มังกรเขาเดียวสามเศียรที่ลอยวนอยู่ใต้เท้าของเด็กหนุ่มชุดดำอยู่แต่เดิม ตอนนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในท้องฟ้าเหนือสระน้ำแล้ว
ไม่รู้ว่าถูกทำลายไปจากผลกระทบของระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อครู่เหมือนกัน หรือถูกเด็กหนุ่มชุดดำชิงใช้วิชาลับเก็บขึ้นก่อน
“เฮอะ ไม่นึกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์กระจ้อยร่อยคนหนึ่ง ก็สามารถถอยทั้งร่างออกขณะเกิดระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อครู่ได้ เห็นทีข้ายังคงดูเบาไปหน่อย แต่คนอื่นๆ ล้วนทิ้งชีวิตไว้ที่นี่กันหมด เจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้นหรอก ข้าจะเก็บชีวิตน้อยๆ ของเจ้าด้วยมือข้าเอง”
เด็กหนุ่มชุดดำเหล่ตามองบาดแผลด้านข้างของร่างที่กำลังฟื้นคืนกลับดังเดิม แล้วจึงเหลือบมองหานลี่อย่างเย็นชา ก่อนพูด
“ถ้าผู้น้อยดูไม่ผิด เมื่อครู่ขณะป้องกันตัว ท่านสูญเสียพลังปราณไปมากกว่าผู้น้อยเยอะ บวกกับเลือดเนื้อที่เพิ่งฟื้นฟูมา กำลังภายในน่าจะมีไม่ถึงหนึ่งในสามของก่อนหน้านี้”
หานลี่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนตอบอย่างสงบนิ่ง
“ต่อให้เป็นเช่นนี้แล้วไง! ภายใต้กริชอาคมทมิฬของข้า เจ้ายังนึกจริงๆ หรือว่าอาศัยพลังของเจ้าเพียงคนเดียว จะยังโชคดีหนีรอดไปได้หรือ รวมทั้ง แนวป้องกันของหุบเขาถูกทำลายลงแล้ว พอข้าดูดซับไอมารจากภายนอกได้ พลังคงไม่เหมือนก่อนหน้านี้อีก”
พอเด็กหนุ่มชุดดำได้ยิน ก็ไม่โกรธ กลับหัวเราะออกมา กระบี่ยักษ์สีดำในมือฟันไปยังที่ว่างด้านหน้าทันที
เสียงดังแหวกอากาศ!
แสงกระบี่สีดำสนิทยาวร้อยกว่าจั้งสายหนึ่งส่งเสียงคำรามขณะพุ่งม้วนตัวขึ้นไปบนฟ้าอย่างดุดัน
หานลี่เห็นดังนี้ สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ความคิดพลันเปลี่ยน พอแสงสีทองที่ด้านหลังวาบ รูปกายสีทองสามเศียรหกกรก็ปรากฏอีกครั้ง แล้วจึงแกว่งแขน เหมือนกำลังจะทำท่าอะไรบางอย่าง
แต่ตอนนี้เอง บนท้องฟ้าใกล้ๆ กันกลับมีเสียงอันไพเราะเสนาะหูของสตรีดังมา
“นึกไม่ถึงว่า ไม่ได้เจอกันนานหลายปี สหายหยวนเหยี่ยนกลับยังคงโอ้อวดถึงเพียงนี้ ตอนนี้ข้ามาถึงเกาะนี้แล้ว หรือคิดจะสังหารข้าไปด้วย”
สิ้นเสียง แสงกระบี่สีดำก็ยิ่งม้วนตัวสูงขึ้นอีก กลีบดอกไม้สีชมพูหนึ่งกลีบปะทุออก พอม้วนกลีบ ก็ควบแน่นเป็นดอกไม้ยักษ์สีชมพูขนาดหนึ่งหมู่ดอกหนึ่ง หมุนรอบตัวไม่หยุด
กลิ่นหอมฉุนของดอกไม้กระจายออก อักขระยันต์สีชมพูนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดๆ ออกจากดอกไม้ยักษ์
แสงสีดำสนิทวาบ แสงกระบี่ยักษ์ถูกดอกไม้ยักษ์ดูดเข้าไปกลางอากาศ
หลังจากดอกไม้ยักษ์สีชมพูกะพริบถี่ ก็เปลี่ยนจากขนาดมหึมา เป็นขนาดเล็กไม่กี่จั้ง
กลีบดอกสั่นน้อยๆ เกสรดอกเกิดความผันผวน เงาคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง
คนหนึ่งสวมชุดกระโปรงขาวลอยพลิ้วออกจากฝุ่น อีกคนหนึ่งสวมชุดเกราะสีดำดุดัน หน้าตาน่าเกลียด!
