เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ของหานลี่ทำให้คนขุดแร่ทั้งสามคนประหลาดใจ
หลังจากที่ทั้งสามคนมองสบตากันชั่วครู่ สายตาของคนที่เหลืออีกสองคนก็มองไปที่คนขุดแร่ที่อยู่ตรงกลาง
นี่จึงทำให้เผ่ามารผู้นั้นหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง อดที่จะร้องว่าแย่แล้วในใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนพวกนี้ไม่อยากพูดเรื่องนี้ กว่าครึ่งคงไม่อาจปิดบังต่อไปได้
ดังนั้นคนขุดแร่ผู้นี้ก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา แล้วทำได้เพียงตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
“ก่อนที่เหมืองจะถูกทำลาย ทองคำมารที่พบถูกขุดไปหมดแล้ว แต่พวกเราสามคนติดอยู่ที่นี่หลายวัน เพราะอยากหาทางออกจึงขุดมั่วๆ ผลคือบังเอิญเจอทองคำมารด้วยความบังเอิญ ทว่าจากพลังของพวกเราสามคนจึงไม่อาจขุดออกมาได้ ทำได้เพียงนำหินแตกๆ และโคลนมาผนึกจุดที่พบเอาไว้ หากใต้เท้าสนใจข้าน้อยจะพาใต้เท้าไปดู”
“ยังมีทองคำมารที่ยังไม่ถูกขุดจริงๆ เจ้าพวกนั้นอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ แค่รู้สึกว่าไม่ควรยืดเวลาออกไป ไม่กล้าสืบหาที่นี่ต่ออีกก็พอแล้ว ก็ดีพวกนี้ถือว่าข้าได้ประโยชน์ ทว่าก่อนหน้านั้นพาข้าไปดูจุดที่เกิดเหตุก่อน” หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา แล้วออกคำสั่ง
“ขอรับ ใต้เท้า!” คนขุดแร่ตรงกลางประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รีบตอบรับอย่างไม่กล้าขัดขืนเลยสักนิด
จากนั้นคนขุดแร่ทั้งสามก็โบกมือส่งสัญญาณให้หานลี่ แล้วยืนขึ้นพร้อมกับตัวที่สั่นงันงก แล้วนำทางออกจากถ้ำ
ครึ่งชั่วยามหานลี่ก็ดูจุดที่ต้องการดูทั้งหมดเสร็จ แม้กระทั่งเส้นใหม่ที่ถูกปิดเอาไว้ก็ถูกทั้งสามคนชี้บอก
“เยี่ยมมาก ในเมื่อพวกเจ้าพูดความจริง ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า!” สุดท้ายหานลี่ก็เผยสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะเอ่ย แล้วสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นรัศมีสีเขียวก็ม้วนวนออกมา
คนขุดแร่สามคนรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ รู้สึกวิงเวียน คนก็มาปรากฏอยู่ห่างจากจุดที่พังทลายไปแค่คืบ
ยามนี้ด้านข้างมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่ถึงได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
คนขุดแร่ทั้งสามเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจระคนหวาดกลัว ไม่รู้ว่าหานลี่จะส่งพวกเขาออกไปตามที่สัญญากันจริงหรือไม่
แต่หานลี่กลับไม่มองสามคนนั้นยกมือขึ้น นิ้วทั้งห้ากางออกชี้ไปที่กองหินแตะๆ ที่ปิดทางอยู่ แล้วเอ่ยคำว่า “ระเบิด” ออกมาเบาๆ
