนนกรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“ขอแค่ไม่โชคร้ายนัก หนึ่งเดือนก็น่าจะเพียงพอ และยิ่งไปกว่านั้นท่านเซียนไม่ได้พกอาวุธสัมผัสวิเศษมาหรือ ขอแค่เข้าใกล้เป้าหมายในระยะสิบลี้ ย่อมสัมผัสได้” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“กล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่ชนเผ่าหลักของเผ่าหงส์มรกตจะต้องถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา เกรงว่าคงไม่อาจเข้าใกล้ได้ง่ายๆ หากพบกับหมู่บ้านขนาดใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจจะทำได้เพียงเสี่ยงแอบเข้าไปเท่านั้น” หญิงสาวสวมชุดขนนกเผยท่าทีขบคิดเอาไว้ตั้งนานออกมา แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ขอแค่ดวงไม่แย่จนเข้าไปยังที่ที่บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลิงหยวนนั่งบัญชาการอยู่ เจ้ากับข้าแอบเข้าไปในหมู่บ้านก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง น่าเสียดายไม่ทราบว่าร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลิงหยวนซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่ มิเช่นนั้นขอแค่หลบหลีกไปให้ไกล ความเสี่ยงก็ลดลงแล้ว” หญิงสาวสวมชุดขนนกเอ่ยอย่างรู้สึกเสียใจเล็กๆ
“ผู้แซ่หานเองก็หวังว่าจะไม่ไปรบกวนร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ลิขิตสวรรค์ ในเมื่อพวกเราอยากได้ประโยชน์จากแผนการนี้ เสี่ยงหน่อยก็เป็นเรื่องที่สมควร ถึงอย่างไรเสียในใต้หล้าก็ไม่มีอาหารกลางวันให้กินฟรีอยู่แล้ว” หานลี่เอ่ยอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“จุ๊ๆ หากมีแค่น้องคนเดียวย่อมขี้ขลาด แต่หากมีพี่หานคอยช่วย ก็คงไม่เป็นไร ยามนี้พวกเราเข้าไปในยอดเขาทรายเหล็กกันเถิด แต่ยามที่เข้าไปไม่อาจควบคุมอาวุธมารชิ้นนี้ได้ เจ้ากับข้าทำได้เพียงต้องแอบเข้าไป” หญิงสาวสวมชุดขนส่งเสียงจุ๊ๆ ออกมาพลางประจบหานลี่หนึ่งประโยค แล้วเอ่ยพลางชี้ไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” หานลี่พยักหน้าย่อมไม่มีความเห็นใด และชิงบินลงจากสำเภาเหาะไป
ส่วนหญิงสาวสวมชุดขนนกพลันร่ายอาคม ชั่วพริบตาสำเภาเหาะใต้ฝ่าเท้าก็หดเล็กลงท่ามกลางลำแสงสีดำ จนมีขนาดเท่าฝ่ามือบินเข้ามาในมือของนาง
หลังจากที่ทั้งสองคนปรึกษาอันอีกครั้ง ก็แยกกันเป็นสายรุ้งสองสายบินเข้าไปในยอดเขาที่อยู่ไกลออกไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ทั้งสองก็หายไปจากยอดเขาอย่างไร้ร่องรอย
……
ห้าวันต่อมาหานลี่ก็บินผ่านสองฝั่งของหุบเขาที่สูงชันไป ลำแสงหลีกหนีรวดเร็วมาก และยิ่งไปกว่านั้นยังรางเลือน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมายี่สิบสามสิบจั้ง
รอบๆ ไม่มีเงาของลำแสงหลีกหนีอีก หญิงสาวสวมชุดขนนกก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเขา
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในยอดเขาแล้วต่างก็แยกกันปฏิบัติการ
หลังจากนั้นไม่นานปลายยอดเขาอีกด้านกลับเห็นหานลี่บินแฉลบผ่านไปรางๆ ฉับพลันนั้นภายในถ้ำหินสองสามแห่งตรงสองฝั่งของหน้าผาก็มีเสียงเพรียกที่ยากจะฟังดังขึ้น
จากนั้นวิหคมารขนาดยักษ์สีเขียวมรกตสิบกว่าตัวก็บินออกมา และกระโจนลงไปหาหานลี่อย่างดุดัน
วิหคมารเหล่านั้นสยายปีกออกมา ขนาดประมาณห้าหกจั้ง เปลวเพลิงสีเหลืองเข้มในดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย ราวกับว่าเป็นอีแร้งหัวโล้นขนาดยักษ์กว่าปกติยี่สิบสามสิบเท่า
หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่พลันยกแขนข้างหนึ่งขึ้น นิ้วทั้งห้าร่ายออกไป
พริบตานั้น!