ซึ่งก็คือบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวา กับจระเข้ดำ!
“เป็นเจ้า!”
พอบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนเห็นสตรีชุดขาว พลันตกใจยิ่ง ร้องเสียงหลงออกมา ไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งได้อีก ดวงตาคลับคล้ายมีแววหวาดกลัวขึ้นวาบ
“ดูเหมือนสหายหยวนเหยี่ยนยังไม่ลืมข้า แต่หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน การบำเพ็ญเพียรของเจ้าก็ไม่เห็นจะก้าวหน้าไปถึงไหน เห็นทีสหายหยวนเหยี่ยนยังไม่สามารถเพาะต้นหญ้าวิญญาณที่อยากได้ออกมา”
ตาสวยของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวาเปล่งประกายขณะพูดกับเด็กหนุ่มชุดดำอย่างไม่อินังขังขอบ
ขณะนี้ หานลี่ที่เห็นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวาปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แต่หลังจากกลอกตาไปมา กลับวางแขนที่ยกขึ้นเล็กน้อยลงอีกครั้ง
หลังจากเข้ามาในแดนมาร เขาก็รู้สึกบอกไม่ถูก คลับคล้ายมีอะไรบางอย่างคอยจับตาดูการเดินทางของตนเองและกลุ่มคนอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ว่าจะใช้ดวงตาวิญญาณหรือพลังจิตสำรวจดู ผลที่ได้ก็ล้วนไม่มีอะไรเสมอ อีกทั้งพวกบรรพชนตระกูลหล่งก็ไม่พบเห็นอะไรเช่นกัน จึงได้แต่สงสัยและเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
ซึ่งพอเห็นการปรากฏตัวของสตรีชุดขาว เขาย่อมได้สติขึ้นบ้าง
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนไม่สนใจหานลี่แล้ว เอาแต่จ้องมองสตรีชุดขาวไม่วางตา หลังจากเปลี่ยนสีหน้าไปมาไม่หยุดชั่วขณะ ท่าทีชั่วร้ายพลันวาบ จึงว่า
“เป่าฮวา เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าดียังไงถึงได้เข้ามาในแดนมาร ข้าต้องพูดคำว่า นับถือ แล้ว”
“แล้วทำไมถึงไม่กล้าเข้ามาในแดนมารล่ะ หรือยังกลัวเจ้ากับลิ่วจี๋จะร่วมมือกัน? ก่อนที่เจ้าจะมา ข้าก็ขึ้นฝั่งแล้ว แถมยังได้ดูละครดีๆ ตั้งแต่ต้นจนจบอีก”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวายกมือหยกขึ้นลูบเส้นผมสีเขียวประบ่า พลางตอบกลับอย่างสงบนิ่งยิ่ง
“พูดเช่นนี้ เจ้าเป็นคนล่อคนจากแดนวิญญาณเหล่านี้มาที่นี่สินะ” เด็กหนุ่มกะพริบตาเล็กน้อย
“ไม่ถึงกับล่อหรอก เพียงปล่อยให้เป็นไปตามน้ำเท่านั้น ข้าก็นึกไม่ถึงว่า พวกเขาจะมีหุ่นเซียนปลอมตัวหนึ่ง กระทั่งราชาวิญญาณยังส่งจิตแบ่งสองส่วนไว้ในนั้นด้วย ตอนนี้ดูไปแล้ว ก้าวนี้กลับเดินไม่ผิด เจ้าบาดเจ็บด้วยน้ำมือของพวกเขาไม่น้อยทีเดียว” เป่าฮวาพูดเรียบๆ
“เฮอะ ถ้าไม่ได้อยู่ในเกาะวิญญาณรันทด ที่อิทธิฤทธิ์และสมบัติวิเศษข้าใช้ไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะบาดเจ็บเพราะระเบิดฆ่าตัวตายของคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งหรือ เป่าฮวา เจ้าก็ไม่ต้องมาทำเป็นอวดดีอะไรหรอก คำสาปโลหิตนิทราอาถรรพ์บนร่างเจ้า ตอนแรกข้าเป็นคนร่ายเข้าไปเอง ต่อให้เจ้ามีกายมารแท้ ก็ไม่มีทางฟื้นคืนพลังได้เหมือนเดิมอีก อิทธิฤทธิ์ทั้งร่างเจ้าในตอนนี้ มีเพียงสองสามส่วนของตอนแรกสินะ อีกอย่าง ต่อให้เจ้าอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดๆ หรือยังสามารถสังหารข้าได้จริงๆ”
เด็กหนุ่มชุดดำแค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง ก่อนพูดอย่างน่าหวาดหวั่น