ครู่ต่อมาใจกลางฝ่ามือก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ ลูกบอลลำแสงสีทองปรากฏขึ้นในพริบตา
เสียงอึกทึกดังขึ้นลูกบอลลำแสงกลายเป็นเสาลำแสงที่เจิดจ้าพุ่งออกมา
หลังจากเสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นพายุร้อนระอุพลันกรูออกมา
หินแตกๆ มีทางเดินเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งปรากฏขึ้น รอบด้านล้วนกลายเป็นสีแดง แต่ยามนั้นกลับเย็นจนเปลี่ยนเป็นสีออกดำ
“ข้าเปิดทางให้แล้ว พวกเจ้าเดินออกไปตามทางเถิด” หานลี่กวาดตามองคนขุดแร่ทั้งสามแวบหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ จากนั้นร่างกายก็รางเลือน แล้วหายวับไปจากที่เดิม
คนขุดแร่ทั้งสามเห็นทุกอย่างก็มีสีหน้าดีใจอย่างบ้าคลั่ง ทยอยกันคารวะจุดที่หานลี่หายไป แล้วตรงไปในทางเดินพร้อมกันโดยไม่พูดอันใด
แม้ว่าด้านในจะยังร้อนระอุ แต่คนขุดแร่ทั้งสามกลับกัดฟันทำเป็นไม่สนใจ
……
ยามนี้หานลี่กลับมายังเดิม และดูดซับไอสีเขียวมาจากใต้ดินบริเวณรอบ จากนั้นก็เก็บเข้าไปในขวดอย่างระมัดระวัง ถึงได้มาถึงจุดที่ทองคำมารถูกซ่อนเอาไว้อีกครั้ง
ไอสีเขียวเหล่านี้ย่อมเป็นไอหยินธรณีชั่วร้ายกลายพันธุ์ แต่เดิมถูกพวกมันแนบติดอยู่กับคนขุดแร่ จึงถูกดูดโลหิตไปจนสิ้นชีวิต พวกมันถึงได้ซ่อนอยู่ใต้ดินบริเวณนี้ ยามนี้จึงไม่ได้ทำร้ายผู้ใดอีก
โชคดีที่ยามที่อู๋โยวและพวกสืบหาเรื่องนี้ แค่กังวลเรื่องทองคำมาร จึงปล่อยผ่านไปไม่ได้ตรวจสอบที่นี่ให้ละเอียด
มิเช่นนั้นหากพวกเขาพบไอหยินธรณีชั่วร้าย ก็อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ส่วนทองคำมารที่พบใหม่บอกว่าเป็นเหมืองย่อย ความจริงแล้วเป็นแค่ด้านข้างเหมืองเดิมเท่านั้น
คนขุดแร่สามคนขุดไปแค่สิบกว่าจั้ง ก็พบพวกมันแล้ว
หานลี่คิดคำนวณจากตำแหน่งของไอหยินชั่วร้ายที่แผ่ออกมาสองสามจุดก็ได้ผลลัพธ์
หากมีลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้จริงๆ กว่าครึ่งคงอยู่ด้านล่างเหมืองย่อยของทองคำมาร
ดังนั้นกำจัดเผ่ามารสามคนไป เขาก็กลับมาที่เหมืองย่อย จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ลำแสงสีเขียวสิบกว่าลูกบินออกมาจากแขนเสื้อ และพลิ้วไหวอย่างต่อเนื่องกลายเป็นหุ่นเชิดวานรสีเขียว ทุกตัวมีความสูงสองสามจั้ง หน้าตาอัปลักษณ์ แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบออกมา
เขาแค่กระตุ้นจิตสัมผัสนิ้วของหุ่นเชิดเหล่านี้ก็มีลำแสงสีขาวยาวสองสามชุ่นพุ่งออกมา จากนั้นก็เดินเข้าไปในทางเดินเหมืองแร่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เริ่มขุดทองคำมารอย่างโจ่งแจ้ง
ส่วนหานลี่ที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ในแขนเสื้อมีเงาลวงตาสีทองบินออกมา
เงาลวงตาสีทองผนึกเข้าด้วยกัน กลายเป็นอสูรน้อยสีทองอ่อนตัวหนึ่ง
นั่นก็คืออสูรมิคาทน!