เสียง ‘พรึ่บ’ พลันระเบิดออกมา เส้นไหมสีเขียวห้าเส้นพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว เผชิญหน้ากับวิหคมารฝูงนั้นเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
วิหคมารสิบกว่าตัวระเบิดเสียงกรีดร้องออกมา ร่างกายกลายเป็นฝนโลหิตโปรยปรายลงมา
ลำแสงหลีกหนีสีเขียวกลับเปล่งแสงสว่างวาบไปก่อนแล้ว ไม่มีกลิ่นคาวโลหิตแปดเปื้อนเลยสักนิด
……
ใกล้ๆ กับหุบเขาที่ค่อนข้างซ่อนเร้นอยู่แห่งหนึ่ง หญิงสาวสวมชุดขนนกกำลังแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในป่าลึกด้านนอกหุบเขา แล้วมองไปยังทางเข้าหุบเขาอย่างเงียบๆ
ตรงทางเข้าของหุบเขามีต้นไม้พุ่มหญ้าสูงเกือบสองตัวคนดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผู้คน รกร้างมาก
แต่หญิงสาวสวมชุดขนนกกลับมองปราดเดียวก็ตะลึงงันอยู่นาน และยิ่งไปกว่านั้นดวงตายังไม่กะพริบ ราวกับว่าเห็นสิ่งที่น่าสนใจมากอย่างไรอย่างนั้น
ฉับพลันนั้นเหนือทางเข้าหุบเขาก็มีระลอกคลื่นรางๆ ระลอกคลื่นไร้รูปร่างคลี่ตัวออกมา เผ่ามารติดปีกสวมชุดหนังสองตนปรากฏขึ้น
เผ่ามารทั้งสองพิจารณารอบด้านอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นทางเข้าหุบเขาไม่มีความผิดปกติใดๆ ก็สะบัดปีกทั้งสองข้างบินไปอย่างวางใจ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นดวงลำแสงสีดำสองกลุ่มหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นฉากนี้หญิงสาวสวมชุดขนนกก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ใบหน้างดงามดุจบุปผา แต่ทันใดนั้นมือหนึ่งก็ร่ายอาคม ร่างกายอรชรอ้อนแอ้นพลันพลิ้วกายสลายหายไปจากที่เดิม
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ภายในถ้ำลึกลับที่อยู่ห่างจากยอดเขาไปหมื่นลี้เศษ หญิงสาวสวมชุดขนนกใช้ฝ่ามือกดไปที่ศีรษะของเผ่ามารติดปีกคนหนึ่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ใบหน้ามีรัศมีลำแสงห้าสีไหลวนโคจรไปมา กำลังจะสำแดงเคล็ดวิชาลับค้นวิญญาณที่ร้ายกาจ
ส่วนพื้นดินที่อยู่ด้านข้าง เผ่ามารอีกคนหนึ่งกำลังหมอบอยู่บนพื้นด้านล่างนิ่ง ท่าทางไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
หลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วอึดใจ ใบหน้าของหญิงสาวสวมชุดขนนกก็มีรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป นิ้วทั้งห้าคลายออก เผ่ามารในมือร่วงลงกับพื้นราวกับไร้ซึ่งกระดูกก็ไม่ปาน
“คาดไม่ถึงว่าจะมีแค่หมู่บ้านรอบนอกของเผ่าหงส์มรกต และไม่มีชนเผ่าหลักอาศัยอยู่ในนั้น ดูแล้วคงทำได้แค่หาหมู่บ้านอื่นแล้ว ทว่าก่อนหน้านี้ต้องบอกข่าวกับสหายหานก่อน” หญิงสาวสวมชุดขนนกแววตาเปล่งประกายครุ่นคิดอยู่ที่เดิม แล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเองอย่างจนปัญญา
จากนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็แค่ตะปบมือเรียวไปกลางอากาศ ในมือมีจานอาคมสีขาวปรากฏขึ้น นิ้วชี้ไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ฝ่ามือตบลงไปเบาๆ
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ผิวของจานอาคมก็ระเบิดลำแสงสีขาวออกมา ด้านในมีอักษรสีเงินสองสามแถวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
จากนั้นหญิงสาวก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง แววตาสดใสกวาดไปที่มารทั้งสองที่อยู่บนพื้นแวบหนึ่ง ทันใดนั้นความเย็นชาก็ฉายแวบผ่าน
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น
หานลี่ที่บินอยู่กลางอากาศต่ำๆ อย่างเงียบเชียบอีกด้านก็หน้าเปลี่ยนสีสัมผัสอันใดได้ทันที เขาพลิกฝ่ามือในมือมีจานอาคมที่เหมือนกันปรากฏขึ้น ด้านบนมีตัวอักษรสีเงินที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น
หานลี่กวาดสายตาไปบนนั้น มุมปากหยักรอยยิ้มออกมา
ทันใดนั้นลำแสงหลีกหนีก็เปลี่ยนทิศทาง พุ่งอำพรางตัวไปอีกด้าน
……