“เจ้าพูดไม่ผิด! ตอนแรกข้าไม่เพียงถูกพิษของลิ่วจี๋ ยังถูกเจ้าใช้คำสาปโลหิตนิทราอาถรรพ์ลอบทำร้ายอีก พลังยุทธ์กว่าครึ่งล้วนต้องใช้กดอาการบาดเจ็บไว้ แต่เจ้านึกว่า ถ้าข้าไม่มีความมั่นใจเลย จะปรากฏตัวที่นี่ไหม”
สตรีชุดขาวตอบกลับคร่าวๆ
“ต่อให้เจ้ามีฝีมืออะไรที่สู้ตายกับข้าได้ แต่อย่าลืมว่า มหายุทธ์นิทราอาถรรพ์ที่ข้าฝึกมีโลหิตเจ็ดหยดอันยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณดั้งเดิมอยู่ ต่อให้สูญเสียจิตวิญญาณหลักในตอนนี้ไป อีกไม่นาน หยดโลหิตอื่นๆ ของจิตวิญญาณดั้งเดิมจะเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณหลักไปเอง เจ้าก็แค่เสียเวลาเปล่าๆ เท่านั้น”
ใบหน้าของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนแม้กระตุกเล็กน้อย แต่ก็รีบเปิดเผยความจริงที่โหดร้ายออกมา
ปากพูดออกมาง่ายๆ แต่ในคำพูดเห็นชัดว่าเขาเกรงกลัวเป่าฮวาอยู่มาก
“จากฝีมือของข้าในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางทำลายหยดโลหิตจากจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ทั้งหมด แต่ถ้าสูญเสียจิตวิญญาณหลักไป ถึงซ่อมแซมใหม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้ายังมีความมั่นใจสักกี่น้ำ ที่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติแห่งมารฟ้าครั้งต่อไปได้” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวายิ้มน้อยๆ ก่อนถามกลับ
“ถ้าข้าหนีไม่พ้นภัยพิบัติแห่งมารฟ้าครั้งต่อไป ก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้ามีชีวิตที่ดีต่อแน่ อย่างมากข้าก็ใช้กายแท้ไปจุติในแดนวิญญาณ แล้วค่อยล่าสังหารเจ้าจนสุดหล้าฟ้าเขียวด้วยตัวเอง!”
เมื่อได้ยินดังนี้ เด็กหนุ่มชุดดำก็รักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าไม่ได้อีก แผดเสียงดังออกมา
“กายแท้จุติ พูดน่ะง่าย แต่ไม่กลัวว่าจะถูกพวกผู้เฒ่าประหลาดในแดนวิญญาณร่วมมือกันสังหารกายแท้ของเจ้าหรือ ถ้าไปจุติได้ง่ายๆ ข้าทำไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
เป่าฮวาหัวเราะเบาๆ มุมปากมีเจตนาเย้ยหยันขณะพูด
“เป่าฮวา เจ้าผิดแล้ว ตอนนั้นที่เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าสามบรรพชนผู้บุกเบิกที่ยิ่งใหญ่ จะทำไม่ได้เช่นเดียวกับเจ้า”
หลังจากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง กลับหัวเราะเย็นชาออกมาก่อนพูด
“อ้อ มีเรื่องแบบนี้ด้วย เห็นทีไม่ได้เจอกันหลายปี พวกเจ้าสามคนมีชื่อเสียงบ้างแล้วจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้ที่ข้าเข้ามาในแดนมาร ไม่ได้มาเพราะเจ้าอยู่แล้ว เรื่องในตอนนั้น ถ้าสืบให้ถึงที่สุด ผู้ที่มีความแค้นอันใหญ่หลวงกับข้ามีเพียงลิ่วจี๋คนเดียวเท่านั้น เจ้าอย่างมากก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น ตอนนั้นถ้าเปลี่ยนจากเจ้าเป็นข้า ก็ต้องลงมือลอบกัดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยเช่นกัน ดังนั้นถ้ายังไม่ได้สังหารลิ่วจี๋ ข้าก็ไม่มีความคิดที่จะมาสู้ตายกับเจ้าหรอก”
เป่าฮวามีสีหน้าเคร่งขรึมลง กลับพูดเช่นนี้ออกมาทันที
“พูดจริงหรือเปล่า” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนนึกเฉลียวใจ แต่ใบหน้ายังคงเย็นชาขณะพูด
“ตอนนั้นการบำเพ็ญเพียรของข้าแม้ชนะเจ้ายกหนึ่ง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าไม่ปล่อยเจ้าไว้ ราคาที่ต้องจ่ายก็มากเกินไปนิด สำหรับการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้า เป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย ข้าสามารถเอ่ยคำสาบานแห่งมารฟ้าต่อหน้าเจ้า ขณะที่พลังยุทธ์ยังไม่ฟื้นคืน จะไม่ลงมือกับเจ้า” เป่าฮวาส่ายหน้าก่อนพูด
“เมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้เจ้ามาที่นี่มีเจตนาอะไร อย่าบอกนะว่า แค่มาดูสภาพแย่ๆ ของข้า”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนทำหน้าอึ้ง แปลกใจอยู่บ้าง
“ถ้าเจ้าไม่มีกริชอาคมทมิฬเล่มนี้อยู่กับตัว ข้าก็อาจมีความคิดอื่นจริงๆ แต่ตอนนี้หรือ ข้ามาเพียงเพราะคนผู้นี้”
สตรีชุดขาวพูดช้าๆ แล้วยกแขนขึ้น นิ้วหยกชี้ไปที่หานลี่
หานลี่ที่กำลังฟังการสนทนากันของสองบรรพชนมารยุคบุกเบิกผู้ยิ่งใหญ่อย่างเงียบๆ ในระยะไกล พอเห็นภาพนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนอย่างแรง ร้องเสียงดัง “แย่แล้ว”
เงาร่างสามเศียรหกกรที่อยู่ด้านหลังวาบทันที กลายเป็นร่างสีทองขนาดใหญ่กั้นขวางอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ขณะเดียวกัน หานลี่พลันยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ฝ่ามือกางนิ้วทั้งห้าออก
‘ตุบ’ เสียงทึบตันดัง
พอร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สั่น ทรวงอกส่วนหนึ่งก็ยุบลงทันที แสงสีขาววาบ กลับมีหลุมขนาดเท่ากำปั้นเพิ่มขึ้นหนึ่งหลุม การจู่โจมอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าทะลุผ่านด้านบน พุ่งมาถึงร่างเดิมของหานลี่
พอหานลี่เห็นร่างทองมีสภาพเช่นนี้ ก็ส่งเสียงคำรามต่ำอย่างไม่ต้องคิดทันที แขนปล่อยแสงสีเขียวคล้ำเจิดจ้าในพริบตา นิ้วทั้งห้าที่กางออกยื่นออกไปรับตรงๆ
หลังจากเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น ด้านหน้าของหานลี่ก็ระเบิดความผันผวนอย่างรุนแรงขุมหนึ่งออก แล้วม้วนตัวไปในทุกทิศทุกทางอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกัน พายหมุนสีเขียวขมุกขมัวลูกหนึ่งก็พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า
สตรีชุดขาวขมวดคิ้วที่วาดไว้!
การจู่โจมเมื่อครู่ แทบจะใช้พลังยุทธ์ที่ใช้ได้ของนางไปแปดส่วน เป็นการลงมือที่ไร้ขีดจำกัดใกล้เคียงกับระดับมหาเมธีแล้ว กลับยังถูกหานลี่รับไว้ดื้อๆ นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางจริงๆ
อย่างไรตามความคิดเดิมของนาง หานลี่แม้มีอิทธิฤทธิ์ไม่อ่อนด้อย แถมบนร่างยังมีสมบัติวิเศษที่ลึกล้ำสุดๆ อยู่หลายชิ้น แต่ระเบิดฆ่าตัวตายของหุ่นเซียนปลอมก่อนหน้านี้ ก็น่าจะใช้ฝีมือทุกอย่างจนหมดแล้ว พอจู่โจมด้วยพลังทั้งหมดในคราวเดียว ก็ควรประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย
แต่นางในฐานะหนึ่งในสามบรรพชนยุคบุกเบิกผู้ยิ่งใหญ่รุ่นก่อน ย่อมมิได้มีฝีมือเพียงหยิบมือเดียวเช่นนี้จริงๆ หลังจากถอนหายใจออกมาเบาๆ มือหยกเรียวยาวข้างหนึ่งก็พลิกกลับทันที
ใจกลางฝ่ามือเปล่งแสงสีชมพูออกมาผืนหนึ่ง ดอกตูมกระจ่างใสสีชมพูค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เป่าฮวาชายตามองหานลี่ ข้อมือขยับเล็กน้อย คิดจะโยนดอกตูมออก แต่ถัดมา สีหน้านางพลันเปลี่ยน วัตถุในมือจู่ๆ ก็ไม่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าแล้ว
เห็นเพียงพายุหมุนสีเขียวที่อยู่ไกลออกไปลูกนั้น พลันสลายหายหมด เผยให้เห็นหานลี่ ที่ยังคงยกแขนข้างหนึ่งขึ้น กั้นขวางอยู่ตรงหน้า
ทว่าหานลี่ในตอนนี้ ใจกลางฝ่ามือข้างที่นิ้วทั้งห้าแยกออก กลับมีเงากระบี่ที่หดขยายไม่หยุดเพิ่มขึ้นหนึ่งสาย!