เห็นได้ชัดว่าเดิมอสูรตัวนี้กำลังหลับอุตุอยู่ในกำไลเก็บอสูร แม้ว่าจะถูกปล่อยออกมา ดวงตาทั้งสองกลับเพิ่งจะเบิกตาขึ้น ท่าทางไร้เดียงสา เผยความน่ารักออกมา
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา ปากก็คำสั่งว่า ‘ดูหุ่นเชิดเหล่านั้นให้ดี’ อย่าให้คนนอกเข้ามา ผิวมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วแทรกหายไปใต้ดิน
อสูรน้อยสีทองกะพริบตาปริบๆ ท่าทางเข้าใจแล้ว หลังจากคำรามต่ำๆ ออกมา ก็กระโจนออกไปกระโดดเข้าไปตรวจตราหุ่นเชิดวานรที่อยู่ในทางเดินเหมืองแร่
ยามนั้นเวลาจึงค่อยๆ ไหลผ่านไป!
หุ่นเชิดวานรสีเขียวสิบกว่าตัวล้วนมีพลังยุทธ์ระดับจิตวิญญาณสีทอง พากันกระตุ้นลำแสงสีขาวบนนิ้วทั้งสิบเต็มกำลัง ดินที่แข็งดั่งเหล็กกล้าก็ทยอยกันถูกขุดออกราวกับเต้าหู้ และหยิบทองคำมารที่ซ่อนอยู่ออกมาทีละก้อนๆ
เดิมที่ต้องใช้คนขุดแร่ร้อยคนใช้เวลาขุดสองสามเดือนถึงจะหมดก็ถูกขุดจนหมดภายในเวลาสองสามชั่วยาม
เช่นนั้นอสูรน้อยแค่เก็บทองคำมารทั้งหมดไว้ในกำไลเก็บของ แล้วอยู่กับหุ่นเชิดวานรสีเขียวที่หยุดการเคลื่อนไหว
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามอสูรมิคาทนที่หมอบอยู่ตรงมุมอย่างหงุดหงิดก็คิดจะยืนขึ้นเดินไปมา ฉับพลันนั้นทางเดินเหมืองแร่ก็สั่นไหว ศิลาแตกๆ จำนวนนับไม่ถ้วนทยอยกันร่วงลงมาจากกำแพงหินที่เป็นรูโบ๋ทั้งสองฝั่ง ราวกับว่าจะพังทลายลงมาได้ตลอดเวลา
อสูรมิคาทนพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นร่างกายก็พลิ้วไหวกลายเป็นเงาลวงตาสองสามสายพุ่งออกมา
เห็นเพียงลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ หุ่นเชิดสีเขียวสิบกว่าตัวสลายหายไป จากนั้นเงาลวงตาทั้งหมดก็รวมตัวกัน กลายเป็นสายรุ้งสีทองเจิดจ้าจนแสบตาสายหนึ่งพุ่งแหวกเพดานเหมืองแร่ไปแล้วทะลุผ่านพื้นดินไป
ชั่วพริบตาที่อสูรมิคาทนเพิ่งจะหนีไป เสียงอึกทึกก็ดังขึ้นที่ทางเดินเหมืองแร่ ในที่สุดก็พังทลายลงมา
หินจำนวนนับไม่ถ้วนถล่มลงมา ชั่วพริบตาก็ปิดทางเดินนั้นไว้จนมิด
และในยามนี้บนผิวดินยอดเขาตั้งตรงก็สั่นเทาอย่างรุนแรง เสียงพังทลายดังสนั่นขึ้น
หมอกฝุ่นจำนวนมากแผ่ออกมา ในเวลาเดียวกันเศษหินขนาดน้อยใหญ่ก็ร่อนลงมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
เสียงอึกทึกดังสนั่นนี้ราวกับฟ้ากำลังพังทลายลงมาก็ไม่ปาน!
เสียงหวีดร้องระเบิดออกมา เงาสีทองสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วพุ่งออกมาจากเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง พลางหยุดอยู่กลางอากาศ และเผยเงาร่างอสูรน้อยสีทองออกมา
อสูรตัวนี้จ้องเขม็งไปยังยอดเขาที่พังทลายลงมาด้านล่าง แววตาอดที่จะเผยสีหน้ากังวลออกมาไม่ได้
และแทบจะในเวลาเดียวกันด้านล่างพลันมีเสียงระเบิดราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น!