ครึ่งเดือนต่อมาตรงขอบของแอ่งน้ำเล็กๆ ที่ถูกยอดเขาสามลูกโอบล้อมเอาไว้เป็นสามเหลี่ยม หานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกยืนเคียงไหล่กันอยู่บนกิ่งไม้บนต้นไม้ที่สูงค้ำฟ้า กำลังมองไปยังหมอกสีขาวโพลนใจกลางยอดเขา
หมอกนี้ดูเหมือนจะหนาทึบ แต่หลังจากที่พายุภูเขาปัดมา คาดไม่ถึงว่าจะมีกลิ่นหอมที่อธิบายไม่ถูกโชยมา
“ท่านเซียนเยี่ยมั่นใจได้แล้วว่าที่นี่คือหมู่บ้านควันหอมหนึ่งในสี่ที่ตั้งมั่นของเผ่าหงส์มรกต ไม่ผิดสินะ” มองอยู่ชั่วครู่หานลี่ก็เอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่ผิดแน่ ข้าใช้เคล็ดวิชาค้นวิญญาณกับเผ่าหงส์มรกตสองคนตามลำดับถึงได้รู้ตำแหน่งที่แม่นยำ แต่น่าเสียดายที่พลังยุทธ์ของสองคนนี้ไม่สูงนัก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องในหมู่บ้านหงส์มรกตมากนัก แต่ตามขนาดของหมู่บ้านนี้น่าจะมีชนเผ่าหลักของเผ่าหงส์มรกตอยู่แน่ ทว่าที่นี่ถูกวางเขตอาคมที่ร้ายกาจเอาไว้ หากอยากแอบเข้าไป เกรงว่าคงไม่ง่าย” หญิงสาวสวมชุดขนนกตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้างดงามเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
“อืม ดูจากกลิ่นหอมในม่านหมอกแล้ว ดูแล้วที่นี่คงไม่ผิดแน่ ส่วนวิธีการแฝงตัวเข้าไป ข้าก็พอจะมี ทว่าต้องหาเวลาที่เหมาะสม พวกเรารออยู่ก่อนเถิด” หานลี่ได้ยินก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วเอ่ยอย่างมีแผนการ
“เยี่ยมไปเลย ในเมื่อพี่หานมีวิธี น้องก็จะรอดู” หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยินย่อมดีใจ
หานลี่พยักหน้าไม่ได้เอ่ยอันใดอีก แต่แววตาที่มองไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปกลับฉายแววแปลกประหลาด
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ขอบฟ้าพลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น อสรพิษบินขนาดยักษ์ความยาวสิบจั้งเศษปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า และพุ่งมาที่ยอดเขาอย่างรวดเร็ว
บนหลังของอสรพิษบินขนาดยักษ์มีมารเผ่าหงส์มรกตใบหน้าประดับไปด้วยความยินดีอยู่เจ็ดแปดคน
หนึ่งในนั้นล้นเป็นบุรุษและสตรีวัยเยาว์ แต่ผู้นำกลับเป็นชายชราผมสีดอกเลาคนหนึ่ง แต่ร่างกายกลับแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมารางๆ
“เยี่ยม โอกาสมาถึงแล้ว พวกเราลงมือกันเถิด” หานลี่ที่กำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เห็นเผ่ามารเผ่าหงส์มรกตก็ยืนขึ้นทันที และเอ่ยกับหญิงสาวสวมชุดขนนกอย่างไม่รีบร้อน
หญิงสาวสวมชุดขนนกเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน แต่สายตาที่มองมายังหานลี่ ย่อมแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจ
หานลี่เองก็ไม่ได้อธิบายอันใด มือหนึ่งพลันชูขึ้น ชั่วขณะนั้นพลันพุ่งไปหาหญิงสาว
หญิงสาวสวมชุดขนนกพลันตกตะลึง ตะปบมือออกไปตามจิตสำนึกแล้วก้มหน้าลงมอง
นั่นคือยันต์วิเศษสีม่วงแผ่นหนึ่ง
ยามนี้หานลี่ถึงได้เอ่ยอย่างเย็นชา
“สหายกระตุ้นยันต์วิเศษแผ่นนี้ ตามอยู่ด้านหลังคนเหล่านั้น แล้วแฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้าน ขอแค่หมู่บ้านควันหอมไม่มีเขตอาคมต้องห้ามพิเศษในตำนาน ก็ไม่มีทางเปิดเผยร่องรอยแล้ว แต่สหายจงจำไว้ หลังจากที่กระตุ้นยันต์แล้ว อย่าใช้อิทธิฤทธิ์อื่นเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ยันต์ไร้ผล”
สิ้นเสียงหานลี่พลันตะปบมือไปกลางอากาศ ในมือมียันต์วิเศษที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วปรากฏขึ้น และตบไปบนเรือนร่างอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของหญิงสาวสวมชุดขนนก ชั่วพริบตาพลันระเบิดลำแสงสีม่วงออกมา ในเวลาเดียวกันบรรยากาศรอบๆ ก็มีอักขระยันต์สีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา และกลายเป็นหมอกสีม่วงอ่อนห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้ข้างใน