ยอดเขายักษ์ราวกับมีเสียงระเบิดราวกับภูเขาระเบิดดังขึ้น ก้อนหินน้อยใหญ่พุ่งไปยังกลางอากาศราวกับพายุฝนกระหน่ำ
อสูรมิคาทนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นกรงเล็บข้างหนึ่งก็วาดไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เงากรงเล็บสีทองจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า ทยอยกันตะปบไปทางก้อนหินที่พุ่งมาหาตัวเองจนแตกละเอียด
แต่อสูรน้อยสีทองกลับจ้องเขม็งไปด้านล่างด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
ด้านล่างมีเสียงกรีดร้องราวกับเสียงมังกรคำรามดังขึ้น!
พริบตานั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ลำแสงสีเขียวความยาวสิบจั้งเศษแผ่แสงเจิดจ้าออกมาแล้วทะลวงผ่านใต้ดิน
ทุกแห่งที่กระบี่ลำแสงผ่านไปขวางก้อนหินน้อยใหญ่เอาไว้และถูกทำให้แตกละเอียด
เงาร่างคนในลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง หานลี่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้วยสีหน้าซีดเผือด แต่สิ่งที่แปลกก็คือในมือของเขามีลำแสงสีเขียวเจิดจ้าอยู่ ด้านในมีศิลาสีเขียวมรกตขนาดเท่ากำปั้นอยู่รางๆ อีกมือหนึ่งกุมกระบี่ยักษ์ยาวสองสามจั้งเปล่งแสงสีทองเรืองรองเอาไว้ และมองไปยังความวุ่นวายด้านล่างด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
อสูรมิคาทนเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกดีใจ หลังจากร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ก็กระโจนขึ้นไป รางเลือนแล้วปรากฏตัวข้างกายหานลี่ และใช้หัวที่มีขนปุกปุยถูขนเขาไปมาอย่างสนิทสนม
หานลี่หันหน้ามาฉีกยิ้มให้กับอสูรน้อย แล้วถึงได้ตบหัวของมันเบาๆ พลางเอ่ยว่า
“ระวังหน่อย ด้านล่างมีพวกที่รับมือยาก เดาว่าคงต้องสำแดงฝีมือที่แท้จริงถึงจะได้”
เมื่อได้ยินว่ามีศัตรูอสูรน้อยสีทองกลับไม่ตกตะลึงแต่ดีใจ หลังจากคำรามเสียงดังออกมา ลวดลายสีทองบนร่างก็เปล่งแสงสว่างวาบ ร่างขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นอสูรน้อยสีทองความยาวสองสามจั้ง
เสียงร้องประหลาดด้วยความโกรธออกมาดัง “ก๊าบๆ” พลันดังมาจากด้านล่าง!
จากนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนสองสามครา ราวกับมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้นที่พื้นดิน สัตว์ประหลาดตัวสีเหลืองเข้มราวกับยอดเขากระโจนออกมาจากใต้ดิน และยิ่งไปกว่านั้นดวงตาสิบกว่าดวงเหนือหัวก็จ้องเขม็งไปที่หานลี่ซึ่งอยู่กลางอากาศไม่ละสายตา
สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่เพียงร่างกายสูงใหญ่ดุจภูผา ผิวสีเหลืองอ่อนยังมีก้อนหินหลากสีสันขนาดน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด บ้างก็แวววาว คาดไม่ถึงว่าจะศิลาหายาที่มีมูลค่าไม่ธรรมดา
“อสูรดูดลำแสง! ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาพบที่นี่ ในมือข้ามีลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ สาเหตุที่มันแหวกว่ายอยู่ใต้ดิน กว่าครึ่งคงเป็นคุณงามความดีของเจ้าพวกนั้น ก็ดีไม่รู้ว่าอสูรตัวนี้อยู่กับลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้มานานเท่าไหร่แล้ว ตัวมันมีพลานุภาพของลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้อยู่ส่วนหนึ่ง หากจับมันมาหลอมได้ น่าจะเป็นวัตถุดิบในการหลอมภูเขาที่เพียงพอ” หานลี่พิจารณาก้อนหินสีเขียวในมือ แล้วมองอสูรยักษ์ด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม